ครม.เทงบ2,080 ล.เยียวยาเหยื่อใต้-ยืดเก็บภาษีดีเซลอีก1ด.

ครม.เทงบ2,080 ล.เยียวยาเหยื่อใต้-ยืดเก็บภาษีดีเซลอีก1ด.

ครม.เทงบ2,080 ล.เยียวยาเหยื่อใต้-ยืดเก็บภาษีดีเซลอีก1ด.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบอนุมัติงบประมาณ จำนวน 2,080 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ในเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ เช่น เหตุการณ์กรือเซะ และตากใบ โดยแบ่งผู้ได้รับผลกระทบออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ถูกคุมขังหรือถูกดำเนินคดี ซึ่งมีหลักฐานว่าผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี โดยจะมีการใช้หลักเกณฑ์ของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) มาร่วมพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก คณะรัฐมนตรี อนุมัติภายใน 2 สัปดาห์ จะสามารถจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบได้ ครม.ยืดภาษีดีเซล อีก 1 ด.นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุม ได้มีมติขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพาสามิต น้ำมันดีเซล จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. ออกไปอีก 1 เดือน ให้ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ จนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และราคาสินค้าภายในประเทศ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้นั้น จะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ของทาง กระทรวงการคลัง ลดลง จำนวนทั้งสิ้น 9,000 ล้านบาท ครม.เห็นชอบให้พักหนี้ประชาชนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อย และประชาชนที่มีรายได้น้อย ที่มีหนี้คงค้างไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งในครั้งนี้จะเพิ่มลูกหนี้ชั้นดีในส่วนที่เป็นลูกค้าของ 4 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยมีประชาชนที่มีสิทธิ์เข้าร่วมแลกทั้งหมด 3,758,226 ราย มูลหนี้กว่า 459,113 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการพักหนี้นี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 0.4 - 0.7 โดยโครงการดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ปีนี้ ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2558 ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจะโดนออกจากโครงการทันที ครม.อุ้ม SME เปิดช่องนำค่าแรงหักลดหย่อนภาษีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติมาตรการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีมาตรการใน 2 ส่วน ประกอบด้วย มาตรการทางการเงินในการให้ผู้ประกอบการสามารถกู้เงินผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Bank เพื่อใช้ในการปรับปรุงพัฒนาและซื้อเครื่องจักรใหม่ ระยะเวลากู้เงิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 3 ใน 2 ปีแรก วงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อรวม ในมาตรการดังกล่าว อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท รวมไปถึง มาตรการด้านภาษีในการยกเว้นภาษีเงินได้ จากการขายเครื่องจักรเก่า เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ในการให้ผู้ประกอบการสามารถนำรายได้ในส่วนนี้ ไม่ต้องมาเสียภาษี และยังให้ผู้ประกอบการสามารถนำส่วนต่าง จากการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน สามารถมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ทั้งนี้จะต้องเป็น SME ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท ครม.รับทราบปัญหาสร้างรถไฟสายสีแดงนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานปัญหาอุปสรรค ของการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต โดยในขณะนี้ได้แนวข้อสรุปในการย้ายแนวท่อของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด โดยให้ช่างทางด้านเทคนิค ทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ได้เห็นร่วมกันว่า จะมีการรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมัน ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 13 จุด เหลือเพียง 2 จุด ซึ่งก็มีวงเงินการรื้อย้าย 96 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมในส่วนของงบการรื้อย้ายปรับมาอยู่ที่ 341 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทขนส่งน้ำมันยอมรับว่า ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายได้ เนื่องจากบริษัทฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องยอมรับภาระอัตราค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งต่อจากนี้ไป ทาง ร.ฟ.ท. จะมีการฟ้องร้องตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป กับบริษัทขนส่งน้ำมัน ครม.สั่ง อคส.นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ช่วยเกษตรนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบ การนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ออกมาใช้ และพบว่า อัตราการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังคงมีความต้องการใช้ข้าวโพด กว่าปีละประมาณ 127,342 ตัน จึงสั่งให้ทาง อคส. นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนของผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อยรวม 30,000 ตัน ก่อนผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาดในเดือน ก.ค.นี้ โดยที่มีระยะเวลาการนำเข้าตั้งแต่เดือน พ.ค. - มิ.ย. 2555 เพื่อจำหน่ายให้กับผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อย ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยให้ทาง อคส. กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร หรือ ธ.ก.ส. วงเงิน 300 ล้านบาท และให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ อคส. จ่ายขาดรวม 37.5 ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณ เบิกจ่ายเงินจากงบกลาง มาใช้ในการดำเนินการต่อไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook