ฝนถล่มเมืองสุรินทร์-น้ำชีทะลักท่วมนาข้าว
นายอำนวย จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในอ่าง
เก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางในเขต จ.สุรินทร์ ทั้ง 18 แห่ง ปริมาณน้ำ วัดได้ 134.846 ล้านลูกบาศก์เมตร
ของความจุทั้งหมด 145.097 ล้ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 5 อำเภอ 16 ตำบล 89 หมู่บ้าน
ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 5,304 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร นาข้าว เสียหายประมาณ 11,600 ไร่ มันสำปะหลัง
เสียหายประมาณ 22,956 ไร่ ถนน 12 สาย ขณะนี้ ระดับน้ำแม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งและน้ำไหลเอ่อมาจากลำพลับพลา
เอ่อท่วมพื้นที่นาข้าวขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ หากฝนตกในพื้นที่ซึ่งจะทำให้น้ำปริมาณสูงขึ้นมาก น้ำอาจจะเอ่อท่วม
เส้นทางสัญจรและบ้านเรือนของประชาชน
ทั้งนี้ อำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อปท.ในพื้นที่ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจัดเตรียมกำลัง
อปพร. จำนวน 500 นาย, เรือท้องแบนของ อปท. ในพื้นที่16 ลำ, เรือท้องแบนของ สนง.ปภ.สุรินทร์ 6 ลำ, กระสอบ
ทราย 4,000 กระสอบ, จัดเตรียมถุงยังชีพ 1,800 ถุง และอาสาปศุสัตว์ ได้จัดเตรียมที่อพยพยสัตว์ไว้ที่ปลอดภัย
เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้หลังจากปริมาณน้ำฝนตกอย่างหนักใน 2 - 3 วันที่ผ่านมา ทำให้ระดับแม่น้ำในลำน้ำชี ลำพลับพลา เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมนาข้าวของชาวนา ทั้งนาปีและนาปรัง ที่กำลังตั้งท้องออกรวงสีเขียว บางรายเกือบจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ก็ต้องจมอยู่ใต้น้ำกว่า 150 ซ.ม. เป็นส่วนใหญ่ และบางส่วนน้ำท่วมขังในนาข้าวจนทำให้รากข้าวเริ่มที่จะเน่าเฉาตาย ชาวบ้านหลายคนต้องตัดใจจ้างรถเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวดีกว่าที่จะไม่เหลืออะไรเลย
นางนิตติยา บุญกล้า อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 บ้านม่วงราษฎรเจริญ หมู่ 10 ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ปีนี้ตนทำนาปรัง 7 ไร่ ข้าวกำลังตั้งทองออกร่วงแล้ว แต่ยังไม่แก่ น้ำได้ท่วมนาข้าวรากเริ่มน้ำ เลยตัดสินใจจ้างรถเกี่ยวข้าว ซึ่งเขาคิดค่าจ้างไร่ละ 430 บาท โดยเกี่ยวข้าวทั้ง 76 ไร่ ดีกว่าเสียหายหมด ตนจะนำไปเลี้ยงเป็ดไข่ ซึ่งเลี้ยงไว้ทั้งหมด 700 ตัว และวันนี้หลังเกี่ยวเสร็จ ก็จะปล่อยเป็ดที่ขนใส่รถหกล้อ ให้มาหาเก็บเศษข้าวที่ตกหล่น กุ้ง หอย ปู ปลา กิน หวังรายได้จากการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงของครอบครัว หลังนาข้าวที่ปลูกเสียหายจากน้ำท่วม หากน้ำลดลงก็จะเริ่มไถ่และหว่านข้าวใหม่ทันที
เก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางในเขต จ.สุรินทร์ ทั้ง 18 แห่ง ปริมาณน้ำ วัดได้ 134.846 ล้านลูกบาศก์เมตร
ของความจุทั้งหมด 145.097 ล้ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 5 อำเภอ 16 ตำบล 89 หมู่บ้าน
ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 5,304 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร นาข้าว เสียหายประมาณ 11,600 ไร่ มันสำปะหลัง
เสียหายประมาณ 22,956 ไร่ ถนน 12 สาย ขณะนี้ ระดับน้ำแม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งและน้ำไหลเอ่อมาจากลำพลับพลา
เอ่อท่วมพื้นที่นาข้าวขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ หากฝนตกในพื้นที่ซึ่งจะทำให้น้ำปริมาณสูงขึ้นมาก น้ำอาจจะเอ่อท่วม
เส้นทางสัญจรและบ้านเรือนของประชาชน
ทั้งนี้ อำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อปท.ในพื้นที่ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจัดเตรียมกำลัง
อปพร. จำนวน 500 นาย, เรือท้องแบนของ อปท. ในพื้นที่16 ลำ, เรือท้องแบนของ สนง.ปภ.สุรินทร์ 6 ลำ, กระสอบ
ทราย 4,000 กระสอบ, จัดเตรียมถุงยังชีพ 1,800 ถุง และอาสาปศุสัตว์ ได้จัดเตรียมที่อพยพยสัตว์ไว้ที่ปลอดภัย
เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้หลังจากปริมาณน้ำฝนตกอย่างหนักใน 2 - 3 วันที่ผ่านมา ทำให้ระดับแม่น้ำในลำน้ำชี ลำพลับพลา เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมนาข้าวของชาวนา ทั้งนาปีและนาปรัง ที่กำลังตั้งท้องออกรวงสีเขียว บางรายเกือบจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ก็ต้องจมอยู่ใต้น้ำกว่า 150 ซ.ม. เป็นส่วนใหญ่ และบางส่วนน้ำท่วมขังในนาข้าวจนทำให้รากข้าวเริ่มที่จะเน่าเฉาตาย ชาวบ้านหลายคนต้องตัดใจจ้างรถเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวดีกว่าที่จะไม่เหลืออะไรเลย
นางนิตติยา บุญกล้า อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 บ้านม่วงราษฎรเจริญ หมู่ 10 ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ปีนี้ตนทำนาปรัง 7 ไร่ ข้าวกำลังตั้งทองออกร่วงแล้ว แต่ยังไม่แก่ น้ำได้ท่วมนาข้าวรากเริ่มน้ำ เลยตัดสินใจจ้างรถเกี่ยวข้าว ซึ่งเขาคิดค่าจ้างไร่ละ 430 บาท โดยเกี่ยวข้าวทั้ง 76 ไร่ ดีกว่าเสียหายหมด ตนจะนำไปเลี้ยงเป็ดไข่ ซึ่งเลี้ยงไว้ทั้งหมด 700 ตัว และวันนี้หลังเกี่ยวเสร็จ ก็จะปล่อยเป็ดที่ขนใส่รถหกล้อ ให้มาหาเก็บเศษข้าวที่ตกหล่น กุ้ง หอย ปู ปลา กิน หวังรายได้จากการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงของครอบครัว หลังนาข้าวที่ปลูกเสียหายจากน้ำท่วม หากน้ำลดลงก็จะเริ่มไถ่และหว่านข้าวใหม่ทันที