ค่ายมือถือกางแผนลดต้นทุน เซฟทุกค่าใช้จ่ายผ่าคลื่นเศรษฐกิจฝืด/ค่ายไอทีเน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม

ค่ายมือถือกางแผนลดต้นทุน เซฟทุกค่าใช้จ่ายผ่าคลื่นเศรษฐกิจฝืด/ค่ายไอทีเน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ค่ายมือถือรัดเข็มขัดต้อนรับปีฉลู เจ้าตลาด เอไอเอส ลดทุกค่าใช้จ่ายตั้งแต่ค่าไฟค่าน้ำยันงบลงทุน3G ขณะที่ ดีแทค หั่นงบโฆษณา 15-20% พร้อมปรับแนวความคิดดึงวิญญาณ แฮปปี้ รุ่นแรกที่ใช้กลยุทธ์ทั้งรุกและต่อยหลังปล่อยเกียร์ว่าง ด้าน ทรูมูฟ เข้มเรื่องลงทุน ศุภชัย ลั่นไม่มีนโยบายลดพนักงาน ขณะที่ค่ายไอทีเชื่อตลาดปีนี้ยังโต

ท่ามกลางสถานภาพทางเศรษฐกิจในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ปีวัวดุ ทั้งนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ทางการเงินต่างวิเคราะห์กันว่าปีนี้ เผาจริง บ้างก็ว่าร้ายแรงกว่าปี 2540 การออกมาวิเคราะห์ในลักษณะล้วนแล้วแต่เป็นภาพลบทั้งสิ้น ดังนั้นในปีนี้บรรดาอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที มีกลยุทธ์รับมือกับเศรษฐกิจในรูปแบบใดนั้น ฐานเศรษฐกิจ มีคำตอบจากบรรทัดถัดจากนี้

++ เอไอเอสลดทุกค่าใช้จ่าย

นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจมานานแล้วทั้งเรื่องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ และ ค่าไฟ แม้กระทั่งเรื่องเงินลงทุนระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ทั้งในคลื่นความถี่เดิมส่วนคลื่นความถี่ใหม่ในย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ต้องรอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพราะการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ใหม่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมในประเทศเพราะในคลื่นความถี่ใหม่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท

++ ดีแทคหั่นงบโฆษณา 20%

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดต้นทุนโดยเฉพาะงบโฆษณาประชาสัมพันธ์จะปรับลดลงประมาณ 15-20% จากในปีที่ผ่านมาได้ตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในส่วนของบริการ ATM SIM ก็จะปรับลดขนาด

เราต้องระมัดระวังไว้ก่อนปีนี้เราต้อง Fit Society

นอกจากนี้แล้วในปีจะปรับเปลี่ยน mindset (แนวความคิด) เปลี่ยนวิธีคิดปรับวิญญาณน้องๆด้วยการนำเอาวิญญาณของแบรนด์ แฮปปี้รุ่นแรกเริ่มกลับมาลุยตลาดใหม่เช่นแคมเปญหนังกลางแปลงที่บริษัทเคยนำมาใช้จะเริ่มยกแรกช่วงเทศกาลตรุษจีน

ที่ผ่านมาเราสบายเกินไปเริ่มมีเงินแต่ตอนนี้ทำแบบเดิมไม่ได้แล้วเรื่องนี้ได้นั่งคุยกับทีมงาน 6 คนว่าเราต้องเปลี่ยนแล้วนะเตรียมคุยกับทีมงานอีก 20 คนและอีก 1,000 คนในเวลาต่อไปเราจะเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้วเพราะคู่แข่งเบอร์หนึ่งหลังจากปรับแบรนด์นำน้องอุ่นใจเข้ามาก็ลุยเต็มที่

++ทรูมูฟ เข้มเรื่องลงทุน

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรูมูฟจำกัด เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทจะลดต้นทุนในการขยายการลงทุนและจะเข้มงวดทุกด้านพยายามลงทุนให้น้อยที่สุดเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่มีความชัดเจนแต่บริษัทไม่มีนโยบายLay off (ปลดพนักงาน)

สำหรับในปีนี้ ทรูมูฟ คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 1 ใน 3 อัตราการขยายตัวไม่เติบโตเท่ากับปีนี้จำนวนลูกค้าใหม่สุทธิอยู่ที่ 3-4 ล้านราย ส่วนในปีที่ผ่านมา ทรูมูฟ มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นมากกว่า 14 ล้านรายมีอัตราการเติบโต 2 ล้านเลขหมาย สำหรับการลงทุนของกลุ่มทรู ประกอบด้วย ทรูออนไลน์,ทรูวิชั่นส์ และ ทรูมูฟ ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 6,000-7,000 ล้านบาทแบ่งเป็นทรูมูฟ จำนวน 4,000 ล้านบาท

ขณะที่แผนการลงทุนระบบเทคโนโลยี 3G บนย่านความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์บริษัทมีแผนเดินหน้าการลงทุนและในย่านความถี่ 2.1 เมกะเฮิรตซ์อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตใหม่จาก กทช. ที่จะออกกลางปีนี้

เศรษฐกิจอาจมีผลลงทุนต่อมือถือ 3G แต่เราก็ยังลงทุนอยู่

++ไอบีเอ็มเชื่อตลาดไอทียังโต

นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็มประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าอุตสาหกรรมไอทีปี 2552 โดยภาพรวมคิดว่ามีการเติบโตขึ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีประเทศ เนื่องจากไอทีเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้องค์กรลดต้นทุน อย่างไรก็ตามการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ก็สูงขึ้น โดยผู้เล่นมีคุณภาพมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับความสำเร็จของโครงการ และมีความต้องการแตกต่างหลากหลายมากขึ้น

ซึ่งในจุดนี้ไอบีเอ็มยังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าแต่ละรายได้ เช่น กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและเล็ก ธุรกิจมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ไอทีเติบโตตามไม่ทัน ไอบีเอ็มสามารถเข้าไปช่วยดูแลจัดการระบบไอทีให้ได้ ซึ่งการเอาต์ซอร์ซ ช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า เพราะหากลูกค้าลงทุนเองไม่มีเกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy Of Scale) โดยไอบีเอ็มมีโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ลงทุนไว้แล้วสามารถเอามาช่วยลูกค้าให้ประหยัดเงินลงทุน โดยลูกค้าสามารถเข้ามาเช่าใช้โดยจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน ซึ่งลูกค้ายังสามารถเอาไปหักภาษีเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนได้อีกด้วย

นอกจากนี้การทำการผนวกรวมเครื่องแม่ข่าย (Server Consolidation) เพื่อช่วยในการประหยัดไฟ พื้นที่ และค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ หรือบริการรับจ้างบริหารระบบงานธุรกิจหรือ บีพีโอ (Business Process Outsourcing) ทั้งด้านระบบการจัดซื้อ ระบบบัญชี หรือระบบบริหารบุคลากร ที่ลูกค้าสามารถรวมศูนย์ระบบจัดการบริหารมาใช้โครงสร้างพื้นฐานไอบีเอ็มได้

++เอเซอร์สั่งลุยโปรโมชัน

ส่วนนายนิธิพัฒน์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่ากลยุทธ์การรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวปี 2552 นั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 บริษัทมีแผนลดงบประมาณการสร้างแบรนด์ลงไป เนื่องจากคิดว่าเอเซอร์เป็นที่รู้จักของตลาด โดยจะนำงบประมาณส่วนการสร้างแบรนด์ไปใช้ในการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายมากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจปี 2552 จะชะลอตัว แต่ตลาดไอทียังเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นตัวเลขการเติบโตลดลง โดยคาดว่าการเติบโตน่าจะอยู่ราว 10-15%

ปกติงบประมาณส่วนของการสร้างแบรนด์ คือ 20% ของงบการตลาดทั้งหมด โดยปีหน้าคาดว่าจะใช้งบการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ คือ 400 ล้านบาท ซึ่งจะเอางบการสร้างแบรนด์ส่วนหนึ่งไปทุ่มให้กับการจัดโปรโมชัน หลังจากนั้นในครึ่งปีแรกต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจใหม่

ส่วนกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์นั้นในครึ่งปีแรก จะมุ่งทำตลาดไปยัง 2 กลุ่ม ผู้ใช้ไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้แก๊ดเจ็ต นิยมเทคโนโลยีและราคา ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ อีกกลุ่มเป็นกลุ่มผู้ใช้ระดับล่าง และเมนสตรีม ที่ต้องการสินค้าราคาดี และคุ้มค่า

++เอชพี-เลอโนโวมุ่งไฮเอนด์

ด้าน นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนัล ซิสเต็มส์ กรุ๊ป หรือ พีเอสจี บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ากลยุทธ์หลักในการทำตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของบริษัทในปี 2552 จะมุ่งการนำผลิตภัณฑ์เข้ามาตอบสนองทุกตลาดต่อเนื่องตามความต้องการของตลาด โดยกลุ่มตลาดที่มองว่ามีโอกาสเติบโตปี 2552 คือ กลุ่มระดับบน หรือไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและไม่ค่อยมีคู่แข่งให้ความสนใจในการทำตลาด นอกจากนี้บริษัทยังมีความพร้อมในส่วนของเอชพี ช็อป และมีการปรับบุคลากรในการส่งเสริมการขาย ให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าระดับบนมากขึ้น

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ที่มองว่ายังเติบโตอยู่ซึ่งบริษัทจะมุ่งนำเสนอสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลไปยังลูกค้ากลุ่มดังกล่าว เนื่องจากมีความทนทาน และราคาไม่แพง ซึ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มเอสเอ็มอีได้ดีกว่าสินค้าคอนซูเมอร์ พร้อมกันนั้นยังมุ่งผลักดันสินค้ากลุ่มที่เป็นแฟชั่น หรือรุ่นพิเศษ สเปเชียลอีดิชัน ที่ออกมา 3 เดือนครั้ง ก็เป็นกลุ่มสินค้าที่ผลักดันยอดขายที่สำคัญ โดยเฉพาะได้รับการตอบรับจากกลุ่มวัยรุ่นค่อนข้างดี สุดท้ายคือ กลุ่มการศึกษา ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ภายใต้แบรนด์คอมแพค ไปยังกลุ่มนักเรียนประถม มัธยม โดยคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวมีราคาเริ่มต้น 13,900 บาท

นายปวิณ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองว่าตลาดไอทีปี 2552 ยังมีแนวโน้มการเติบโต หรืออย่างน้อยสุดน่าจะมีตัวเลขตลาดเท่ากับปีนี้ ทั้งนี้เนื่องจากอัตราการใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อจำนวนประชากรของไทยยังต่ำอยู่ คือ อยู่ที่ 11% ของจำนวนประชากร ดังนั้นยังมีช่องให้เติบโตอีกมาก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับผู้ผลิตหรือผู้ค้าแต่ละรายว่าจะสามารถนำสินค้า หรือ สามารถจัดโปรโมชัน ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่

ส่วนนายภิญโญ สงวนเศรษฐกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจทรานเซ็กชัน บริษัทเลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ากำลังซื้อของตลาดคอมพิวเตอร์ปี 2552 นั้นมีแนวโน้มการชะลอตัวลดลง 30% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทจะมุ่งไปยังกลุ่มสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด อาทิ ตลาดคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก หรือเน็ตบุ๊ก ที่มีราคาประหยัด โดยคาดว่าจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ซื้อระดับล่าง-กลาง และโน้ตบุ๊กสำหรับกลุ่มผู้ใช้ระดับบน ที่มีคุณสมบัติการทำงานสูง อาทิ ตัวประมวลผลความเร็วสูง หรือการ์ดจอคุณภาพสูง ราคาสูงกว่า 30,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากลูกค้าระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook