จับตาโผ บิ๊ก ตร.ยุคน้ำท่วมกรุง
หลังจาก ก.ต.ช. มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น ผบ.ตร. เต็มตัวไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทำให้มีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งระดับบิ๊กนายพลได้ตามกฎหมาย ซึ่งในวันที่ 25 ต.ค.นี้ น่าจะมีความชัดเจน หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับและดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธาน ก.ตร. ได้เรียกประชุม ก.ตร. เพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย ทันที หลังต้องเสนอให้ที่ประชุมเลื่อนการพิจารณาจนถึงวันที่ 31 ต.ค.นี้ ในส่วนของผลการพิจารณาจะเริ่มที่ระดับรอง ผบ.ตร. ที่พิจารณากันไปตามกฎระเบียบ ไม่ต้องลุ้น โดยสไลด์ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าไลน์หลัก เป็น รอง ผบ.ตร.
ทำให้เก้าอี้ ที่ปรึกษา (สบ 10) ว่าง 5 เก้าอี้ หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (หน.นรป.) ว่าง 1 เก้าอี้ บอร์ดเล็กขยับ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา พล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันท์ รอง จตช. (สบ 9) ให้ติดยศ พล.ต.อ. ขึ้นเป็น ที่ปรึกษา (สบ 10) ส่วน พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ รอง หน.นรป.(สบ 9) ขึ้นเป็น หน.นรป. (สบ 10)
แต่มีหมายเหตุ กรณี พล.ต.ท.สมยศ แม้คุณสมบัติครบ มีอาวุโสอันดับ 1 แต่ตำแหน่งนี้ กลับเกิดการถกเถียงในห้องประชุมอย่างกว้างขวาง จากกรณีตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีพิเศษ สุดท้ายบอร์ดกลั่นกรอง ยกป้ายให้ขึ้น แต่ข้อร้องเรียนคดีดังกล่าวเสนอให้ ก.ตร. ทบทวนอีกครั้ง
ด้านระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และเทียบเท่า ขยับ พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง จตช. (สบ 9) เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ทำให้มีเก้าอี้ รอง จตช.(สบ 9) ว่าง 2 เก้าอี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าง 6 เก้าอี้ และเก้าอี้ รอง หน.นรป. (สบ 9) ว่าง 1 เก้าอี้ มติบอร์ดเล็ก พิจารณาตามหลักความอาวุโส ให้ พล.ต.ท.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.ภ.6 ขึ้นเป็น รอง จตช. (สบ 9) และ พล.ต.ท.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ จตร. (สบ 8) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม ผบช.สตส. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผบช.ตชด. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.กมค. เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล ผบช.สง.นรป. (สบ 8) ขึ้นเป็น รอง นรป. (สบ 9) เป็นไปตามความอาวุโส
ระดับ ผบช. คาดว่า พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รอง ผบช.ก.หลานเขย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นนั่งตำแหน่ง ผบช.น.พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 อาจต้องนั่งในตำแหน่งรักษาการ ผบช.ภ.1 ไปก่อนจนกว่าจะมีมติ ก.ตร. แก้ไขปัญหาการร้องเรียนของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. เสร็จสิ้น พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. เป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. เป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา รอง ผบช.ก. เป็น ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ รอง ผบช.ภ.1 เป็น ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รอง ผบช.ปส. มือปราบคนสนิท พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ป้ายแดง ขยับเป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ถูกโยก เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.สุทิน เขียวรัตน์ รอง ผบช.ตชด. เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา จตร. (สบ 8) เป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.ธนากร ศิริอัฐ ผบช.สงป. เป็น ผบช.ส. พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ จตร. (สบ 8) ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เป็น ผบช.สพฐ.ตร.
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่า ในการแต่งตั้งนายพลตำรวจครั้งนี้ จะมีการล้วงโผจากทางการเมืองหรือไม่ หลังจากที่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ "บิ๊กอ๊อฟ" ที่ขยับขึ้นเร็วเป็นสายฟ้าแล่บนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกี่ยวดองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมหลังงานนี้ "รองนายกฯ เฉลิม" ยืนกรานเสียงแข็งว่า จะไม่เข้ามาล้วงลูกอย่างแน่นอน พร้อมระบุในที่ประชุม ก.ตร.ครั้งล่าสุดว่า การพิจารณาแต่งตั้งนั้น ต้องเป็นไปด้วยความชอบธรรมแก่ทุกฝ่าย ยึดหลักอาวุโส ร้อยละ 33 บวกกับประสบการณ์การทำงานและความรู้ความสามารถร้อยละ 67 โดยให้เป็นอำนาจของ "บิ๊กอ๊อฟ" ในการพิจารณาเต็มที่ แต่ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาให้ความเชื่อมั่นกับ ประชาชนมากเท่าใด ดูเหมือนว่า กระแสและโผที่ออกมานั้น จะสวนทางกันเสียเหลือเกิน ก็อย่างว่า ยุคนี้ "เด็กใครเด็กมัน" สำคัญเสียยิ่งกว่า "ฝีไม้ลายมือเสียอีก" อย่าลืมว่า ความจำเป็นที่ต้องมีการแต่งตั้งโยกย้าย แม้จะล่าช้ามาเกือบ 2 เดือน นั่น เป็นเพราะติดขัดในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ติดเรื่องการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาจนถึงตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่ "บิ๊กอ๊อฟ" ยังไม่กล้าทำเต็มที่ เพราะแม้จะมีอำนาจ แต่ก็ดูจะไม่เหมาะสม เพราะ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในขณะนั้น ยังนั่งหัวโด่อยู่เพียงแต่ลาพักร้อนยาวไปหน่อยเท่านั้น แต่คราวนี้ดูเหมือนประสบอุทกภัยน้ำท่วมกรุง! ครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะฉุดการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ไว้ไม่อยู่เสียแล้ว เพราะ "รองนายกฯ เฉลิม" เคาะแล้วว่า จำเป็นต้องรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ และกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของวงการสีกากีในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย...
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม งานนี้ต้องมีทั้งคนที่อกหักและคนที่สมหวัง บางคนผิดโผบ้างก็ว่ากันไป ขออย่างเดียว หากยังอยู่ในตำแหน่ง ก็ขอให้นายตำรวจทุกนาย "ใส่ใจและดูแลทุกข์สุขของประชาชน ในช่วงน้ำท่วมกรุง! แบบนี้ ให้สมกับคำขวัญที่ขึ้นป้ายทั่วประเทศว่า" บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร ดุจครอบครัว ก็พอแล้วครับพี่น้อง!