ย้ำ! 16 ม.ค. ปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ

ย้ำ! 16 ม.ค. ปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ

ย้ำ! 16 ม.ค. ปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

8 ธ.ค. - นายพิชัย นริพทะพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ยังไม่มีแผนชะลอ การปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี เอ็นจีวี และเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล- เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ในวันที่ 16 มกราคม 2555 เพื่อสะท้อนราคาต้นทุน และปลอบใจแท็กซี่ขอให้ใจเย็นจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ โดยจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีประกาศภายในเดือนเมษายนปีหน้า

นายพิชัย กล่าวว่า ขอให้แท็กซี่ซึ่งคัดค้านการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี รอคอยนโยบายจากทางกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะมีการช่วยเหลือเพิ่ม จากที่ในขณะนี้ได้ประกาศใช้บัตรเครดิตพลังงาน 3,000 บาท/เดือน และสามารถนำไปเป็นส่วนลดราคาเอ็นจีวี 0.50-2.00 บาท/กก. จากที่ กพช. มีมติปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นปี 2555 ในอัตราเดือนละ 50 สต./กก. ดังนั้น จะเท่ากับว่าราคาเอ็นจีวีที่แท็กซี่จ่าย จะคงที่ 8.50 บาท/กก.ไปจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ซึ่งในขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังศึกษาแผนงานช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อทำให้แท็กซี่มีรายได้คงเหลือเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราค่าก๊าซที่จะเพิ่ม ขึ้น แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยกระทรวงฯ มีเป้าหมายอยากเห็นแท็กซี่ของไทยมีรายได้สูง และมีเงินเที่ยวต่างประเทศได้เช่นเดียวกับแท็กซี่สิงคโปร์-ฮ่องกง แต่รายได้ที่เพิ่มจะไม่ทำให้ผู้โดยสารมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะปรับขึ้นราคาก๊าซจากวันที่ 16 มกราคม 2555 ถึงสิ้นปี 2555 โดยปรับขึ้นราคาแอลพีจี 41 สต./ลิตร/เดือน เอ็นจีวี 50 สต./กก./เดือน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล 60 สต./ลิตร กองทุนน้ำมันฯ ของเบนซิน -แก๊สโซฮอล์ จัดเก็บ 1 บาท/ลิตร/เดือน โดยจะขึ้นในอัตราที่เหมาะสม และจะเพิ่มส่วนต่างของเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพื่อจูงใจให้มีการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น

"การปรับขึ้นเงินกองทุนน้ำมัน-ราคาก๊าซ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนบ้าง แต่ก็ไม่ได้เท่ากับต้นทุนที่แท้จริงทั้งหมด ส่วนเรื่องภาษีดีเซลกว่า 5 บาท/ลิตร หากชะลอการขึ้นภาษีก็จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมแต่ เรื่องนี้ก็คงขึ้นอยู่กับ รมว.คลังจะตัดสินใจอย่างไร" รมว.พลังงาน กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในบ่ายวันนี้จะหารือกับ รมว.คลัง เพื่อให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) จะเรียกเก็บจากโครงการฟื้นฟูสถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะเก็บร้อยละ 8 โดยจะเสนอให้ลดลงเหลือร้อยละ 6 โดยโครงการนี้ทางคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ได้เห็นชอบนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 180 ล้านบาทช่วยจ่ายชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5 ต่อปี ให้แก่สถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกู้จากเอสเอ็มอีแบงก์ วงเงินสินเชื่อรวม 600 ล้านบาท (ผู้ประกอบการจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 3) หากอัตราดอกเบี้ยลดลงก็จะทำให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการได้เพิ่มขึ้น

สำหรับผลกระทบอุทกภัยต่อสถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งนี้ ประกอบด้วย ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแอลพีจี สถานีบรรจุก๊าซแอลพีจี 1,200 แห่ง รถขนส่งน้ำมัน รถขนส่งแอลพีจี ประมาณ 900 คัน โดยกรมธุรกิจพลังงาน ประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฟื้นฟูสถานประกอบการประมาณ 600 ล้านบาท โดยระยะเวลาที่จะให้สถานประกอบการยื่นกู้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554-มีนาคม 2555

ที่ประชุม กบง. ในวันนี้ ยังได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาระบบ SMART GRID หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นประธาน โดยระบบนี้ จะเป็นการนำเทคโนโลยีสาระสนเทศและสื่อสาร ที่นำมาบริหารจัดการ การควบคุมการผลิต การส่ง และจ่ายพลังงานไฟฟ้า รองรับการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานต่าง ๆ ได้เหมาะสม ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้ระบบโครงข่ายไฟฟ้า - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook