แม่เลี้ยงเหี้ยม! เฆี่ยน-ตบบ้องหูลูก จับขังนอกระเบียง

ด.ช.วัย 11 ปี ถูกแม่เลี้ยงใช้ไม้แขวนเสื้อเฆี่ยน จนเลือดแห้งติดเกรอะกรัง ซ้ำใช้มือตบบ้องหู แล้วจับกังขังบนระเบียงคอนโดฯนาน3-4วัน ชาวบ้านเวทนาแจ้งตร.เข้าช่วย

(25 มี.ค.) วานนี้ (24 มี.ค.) สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพระประแดงว่า พบเด็กถูกกักขังอยู่ระเบียงหลังห้องภายใน บางครุคอนโด หมู่ที่ 10 ซ.สุขสวัสดิ์ 47 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงรีบเดินทางไปให้การช่วยเหลือ ที่เกิดเหตุบริเวณตึก A ห้อง 203 หลังห้องซึ่งเป็นระเบียงพบ ด.ช.บอย (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพระประแดง นั่งร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าเวทนาอยู่บนระเบียงห้อง โดยพบว่าประตูหน้าและด้านหลังห้องถูกล็อคปิดตาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ห้องใกล้เคียง เพื่อนำบันไดไม้มาพาดกับระเบียง จากนั้นได้ปีนเข้าให้การช่วยเหลือ นำตัวเด็กลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัย โดยพบว่า ด.ช.บอย มีสภาพที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด จากการตรวจสอบสภาพร่างกายของด.ช.บอย พบบาดแผลเป็นริ้วยาว บริเวณแผ่นหลังและก้นหลายแห่ง มีลักษณะคล้ายถูกเฆี่ยนตี ส่วนบริเวณกกหูขวา และใบหูมีบาดแผลเป็นแนวคล้ายถูกตีเช่นกัน และพบว่ามีคราบเลือดแห้งเกรอะกรังติดอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวเด็กส่งแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเบื้องต้น 

จากการสอบถาม น้องด.ช.บอย กล่าวว่าตนเป็นลูกของนายอัมฤทธิ์ กล้ากระโทก ส่วนแม่นั้นเป็นแม่เลี้ยงชื่อ นางพรรณี สุขพุทธ โดยทุกวันตนพร้อมกับพ่อ แม่เลี้ยง และน้องสาวซึ่งเป็นลูกที่ติดมากับแม่เลี้ยงจะพักอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่หากวันใดตนออกไปเล่นหรือไม่ทำตามคำสั่งแม่เลี้ยง ก็มักจะถูกแม่เลี้ยงเฆี่ยนตีด้วยไม้แขวนเสื้อ บางครั้งก็ถูกแม่เลี้ยงตบบ้องหู หนักสุดเคยถูกจับขังไว้ระเบียงหลังห้องมาแล้ว 4 วัน เมื่อเวลาปวดอุจจาระหรือปวดปัสสาวะตนต้องอั้นไว้ทุกครั้ง โดยแม่เลี้ยงจะซื้อข้าว กล่องวางไว้ให้จำนวน 2 กล่อง จนเวลาประมาณ 22.00 น.-24.00 น. หลังจากที่พ่อและแม่เลี้ยงกลับมาห้อง จึงจะเปิดให้ตนเข้าไปในห้องได้

ด้าน น.ส.มณีรัตน์ แสนเขื่อนแก้ว อายุ 25 ปี ที่อาศัยอยู่ห้องข้างเคียง กล่าวว่าเคยเห็นเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งในวันนี้ได้มีเพื่อนที่พักอยู่ตึกตรงข้ามโทรศัพท์มาบอกว่า พบเด็กนั่งอยู่บนระเบียงหลังห้องมาแล้ว 3-4 วัน คาดว่าน่าจะถูกขัง จึงเปิดประตูหลังห้องของตนไปดูก็พบเด็กจริงๆ จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญตัวพ่อและแม่เด็กให้มารับตัวพร้อม ทั้งสอบสวนว่ากระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป