ธนวรรธน์ชี้จ่ายใต้โต๊ะไม่เร่งแก้กระทบGDP8แสน-1ลล.

ธนวรรธน์ชี้จ่ายใต้โต๊ะไม่เร่งแก้กระทบGDP8แสน-1ลล.

ธนวรรธน์ชี้จ่ายใต้โต๊ะไม่เร่งแก้กระทบGDP8แสน-1ลล.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในช่วงเดือน ธ.ค. 2554 เปรียบเทียบกับในช่วงเดือน มิ.ย. 2554 พบว่าดัชนีมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อ ยอยู่ที่ 3.6 คะแนน จากเดิม 3.4 คะแนน โดยร้อยละ 40.7 มองว่า การซ่อมสร้างถนนและสะพานหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วม จะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดโอกาสคอร์รัปชั่นมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 13.9 มองการซื้ออุปกรณ์ของ.ภาครัฐ และร้อยละ 14.2 มองการจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วมจะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคอร์รัปชั่นได้ ทางด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากการสำรวจที่พบว่าโครงสร้างการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษยังคงมีสูงจะส่งผลเสียต่อ จีดีพี ร้อยละ 1.5-1.6 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 5-10 ปี หากไม่ได้รับการแก้ไขจะทำให้เกิดความเสียหายต่อจีดีพี 800,000 - 1,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ ยังเปิดเผยถึงกรณีการแจ้งเตือนการก่อการร้ายในไทยของสหรัฐฯ ว่า เป็นเรื่องปกติ ที่จะแจ้งเตือนประชาชนในประเทศเพื่อความปลอดภัย และหากการแจ้งเตือนคงอยู่ในระยะเวลา 1 เดือน จะไม่กระทบต่อจีดีพี และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่หากการแจ้งเตือนคงอยู่ 2 - 6 เดือน จะสร้างความวิตกกังวลแก่นักท่องเที่ยวเอเชีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้ ซึ่งจะกระทบรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้ลดลงร้อยละ 20 - 30 ฉะนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้กระทบต่อจีดีพี โดยทางหอการค้าไทย คาดว่า ในปีนี้ จะสามารถขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5 - 5ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำงาน เพราะมีนโยบายที่จะสานต่ออย่างชัดเจน โดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการดูแลในเรื่องของการกำกับภาษีต่างๆ โดยผลงานที่ผ่านมาในช่วง 4 เดือน ถือว่ารัฐบาลสอบผ่าน ให้คะแนน 7 เต็ม 10 เพราะถือว่ามีผลงานในเรื่องของการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าจะเจอกับวิกฤติของน้ำท่วม โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ กระทรวงการคลัง จะต้องทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงพลังงาน มากที่สุด เพื่อดูแลความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศกับประชาชนผู้บริโภค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook