5ชีวิตจมอ่างสียัด เรือบรรทุกเกิน-ล่ม

สยองกลางอ่างเก็บน้ำสียัดเรือล่ม 5 ชีวิตจมหายกับสายน้ำเย็นเฉียบ ขณะที่ชาวบ้านช่วยขึ้นมาได้ 6 คน หน่วยกู้ภัยดำงมหา แต่ยังไม่เจอ เพราะอ่างเก็บน้ำมีขนาดใหญ่และลึกถึง 15 เมตร แถมอากาศมืดอย่างรวดเร็ว ผู้รอดตายเผยเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมดเดินทางมา 11 คนเพื่อเยี่ยมพระที่บวชอยู่สำนักสงฆ์ตั้งอยู่บนเกาะกลางอ่างเก็บน้ำ ทางวัดนำเรือที่พระบิณฑบาตมารับ ขาไปแบ่งเป็น 2 เที่ยว แต่ขากลับช่วงเย็นคนขับเรือบรรทุกไปเที่ยวเดียว แต่แล่นออกจากวัดได้ไม่ถึง 200 เมตร พบเรือรั่วแถมลมกระโชกแรงจนพลิกคว่ำ

เมื่อเวลา 16.05 น.วันที่ 2 ม.ค. ร.ต.ท.ชาคินัย เมรสนัด ร้อยเวร สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งอุบัติเหตุเรือหางยาวล่มกลางอ่างเก็บน้ำสียัด ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพ.ต.อ.สนั่น บุญเผื่อน ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมได้ประสานเจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่อบต. และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา นำเจ้าหน้าที่ประดาน้ำเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีชาวบ้านที่หาปลาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า สามารถช่วยเหลือผู้ที่ลอยคออยู่กลางอ่างเก็บน้ำมาได้ 6 รายประกอบด้วย นายเดชา วาดเรือง อายุ 15 ปี, นางจารุณี วาดเวียง อายุ 22 ปี และน.ส.นุสรา นิยม 22 ปี สำหรับ 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งร.พ.ท่าตะเกียบ ประกอบด้วยด.ช.สุเทพ กำเกตุ อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/1 ม.1 ต.ท่าบุญมี กิ่งอ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี สภาพอยู่ในอาการตกใจ และหนาวสั่น ด.ญ.ปริยากร วาดเวียง อายุ 9 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/1 ม.1 ต.ท่าบุญมี กิ่งอ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี อยู่ในอาการตกใจ และหนาวสั่นเช่นกัน และนางถนอม วาดเรือง อายุ 55 ปี

นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้สูญหายในอ่างเก็บน้ำดังกล่าว 5 ราย ประกอบด้วย นางพยอม นพโสภณ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ม.10 ต.ท่าบุญมี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี,นางธนาภร นพโสภณ อายุ 28 ปี ลูกสาว, นายสมควร นพโสภณ อายุ 27 ปี ลูกชาย, นายศิริโรจน์ ก่ำเกตุ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/1 ม.1 ต.ท่าบุญมี กิ่งอ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี คนขับเรือ และด.ช.นพรัตน์ จุลทรายทอง อายุ 7 ขวบ ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

นางถนอม ซึ่งรอดชีวิตมาได้ เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุพาญาติพี่น้องรวม 11 คนเดินทางจากจ.ชลบุรี มาทำบุญที่สำนักสงฆ์หลังเขียว ซึ่งตั้งอยู่กลางเกาะของอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเพื่อมาเยี่ยมพระสมโภชน์ พระลูกชายที่บวชจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อเดินทางมาถึงทางวัดนำเรือของพระที่ใช้บิณฑบาตเป็นเรือแปะยาว มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 3 วา มารับเพื่อเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ดังกล่าวซึ่งมีระยะทางไกลประมาณ 1 กิโลเมตรเศษๆ ช่วงแรกที่เดินทางไปมีพระขับเรือมารับ ได้แบ่งคนเป็น 2 เที่ยว ช่วงแรกรับไป 7 คนและที่เหลือรับไปจนหมด

นางถนอม กล่าวต่อว่า กระทั่งทำบุญกันเสร็จในเวลา 16.00 น.จึงพากันเดินทางกลับ โดยนายศิริโรจน์รับอาสาขับเรือรับผู้คนทั้งหมด 11 คน เดินทางกลับเข้าฝั่งโดยไม่ต้องให้พระมาขับแทนและบรรทุกมาเที่ยวเดียว 11 คน ระหว่างทางมาถึงจุดเกิดเหตุมีลมกระโชกแรงพัดเรือจนล่มจมกลางอ่างเก็บน้ำที่มีความลึกกว่า 10 เมตร ทำให้คนที่นั่งมาด้วยต่างว่ายน้ำพยุงตัวเองแล้วไปเกาะเรือลอยคอไว้ ส่วนที่หายไปพบว่าว่ายน้ำไม่เป็นจึงจมหาย และในระหว่างที่ลอยคออยู่นั้นได้มีชาวบ้านที่พายเรือหาปลาในอ่างมองเห็น จึงพากันมาช่วยคนที่รอดกลับเข้าฝั่งและแจ้งให้ทางวัดทราบก่อนจะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมางมหาผู้ที่หายไป

ด้านน.ส.นุสรา หนึ่งในผู้รอดชีวิต กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุสังเกตเห็นว่าเรือรั่วทำท่าจะจม ทำให้คนขับที่เพิ่งแล่นออกจากท่าที่วัดได้ประมาณ 200 เมตร ตัดสินใจหันหัวเรือกลับแต่แล่นมาได้ราวๆ 100 เมตร เรือก็จมลงทุกคนต่างตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด ทำให้มีผู้สูญหายดังกล่าว

พ.ต.อ.สนั่น กล่าวว่า หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ใกล้เคียงมาช่วยกันงมหา ซึ่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงยังไม่พบผู้สูญหายแต่อย่างใด แม้เจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายาม แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณจุดที่เรือล่ม มีระดับน้ำลึกกว่า 15 เมตร และน้ำมีความเย็น ประกอบกับเป็นช่วงมืดค่ำ การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบตัวผู้สูญหายทั้ง 5 คนแต่อย่างใด

สำหรับสาเหตุที่เรือล่มครั้งนี้เชื่อว่ามาจากที่เรือแบกรับน้ำหนักผู้โดยสารไม่ไหว บวกกับลมกระโชกแรง และคนขับประมาทจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุเรือล่มขึ้น อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะติดตามค้นกันต่อไป เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อน จนกว่าจะพบผู้สูญหายจึงจะรับเป็นคดีความต่อไป ผกก.สภ.ท่าตะเกียบ กล่าว