ไทยเตรียมจัดประชุมนโยบายแอลกอฮอล์โลก

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม "นโยบายแอลกอฮอล์ระดับโลก" หรือ GAPC ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่า การประชุมฯ จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 13 - 15 ก.พ. 2555 โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายแอลกอฮอล์ระดับโลก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสว.) และองค์การอนามัยโลก และมีนักวิชาการทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 800 คน ทั้งนี้ นายวิทยา ระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุให้มีประชากรโลกเสียชีวิตปีละกว่า 2.5 ล้านคน เฉพาะในกลุ่มคนอายุระหว่าง 15 - 29 ปี มีจำนวนถึง 320,000 คน ในส่วนของประเทศไทย มีนโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ 5 ด้าน อาทิ การควบคุมการเข้าถึงทางเศรษฐศาสตร์และทางกายภาพ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและลดแรงสนับสนุนในการดื่ม การลดอันตรายจากการบริโภค การจัดการปัญหาในระดับพื้นที่ และการพัฒนากลไกการจัดการและการสนับสนุนที่เข้มแข็ง อีกทั้งยังมีพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 อีกด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่กรมควบคุมโรค ในงานแถลงข่าวการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม "นโยบายแอลกอฮอล์ระดับโลก" ของประเทศไทย พบว่า กลุ่มประชากรไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไป จำนวน 53.9 ล้านคน ดื่มสุรา 17 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรในวัยนี้ โดยผู้ชายดื่มมากกว่าผู้หญิง 5 เท่าตัว ผู้ชายเริ่มดื่มเมื่ออายุเฉลี่ย 19.4 ปี ส่วนผู้หญิงเริ่มดื่มเมื่ออายุเฉลี่ย 24.6 ปี และเมื่อเทียบกับปี 2552 ผู้ชายดื่มลดลงจากร้อยละ 54.5 เป็นร้อยละ 53.4 ส่วนผู้หญิงดื่มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.8 เป็น ร้อยละ 10.9ด้าน ท.พ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การจัดการปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นนโยบายสำคัญที่หลายประเทศเร่งดำเนินการ โดย สสส.ไทย ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ประธาน สสส.โลก มีภารกิจสำคัญ คือ การสนับสนุนประเทศต่างๆ พัฒนานโยบายควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ทั้งนี้ ทต.กฤษดา ยังเปิดเผย ถึงข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า คนไทยซื้อแอลกอฮอล์ลดลงกว่า 14,000 ล้านบาท ใน 5 ปี ที่ผ่านมา โดยปี 2553 อยู่ที่ 139,337 ล้านบาท ลดลงจากปี 2550 อยู่ที่ 153,901 ล้านบาท เป็นผลมาจากการผลักดันนโยบาย และรณรงค์โครงการต่างๆ อาทิ โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา โครงการรับน้องปลอดเหล้า และโครงการให้เหล้าเท่ากับแช่ง