กาลูซัดชัย!เชลซีฮึดเชือดสเปอร์สหวิว2-1

กาลูซัดชัย!เชลซีฮึดเชือดสเปอร์สหวิว2-1

กาลูซัดชัย!เชลซีฮึดเชือดสเปอร์สหวิว2-1
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี หืดจับ ฮึดไล่เชือด สเปอร์ส 2-1 เก็บ 3 คะแนนได้แบบหวุดหวิด ซาโลมง กาลู ฮีโร่ลงมาซัดประตูชัย น.89 ช่วยให้ทีมไล่ตามติดจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี 2-1 สเปอร์ส



ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เปิดบ้านฟัด สเปอร์ส โดยเกมนัดนี้มีความสำคัญกับทั้งสองทีมเป็นอย่างมาก เชลซี ต้องการสามคะแนนเพื่อลุ้นแชมป์ และกดดัน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีคิวทำบิ๊กแมตช์กับ อาร์เซน่อล ในวันพรุ่งนี้

ด้าน สเปอร์ส ต้องการสามแต้มเช่นเดียวกันเพื่อลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ แมนฯ ซิตี้ และต้องคอยระวัง ลิเวอร์พูล ที่เก็บแต้มจี้ขึ้นมาเหลือแค่สามคะแนนเท่านั้น

เจ้าบ้าน เชลซี มีการพลิกโผเล็กน้อยเมื่อ อันเชลอตติ ส่ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ลงเป็นตัวจริงคู่กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส แถมยังได้ ไมเคิ่ล เอสเซียง ฟิตลงเป็น 11 ตัวจริงอีกด้วย ส่วน รามิเรส ที่ตอนแรกมีข่าวว่าเจ็บ ฟิตกลับมาเช่นเดียวกันแต่เริ่มเป็นตัวสำรองก่อน

ฝั่งทีมเยือน สเปอร์ส ขาด ทอม ฮัดเดิลสตัน ที่มีอาการเจ็บข้อเท้ากำเริบ แต่ได้ เวดราน ชอร์ลูก้า ฟิตลงสนามทำให้สามารถดัน แกเร็ธ เบล ขึ้นมายืนในแนวรุกได้ ด้านแดนหน้าเกมนี้ทิ้ง โรมัน พาฟลิวเชนโก้ ไว้เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าคนเดียว

ในช่วงต้นเป็น เชลซี ที่ครองบอลมากกว่า สเปอร์ส แต่ยังหาช่องเจาะเข้าไปลุ้นไม่ได้ ด้านทีมเยือนลงมาเน้นรับแล้วรอสวนกลับเร็ว นาทีที่ 9 สเปอร์ส ได้โอกาสลุ้นก่อนจากจังหวะที่ พาฟลิวเชนโก้ กระชากบอลหนี อิวาโนวิช ไปทางซ้ายของเขตโทษแต่ยิงไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 13 กองเชียร์เชลซี ได้ครางฮือเมื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้ลองส่องฟรีคิกระยะกว่า 30 หลาบอลพุ่งแรงและฮุกลงผ่านมือของ โกเมส ไปแล้วแต่ชนคานเต็มแรง เอสเซียง เก็บบอลได้แล้วลองยิงแต่ โกเมส ยังเซฟไว้ได้
   
แต่กลายเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 19 จากจังหวะที่ ชอร์ลูก้า ทุ่มบอลมาให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กระดกบอลต่อให้ ซานโดร จับบอลแล้ววอลเลย์จากระยะ 30 หลา บอลพุ่งโค้งเสียบสามเหลี่ยมชนิด ปีเตอร์ เช็ก สุดปัญญาป้องกัน
   
หลังจากโดนนำ เชลซี ก็เดินเกมบุกเพื่อตีเสมอทันทีและก็ได้โอกาสลุ้นในนาทีที่ 23 จากลูกเตะมุม บอลมาถึง เอสเซียง ได้โขกตรงกลางประตูแต่บอลไม่แรงมากทำให้ โกเมส ยังปัดข้ามคานออกไปได้
   
ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกม เชลซี ก็ยังเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ แต่จังหวะสุดท้ายยังเป็นปัญหาของ เชลซี ที่พยายามเจาะเข้าทำไม่สำเร็จประกอบกับวันนี้แผงหลังของ สเปอร์ส เล่นดีสามารถป้องกันไว้ได้หมด
   
นาทีที่ 41 เชลซี ได้โอกาสเสี่ยงอีกครั้งเมื่อ แอชลี่ย์ หลุดกัปดักล้ำหน้าขึ้นไปทางซ้ายของเขตโทษก่อนจะหักเข้ากลางมาให้ แลมพาร์ด วิ่งเข้าชาร์จแต่ติด ซานโดร ที่วิ่งเข้ามาสกัดไว้ได้ทันและไม่เสียจุดโทษด้วย
   
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเจ้าบ้านก็มาตีเสมอได้สำเร็จจากความผิดพลาดระดับหมูหกของ เอเรลโญ่ โกเมส นายทวารแซมบ้า ที่รับลูกยิงไกลของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด หลุดลอดขา บอลกลิ้งกำลังจะเข้าประตูแต่ โกเมส พุ่งไปควักออก

มาชนิดก้ำกึ่งแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินชี้ว่าเข้าไปแล้ว เชลซี ตีเสมอได้เป็น 1-1 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังเริ่มขึ้นมารูปเกมเปลี่ยนเป็น สเปอร์ส ที่ครองบอลได้มากกว่าเจ้าบ้าน แต่แดนกลางทีมเยือนยังไม่สามารถทำเกมเจาะแนวรับเชลซี เข้าไปลุ้นประตูได้เลย ส่วนเชลซี ก็รอใช้จังหวะสวนกลับเล่นงานทีมเยือน และมีโอกาสลุ้นในนาทีที่ 53 ดร็อกบา ลองยิงไกลดูอีกครั้งแต่ โกเมส ทุบบอลออกไปได้
   
นาทีที่ 58 กุนซือของทั้งสองทีมจัดการแก้เกมโดย อันเชล็อตติ ถอด เอสเซียง ออกแล้วส่ง รามิเรส ลงไปเล่นแทน ด้าน เร้ดแน็ปป์ ส่ง เดโฟ ลงไปแทน พาฟลิวเชนโก้ ที่ไม่มีส่วนร่วมกับเกมออก
   
นาทีที่ 62 เชลซี ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกพรีคิกระยะไกลกว่า 35 หลาของ ดร็อกบา บอลพุ่งแรง แต่ โกเมส เกือบทำพลาดอีกครั้งเมื่อทุบลูกยิงของ ดร็อกบา ออกมาเข้าทาง กาลู ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาแทน ตอร์เรส แต่บอลโดนเข่าข้ามคานออกไป
   
นาทีที่ 70 สเปอร์ส เกือบเสียลูกจุดโทษจากจังหวะที่ กาบุล เสียบสกัด มาลูด้า หน้ากรอบ 6 หลาชนิดก่ำกึ่ง แต่ผู้ตัดสิน อังเดร มาริเนอร์ ไม่เป่าเพราะมองว่าสกัดที่บอล ถัดมา สามนาที อันเชล็อตติ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเมื่อส่ง นิโกล่าส์ อเนลก้า ลงมาแทน มาลูด้า
   
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เชลซี พยายามบุกกดดัน สเปอร์ อย่างหนักเพื่อหวังยิงประตูชัยให้ได้ แต่กองกลางและกองหลังของ สเปอร์ส ช่วยกันเล่นเกมรับอย่างเหนียวแน่น

เกมทำท่าว่าจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้ว นาทีที่ 89 เป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูชัย จากจังหวะ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา พาบอลแหวกเข้าไปยิงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวยิงโดยบอลไม่ดี แฉลบไปเข้าทาง ซาโลมง กาลู จิ้มหน้าปากประตูเข้าไปให้ เชลซี เก็บ 3 แต้มได้แบบหวุดหวิด 2-1 ไล่จี้จ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, ไมเคิ่ล เอสเซียง (รามิเรส น.57), จอห์น โอบี มิเคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า (นิโกล่าส์ อเนลก้า น.73), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ซาโลมง กาลู น.62), ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
สเปอร์ส : เอเรลโญ่ โกเมส, ยูเนส กาบุล, วิลเลี่ยม กัลลาส, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เวดราน ชอร์ลูก้า (สตีเว่น พีน่าร์ น.78), แกเร็ธ เบล, ซานโดร, ลูก้า โมดริช, อารอน เลนน่อน, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (เจอร์เมน จีนาส น. 85), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (เจอร์เมน เดโฟ น.58)

สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
-แบล็คเบิร์น 1 - 0 โบลตัน
-แบล็คพูล 0 - 0 สโต๊ค
-ซันเดอร์แลนด์ 0 - 3 ฟูแล่ม
-เวสต์บรอมวิธ 2 - 1 วิลล่า
-วีแกน 1 - 1 เอฟเวอร์ตัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook