พญ.ร้องถูกพี่น้องกักขัง พาไปเข้าพิธีแก้คุณไสย

พญ.ร้องถูกพี่น้องกักขัง พาไปเข้าพิธีแก้คุณไสย

พญ.ร้องถูกพี่น้องกักขัง พาไปเข้าพิธีแก้คุณไสย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แพทย์หญิง โร่แจ้งกองปราบถูกพี่ชายและน้องสาวพาไปเข้าพิธีแก้คุณไสย กักตัวในบ้าน2วัน ต้องปีนหนีออกมา คาดหวั่นถูกสามีตนฮุบกิจการ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (30 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม พญ.วิภาดา ลีลากิจทรัพย์ อายุ 43 ปี เจ้าของคลินิกความงาม “รักษดา” ตั้งอยู่เลขที่ 65/29 ถนนคฑาธร ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมด้วย นายกันตพัฒน์ สัพโส อายุ 27 ปี สามี เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นพ.อดิศร ลีลากิจทรัพย์ นพ.วิวัฒน์ ลีลากิจทรัพย์ พี่ชาย และ พญ.อรวรรณ จิตต์กูลกุศล น้องสาว ที่ร่วมกันกักขังตัวไว้ภายในบ้านพักเลขที่ 80/17 ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 2 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 -23 มิ.ย.ที่ผ่านมา

       พญ.วิภาดา กล่าวว่า เมื่อช่วง 5 ทุ่มวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนพักอาศัยอยู่ที่ “เรือนไม้แก้ว” อพาร์ตเม้นท์เช่ารายวันในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้มีตำรวจแต่งเครื่องแบบ 2 นาย พร้อมกับพี่น้องของตนใช้กุญแจสำรองของอพาร์ตเม้นท์ ไขเข้ามาในห้องพักโดยไม่ได้แสดงหมายค้น หรือหมายจับใดๆ จากนั้นก็บอกว่าจะพาไปรับประทานอาหารแล้วจะพากลับมาส่งที่ห้อง หลังจากนั้นทั้งหมดกลับพาตนไปหาผู้ที่อ้างตัวว่า เป็นอาจารย์แก้ไสยศาสตร์มนต์ดำ ที่สำนักแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณแยกปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมให้เข้าพิธีแก้คุณไสย โดยมีการลูบตัวตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงปลายเท้า แม้ตนจะบอกว่าไม่ได้ถูกคุณไสยอะไร แต่ถูกยาป้ายทำให้รู้สึกเบลอๆ

      "หลังจากกลับออกมาพวกพี่น้อง ก็พาไปที่บ้านพักที่เลขที่ 80/17 ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 2 แขวงและเขตลาดพร้าว ซึ่งเป็นบ้านเดิมของดิฉันกับครอบครัว แต่ระหว่างนั้นก็ถูกกักขังตัวไว้ไม่สามารถออกไปไหนได้ ในขณะที่ทุกคนในบ้าน รวมทั้งมารดาตน มีกุญแจไขเข้าออกบ้าน มีการนัดแนะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกมาหาดิฉันได้" พญ.วิภาดา กล่าว

       พญ.วิภาดา กล่าวต่อว่า เขาล็อกกุญแจไว้ที่ประตูบ้านและหน้าต่างทุกบานจนไม่สามารถออกไปไหนได้ ส่วนโทรศัพท์มือถือของตนก็ถูกน้องสาวใช้มีดอีโต้สับจนพังไม่สามารถติดต่อกับแฟนได้ แต่หลังจากถูกขังตัวกว่า 2 วันแล้ว จึงคิดหาทางหนีโดยปีนรั้วด้านหลังบ้านระหว่างที่ทุกคนในบ้านไม่อยู่ หลบหนีมาได้สำเร็จ ก่อนจะรีบมาหาแฟนและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตามตนไม่เข้าใจว่าทำไมพี่น้องจึงต้องทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน และไม่คิดว่าพวกเขาจะเชื่อเรื่องมนต์ดำหรือไสยศาสตร์ ที่ผ่านมาตนทำงานได้เงินมาก็เอามาให้มารดาและแบ่งให้พี่น้องได้ใช้ด้วย”

       ด้าน นายกันตพัฒน์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเชื่อว่าเป็นปมให้พี่น้องของ พญ.วิภาดา ต้องรวมหัวกันทำเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะไม่ชอบพอตน มาตั้งแต่คบหาและแต่งงานอยู่กินกับ พญ.วิภาดา เนื่องจากเข้ามาช่วยเหลืองานในคลินิกและมีการปรับปรุงธุรกิจ ขยายธุรกิจโดยเปิดคลินิกขึ้นอีก 3 แห่ง ที่ จ.อุดรธานี จ.หนองคาย และ จ.ราชบุรี พร้อมกับเปิดโรงเรียนกวดวิชาในชื่อของตน ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปี กิจการก็มีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี ตนเชื่อว่าเหตุนี้น่าจะทำให้พี่น้องของภรรยาเกรงว่าตนจะฮุบกิจการทั้งหมดไป

       “ผมสงสัยว่าเหตุที่เกิดขึ้นพี่น้องของภรรยาน่าจะต้องการยึดกิจการคลินิกที่ราชบุรีเอาไว้เอง เพราะขณะนี้ก็มีการส่งคนของเขาเข้าไปทำงานที่คลินิกดังกล่าวแทนพนักงานของภรรยา นอกจากนี้ยังพบว่ามีการยักยอกเงินค่ารักษา มีการสั่งซื้อยาบางรายการ นำมาสวมกับของเดิมเพื่อเอาเงินกำไรแต่ผมไหวตัวทันจนต้องสั่งให้ปิดคลินิกไป 1-2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งน่าจะทำให้พี่น้องของภรรยาเกิดความไม่พอใจ” นายกันตพัฒน์ กล่าว

       นายกันตพัฒน์ กล่าวด้วยว่า เดิมคลีนิกแห่งนี้จดทะเบียนนิติบุคคลมีชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ ส่วนตนเป็นผู้เช่าอาคาร ซึ่งมีความคิดกันอยู่ว่าจะขอจดทะเบียนเป็นบริษัทในไม่ช้านี้เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตนรู้สึกเห็นใจภรรยาที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียว ต้องรักษาคนไข้ที่มีนัดหมายในการรักษาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเรื่องราวดังกล่าว จึงเกิดปัญหาทำให้ภรรยาต้องผิดนัดกับคนไข้ นอกจากนี้ตลอดเวลาที่มีเรื่องราวพนักงานของคลีนิกก็ถูกข่มขู่จนไม่กล้าเป็นพยานให้ ตนเห็นว่าถ้าปล่อยเรื่องไว้ไม่แจ้งความ ภรรยาตนก็อาจถูกพาตัวไปกักขังอีก

       เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้และสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook