กองทุนการออมแห่งชาติเปิดรับสมัครสมาชิก 8 พ.ค. ปีหน้า

กองทุนการออมแห่งชาติเปิดรับสมัครสมาชิก 8 พ.ค. ปีหน้า

กองทุนการออมแห่งชาติเปิดรับสมัครสมาชิก 8 พ.ค. ปีหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลัง เปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)  ภายใต้สโลแกน “เกษียณสุขใจ   มีบำนาญใช้กับ กอช.” มุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงช่องทางการออมเงินที่เหมาะสม และสร้างหลักประกันทางสังคมแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง 

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. - นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกองทุน การออมแห่งชาติในวาระแรก กล่าวว่า กองทุนการออมแห่งชาติเป็นกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ ภาคสมัครใจ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ เพื่อให้มีรายได้หลังเกษียณในรูปบำนาญ และการเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงช่องทางการเข้าถึงหลักประกันทางสังคม เข้าใจหลักเกณฑ์ของกองทุน และเตรียมพร้อมในการเป็นสมาชิกและออมกับกองทุน เมื่อกองทุนเปิดรับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงที่มาของการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติว่า   ประชากรวัยแรงงานอีก 35 ล้านคน หรือร้อยละ 53 ของประชากรทั้งประเทศ  ยังไม่ได้รับความคุ้มครองให้มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพอย่างเหมาะสม จึงได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นช่องทางการออมเงินของประชาชนกลุ่มดังกล่าว โดยมีรัฐดูแลส่งเงินสมทบให้ สำหรับหลักเกณฑ์การออมเงินกับกองทุน ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 15 – 60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน โดยสมาชิกสะสมเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุน ตั้งแต่ร้อยละ 50 ถึงร้อยละ 100 โดยไม่เกินเงินสมทบสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไปและมีเงินออมที่มากพอ ซึ่งสมาชิกที่ออมมาก ก็จะได้รับบำนาญมากตามไปด้วย และในกรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินออมของตนออกมาใช้ก่อนได้ นอกจากนี้ หากสมาชิกมีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุน จะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้ โดยไม่รวมเงินสมทบ อย่างไรก็ดีสมาชิกจะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของกองทุนได้อีกตามความสมัครใจ และหากสมาชิกเสียชีวิต กองทุนจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่สมาชิกได้แจ้งชื่อไว้หรือให้แก่ทายาทของสมาชิก

“สิทธิประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิกได้รับดอกผลจาก  เงินออมไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน โดยเฉลี่ยของธนาคาร นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับบำนาญจาก กอช. จะยังมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอีกด้วย และที่สำคัญ ในปีแรกที่กองทุนเปิดรับสมาชิก คือระหว่างวันที่ 8 พฤษภาคม 2555 จนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2556 จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกของกองทุนด้วย

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปประชาชนในภาคส่วนที่เป็นแรงงานนอกระบบ อาชีพอิสระ นักเรียนนักศึกษา และผู้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการชราภาพ จะมีหลักประกันในชีวิตที่เกิดขึ้นจากการร่วมออมเงินกับภาครัฐ จึงขอเชิญชวนให้ท่านทั้งหลาย ร่วมเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อความมั่นคงในชีวิตของท่าน และกองทุนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวได้อีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook