ศาลโลกสั่งไทย-เขมรถอนทหารพ้นพระวิหาร

นายฮิซาชิ โอวาดะ ประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก นั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา ระบุ ศาลมีอำนาจรับคำร้องของกัมพูชา และไม่ติดใจมาตร 60 กรณีไทยท้วงกัมพูชาว่า ไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง แม้เวลาผ่านมานานเกือบ 50 ปี พร้อมประกาศมติ การตัดสินร่วมกันของคณะผู้พิพากษาศาลโลก ทั้ง 16 คน

โดย 1. มีมติ 9 ต่อ 5 ให้ทหารทั้งประเทศออกมาตรการชั่วคราวเพื่อให้ทหารทั้งสองฝ่ายปฏิบัติร่วมกัน และออกจาก
พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 2. มติ 11 ต่อ 5 ให้สองฝ่ายถอนทหารจากพื้นที่รวมภูมะเขือ และครอบคลุม พ.ท.4.6
ตร.กม. ใกล้กับปราสาทพระวิหาร และต้องทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสันติภาพในพื้นที่ และ 3. มติ 15 ต่อ1ไม่ให้ไทยขัดขวางการดำเนินการของกัมพูชา

นอกจากนี้ ศาลยังได้ กำหนดเขตปลอดทหารตามแผนที่ที่ศาลแนบมา และให้คณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียดำเนิน
การโดยทันที


สรุป 7 ประเด็น ศาลโลกวินิจฉัยคำร้องกัมพูชา ขอคุ้มครองชั่วคราวปราสาทพระวิหาร แนะ 2 ฝ่าย เว้นทำให้สถานการณ์
เลวร้ายลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีข้อสรุปใน กรณีศาลโลกวินิจฉัยคำร้องกัมพูชา ขอคุ้มครองชั่วคราวปราสาทพระวิหาร โดยแบ่งออก
เป็น 7 ประเด็น ได้แก่

1. ศาลเห็นพ้องทั้งหมดให้ปฏิเสธคำร้องของไทย ให้จำหน่ายคดีที่กัมพูชาร้องให้ศาลตีความคำพิพากษาปี 2505 ใหม่
2. เรื่องมาตรการชั่วคราว ศาลมีคำสั่ง 11 ต่อ 5 เสียง ให้ทั้งสองฝั่ง ถอนทหารออกจาก "เขตปลอดทหาร" โดยเร็วตาม
แผนที่แนบ
3. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ ศาลสั่งให้กองกำลังติดอาวุธของทั้ง 2 ฝั่ง ถอนตัวจากเขตปลอดทหาร
รอบพื้นที่เขาพระวิหาร
4. ศาลสั่ง 15 ต่อ 1 เสียง ไทยไม่ควรห้ามกัมพูชา เข้าบริเวณปราสาทพระวิหาร หรือป้องกันไม่ให้กัมพูชาลำเลียงสิ่งของ
ให้พลเรือน
5. ศาลแนะไทย-กัมพูชา ควรร่วมมือต่อไปในกรอบอาเซียน โดยเฉพาะเรื่องการส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปในเขตปลอด
ทหาร
6. ทั้ง 2 ฝ่าย ควรละเว้นจากการกระทำใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
7. สุดท้ายศาลสั่ง 15 ต่อ 1 เสียง ให้ทั้ง 2 ฝั่ง แจ้งผลการปฏิบัติตามคำสั่งต่อศาล