ดอดจ์ โปรดิวเซอร์ หนุ่มไฟแรงแห่งค่ายวัยทีน Kamikaze!! | Sanook Music

ดอดจ์ โปรดิวเซอร์ หนุ่มไฟแรงแห่งค่ายวัยทีน Kamikaze!!

ดอดจ์ โปรดิวเซอร์ หนุ่มไฟแรงแห่งค่ายวัยทีน Kamikaze!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนาน แต่ที่จริงแล้วเค้าไม่ได้ห่างหายไปไหน แต่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินในค่ายวัยรุ่นชื่อดัง Kamikaze ภายใต้สังกัด บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ต่างๆมากมาย ซึ่งเป็นค่ายที่มาแรงมากๆ ในขณะนี้ หลายๆคนคงคิดถึงหนุ่มดอดจ์ มุขพล จันทรวงศ์ คนนี้ และอยากรู้ถึงความเป็นมาจากศิลปินดูโอชื่อดัง BogieDodge ผันตัวเองมาเป็น Producer of "KAMIKAZE" Thailand (of RS) Music Director of RS Rublic Company Limited ได้อย่างไรแล้วทำไมถึงไม่กลับเข้ามาในวงการบันเทิงอีก หนุ่มคนนี้พร้อมแล้วที่จะตอบทุกข้อสงสัย วันนี้ทีมบันเทิง SANOOK.COM จึงโฉบตัว หนุ่มฮอตคนนี้มาเล่าเรื่องราวให้เราฟังกันให้หายคิดถึงกันไปเลย!!



ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานได้ข่าวว่า ตอนนี้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับค่ายเพลงชื่อดัง? อยากให้เล่าถึงความเป็นมาหน่อย?
ดอดจ์ มุขพล : ตั้งแต่ตอนก่อนจะมาเป็น BOGIE DODGE ผมก็อยากเป็นโปรดิวเซอร์อยู่แล้ว ก็คืออยากเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับตัวเอง แต่ตอนนั้นพอเข้ามาคือเรายังไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็จะมีพี่ๆ หลายคนมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้แต่ว่าผมก็ยังอยากเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ เรียกว่าก็ดูๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ พออัดเพลงเสร็จแทนที่เราจะกลับก็นั่งดูพี่เค้าทำว่ายังไง ทำอะไร เราหวังว่าสักวันนึงเราจะต้องมาทำยังงี้เหมือนกันครับ ก็เรียนรู้มาเรื่อยๆ จนอัลบั้มหลังสุดๆ ก็เริ่มจริงจัง ช่วงนั้นรู้สึกว่าโบกี้จะมีงานละครก็เริ่มคุยกันว่า เฮ้ย!! อยากเล่นละครไหม เราก็คุยกันว่าไปเล่นเหอะ เราอยากเป็นโปรดิวเซอร์ โบกี้ก็เล่นไป ก็เป็นจุดเปลี่ยนจากตรงนั้นนะครับ พอมาวันนึงพี่เค้าก็มาทาบทาม ซึ่งผมทำเพลงมาผมจะไปให้พี่ๆ เค้าฟังอยู่แล้ว ว่าผมทำเพลงมาช่วยฟังให้หน่อย ทุกคนก็จะได้ยินที่ผมทำมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าแบบมันไม่ดี หรืออะไรแบบนี้ (555+) และวันนึงพี่เค้าก็มาบอกว่า .....เออ!! ดอดจ์ตอนนี้พี่กำลังจะเปิดค่ายอะไรแบบนี้ อยากจะทำตรงนี้ไหม เห็นว่าได้ฟังผลงานเรามา สนใจไหม ผมก็บอกว่า...สนใจครับ แล้วก็มีการพูดคุยกันจริงจัง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเป็นโปรดิวเซอร์จริงจังครับ (ยิ้ม) โดยมี Executive Producer คือพี่เอฟู ณรงค์ศักดิ์ และพี่กอล์ฟ ธานี และทีมภาพคุณจิ๊บ

อัพเดตผลงานล่าสุดของการเป็น Producer ค่าย KAMIKAZE ศิลปินที่ดูแล และมาแรงในตอนนี้ อยากนำเสนอใคร?
ดอดจ์ มุขพล : Producer ค่าย KAMIKAZE ไม่ใช่มีเพียงแค่ผม ยังมีคุณ Four วง 25 Hours คุณต่อ คุณแอ้ม และแก๊งค์เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงภายใต้ชื่อ "SkoolBus Record" ด้วยนะครับ ส่วนศิลปินที่ตอนนี้เราดูแลอยู่ ที่กำลังจะมีผลงานใหม่ออกมาด้วยก็คือวง KISS ME FIVE ครับที่ตอนนี้กำลังจะปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 เป็นเพลงช้า เพิ่งทำมาสเตอร์เสร็จเมื่อวาน และในส่วนของอเรนเจอร์ด้านการทำเพลง คือมันจะมีหลายภาคมาก งานอเรนเจอร์ก็จะเป็นงานของ ฟิล์ม รัฐภูมิ เพลงช้าครับกำลังจะออก ส่วนศิลปินที่อยากนำเสนอในตอนนี้ก็จะเป็น KISS ME FIVE ก็จะเป็นเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่มีความน่ารัก สดใส คือ กามิกกาเซ่ ก็จะเป็นแก๊งค์เด็กซ่าส์อยู่แล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็จะมีแบบอีกคาแรคเตอร์ อย่าง เฟ ฟาง แก้ว , หวาย , K-OTIC อะไรแบบนี้ครับ ซึ่ง KISS ME FIVE ก็จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่ยังไม่มีในกามิกกาเซ่ ก็เลยอยากนำเสนอให้ได้ฟังกัน



แอบได้ยินว่ามีฉายาด้วย คือ Prince of Sad Romance ที่มาของฉายา?
ดอดจ์ มุขพล : เหมือนกับว่าจะมีน้องๆ ส่วนใหญ่ มีทั้งตั้งแต่ติดตามมาตั้งแต่เป็นโบกี้ดอดจ์ แล้วก็ที่เค้ามารู้ทีหลัง เค้าก็จะเรียกชื่อนี้ตาม เพราะว่าในตามเว็บต่างๆ เนี๊ยะ เดี๋ยวนี้วงการเพลงไทยพัฒนาพอมี เนื้อเพลงก็จะมีเครดิตด้วย ว่าใครทำเพลงนี้ ใครโปรดิว แล้วเค้าก็ไปตามดู พอตามดูก็มีน้องๆ กลุ่มหนึ่งที่แบบเหมือนกัน รสนิยมตรงกับที่ผมทำเพลงพอดี เค้าก็ไปตามเพลงที่เราทำ เซิร์ทกูเกิ้ลอะไรแบบนี้อ่ะน่ะครับ คือผมเคยถามเค้ามานะครับ น้องๆเค้าบอกว่าเพลงที่ทำเหมือนมันจะมีความโรแมนติก แต่ว่าจะไม่ใช่โรแมนติกแบบพี่บอย มันจะเศร้าๆ แต่ว่าไม่ได้ฟูมฟายอ่ะครับ เค้าก็เลยบอกว่ามันรู้สึกแบบนี้เศร้าๆแต่โรแมนติก เค้าก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ (55555+) เพลงที่ผมทำเนี๊ยะมันจะมาฟิวส์นี้แบบ Sad แต่ว่า Sad Romance และส่วนหนึ่งก็มาจากข้อความในทวิตเตอร์ของผมด้วย คือเวลาผมคิดอะไรได้มักเขียนในทวิตเตอร์ และเรื่องที่เขียนมักเป็นเรื่องเศร้าแต่เป็นในแง่มุมที่อบอุ่น คือเป็นเรื่องจริงที่ไม่ค่อยมีคนพูด หรือพูดแต่ในแง่มุมที่แตกต่างคือตอนแรกเหมือนเค้าพูดกันเล่นๆ แซวๆ ครับก็เลยกลายมาเป็นจริงจังเรียกกันตั้งแต่นั้นมา (ยิ้ม)

คิดอยากกลับไปเป็นศิลปิน นักร้อง อีกครั้งไหม?
ดอดจ์ มุขพล : จริงๆ มันก็สนุกคนล่ะอย่างนะครับ อยากจะกลับไปไหม จริงๆ ถ้ามีเวลาก็อยากนะครับ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลยอ่ะครับ แต่ก็มีงานอยู่เรื่อยๆนะครับ ถึงจะไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่แต่ก็มีงานไปเล่นคอนเสริต์บ้าง อย่างวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ก็จะไปเล่นที่ลาว แล้วก็มีงานอีเวนท์อีกบ้างครับ แต่ว่างานส่วนตัวจริงๆ เคยทำไว้นานมากแล้วตั้งแต่ปี 2005 แต่ยังไม่ได้เผยแพร่สู่สาธารณะชนอ่ะครับ (ยิ้ม)

งานอดิเรกยามว่าง?
ดอดจ์ มุขพล : ส่วนมากจะอ่านหนังสือครับ ผมชอบอ่านหนังสือ



ของสะสมที่ชอบ?
ดอดจ์ มุขพล : ถ้าของสะสมส่วนมากก็จะมีปิ๊กกีตาร์ครับ เวลาไปตามที่ต่างๆ ก็จะชอบซื้อเก็บไว้ (ยิ้ม)

รู้สึกยังไงกับตอนนี้ที่เกาหลีฟีเวอร์มากในบ้านเรา แล้วศิลปินนักร้องในค่ายของเรา จะโดนว่าเลียนแบบศิลปินเกาหลี?
ดอดจ์ มุขพล : ก็เป็นธรรมดานะครับ จริงๆ แล้วเราทำกามิกกาเซ่ เราคุยกันแต่แรกแล้วว่าเราไม่ได้ทำงานดนตรีแต่เราทำงานแฟชั่น เราไม่ได้มองว่าเราเป็นงานดนตรี ถ้าเรามองว่าเป็นงานดนตรีจริงๆ แล้วงานจะออกมาอีกแบบ มันอยู่ที่การวาง position ของแบรนด์ยังไง เมื่อเราวาง position ของกามิกกาเซ่ว่าเป็นงานแฟชั่นมันก็เหมือนกับถ้าเราดูแฟชั่นมันก็ต้องตามกันทั่วโลก เทรนด์ปีนี้มาก็ตามกันทั่วโลกก็เหมือนกันดังนั้น แต่ว่าผมเข้าใจว่าคนมองแบบนั้นมันอาจจะไม่ชัดเจนเหมือนแฟชั่น คือเราวางตรงนี้เป็นแฟชั่นปุ๊บพอแฟชั่นมันมา ถ้าเราไม่ Adap ไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่อินเทรนด์ ก็จะเชย แต่ว่าตอนนี้จริงๆเราต้องการจะผสมผสานความเป็นไทยอยู่แล้ว แต่ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในปีแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยเห็น แต่ว่าจนถึงทุกวันนี้ก็มีหลายเพลง หลายๆ คนก็เรียกว่าเป็นแนว T-POP แล้ว และผมเชื่อว่ามันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าอะไรที่มันคล้าย มันก็เป็นลักษณะที่เป็นเทรนด์ แต่มันก็มีความเป็นเอเชียอยู่นะความเป็นไทย ซึ่งคนฟังเค้าก็รับได้ครับ (ยิ้ม)

ความฝันของการเป็นคนดนตรี ตรงนี้ถือว่าตัวเองประสบผลสำเร็จหรือยัง?
ดอดจ์ มุขพล : ผมตอบไม่ได้อ่ะครับ (ยิ้ม) แต่ว่ารู้แค่ว่ามีความสุขที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากก็คือโอกาสนะครับ ......อืมมม!!! ผมเคยไม่เชื่อเรื่องโอกาสเท่าไหร่ เพราะว่าอาจจะแบบตั้งแต่แรก ตั้งแต่เด็กๆ คือ คนดนตรีมันจะมี 2 สาย สายประกวดเนี๊ยะ ข้อดีก็คือจะพัฒนา จะพยายาม จะขยัน แต่ข้อเสียคือจะไม่ค่อยเห็นคนอื่น ไม่ค่อยเห็นโอกาส เพราะว่าสมมุติเค้าได้ที่ 1 มันเกิดจากอะไร มันเกิดจากการที่ฝึกฝนซ้อมเอง แต่ว่าสายเล่นอาชีพเนี๊ยะเค้าจะเห็นความสำคัญจากโอกาส เพราะว่าการที่เค้าได้ไปเล่นร้านนี้ ร้านนั้น มันก็คือเพื่อนๆ พี่ๆ คอยชักจูง แล้วผมเป็นคนมาสายประกวดเมื่อก่อนก็ไม่เชื่อเรื่องโอกาสก็เคยคิดว่าถ้าเราทำได้ซะอย่างมันก็ทำได้ แต่พอวันหนึ่งมาเจอการทำงานจริงๆ มันไม่ใช่ยังงั้น ถึงเราจะเก่งขนาดไหนถ้าไม่มีโอกาสเราก็จบ แล้วผมก็ถือว่าผมโชคดีที่แบบได้รับโอกาสครับผม (ยิ้ม)

กำลังศึกษาต่อด้วย ทั้งเรียนทั้งทำงาน แบ่งเวลายังไง?
ดอดจ์ มุขพล : แบ่งเวลายังไงหรอครับ ก็คือเราต้องยอมรับอ่ะครับว่ามันจะหนักกว่าคนอื่น คือถ้าถามว่าช่วงนี้นอนน้อยไหม ก็คือน้อยมาก (หัวเราะ) แต่ว่ามันอยู่ที่เราเตรียมใจไว้หรือเปล่าอะไรแบบนี้ดีกว่า คือผมทำงานตรงนี้ แล้วก็เรียนด้วยมันก็ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น ดังนั้นผมก็จะคิดแง่บวก ผมเชื่อว่าคนเราทำได้ทุกอย่างถ้าคิดในแง่บวกนะ พอเราคิดแง่บวกปุ๊บมันก็จะมีแรง (5555+)



สเป็กสาวที่ชอบ?
ดอดจ์ มุขพล : (ยิ้มเขิล) จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งสเป็กอะไรมากมายก็ผู้หญิง หมวยๆ ขาวๆ แล้วก็นิสัยก็จะแบบไม่เด็กอ่ะครับ ไม่งอแง (หัวเราะ)

ยังมีแฟนคลับที่ติดตามเรา ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นโบกี้ ดอดจ์ ถึงปัจจุบันนี้อยู่บ้างไหม แล้วติดต่อกับแฟนคลับเพื่ออัพเดตผลงานยังไง?
ดอดจ์ มุขพล : มีครับ ก็หลายทางครับส่วนใหญ่ก็ทาง โซเชียลเน็ตเวิร์ค ทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค ทั่วไป เค้าก็จะบอกกันปากต่อปากบ้างอ่ะครับ (ยิ้ม)

ในฐานะที่เป็นคนดนตรี ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จเลยทีเดียว อยากให้แนะนำ น้องๆรุ่นใหม่ ที่อยากจะก้าวตามความฝันของตัวเองแบบนี้บ้าง จะต้องทำยังไงบ้าง?
ดอดจ์ มุขพล : จริงๆ แล้วหลักเดียวที่ผมใช้มาตลอดก็คืออย่าหยุด เพราะว่าคือจริงๆ ตั้งแต่ตอนอยู่เชียงใหม่ ผมไปอ่านเจอประโยคนึงหลังหนังสือ จำไม่ได้ว่าหนังสืออะไรสักอย่าง ผมจำไม่ได้แล้วมันนานมากเป็น 10 ปี แต่ว่าเค้าเขียนว่าเหมือนกับว่า...ไม่มีใครล้มเหลว มีแต่ล้มเลิกตังหาก พอผมเห็นประโยคนั้นปุ๊บ ผมก็มามองย้อนดูตัวเองว่า เฮ้ย!! ที่เราทำมา เราทำมันไม่ได้หรือเราเลิกไปก่อนว่ะ แล้วผมก็ได้คำตอบว่า เฮ้ย!! เราเลิกมันไปก่อนหมดเลยนิหว่า!! และหลังจากที่เห็นคำนั้นเนี๊ยะผมก็เปลี่ยนตัวเองคือพอเจออะไรปุ๊บ พอทำไม่ได้ปุ๊บนี่มันไม่ใช่ล้มเหลวแต่นี้เรากำลังจะเลิก ก็อยากแนะนำน้องๆ ว่าให้ตั้งใจและพยายาม แล้วก็คิด คิดเยอะๆๆ คิดเยอะในที่นี่หมายถึง สมมุติว่าเราจะทำอะไรสักอย่าง แบบจะแต่งเพลง ควรจะคิดก่อนแล้วมันจะออกแรงน้อย คิดว่าเราจะทำแบบนี้นะแนวประมาณนี้ คือคิดให้เสร็จแล้วทำ ดีกว่าเราตะบี้ตะบันทำไปแล้ว เหมือนขับรถไม่ถูกทาง ต่อไปมันจะท้อ เวลาที่เจอปัญหาก็อยากให้สู้กับมัน คือผมเคยคิดเสมอว่ามันจะเหมือนข้อสอบ ถ้าเราเตรียมตัวมาดีก็โชคดีของเรา เราก็สอบได้ พอถึงวันสอบสมมุติว่าเราไม่ได้อ่านหนังสือมา ถ้าเราไม่เข้าไปสอบยังไงก็ตก แต่ว่าถ้าไม่ได้อ่านหนังสือมาแต่ถ้าเข้าไปมั่วอาจจะผ่านก็ได้ ไม่มีใครรู้ ฉะนั้นถ้าเจอปัญหาอย่าหนีมัน ถ้าหนีมันคุณก็จะต้องรอไปอีกปี ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือเตรียมตัวให้พร้อมครับ (ยิ้ม)

อยากฝากอะไรกับแฟนๆชาวเว็บสนุก?
ดอดจ์ มุขพล : ต้องขอขอบคุณแฟนๆ ก่อนนะครับ ที่ติดตามกันเหนียวแน่นมาตลอด พี่ดอดจ์ก็เป็น Producer อยู่ที่ กามิกกาเซ่ Music Director ของ RS ผลงานก็จะมีออกมาเรื่อยๆ ก็ติดตามได้ใน Twitter ส่วนตัวของผม หรือใน Facebook ก็ได้ แล้วก็ล่าสุด ดีวีดี คอนเสิร์ต เฟย์ ฟาง แก้ว เลดี้ส์ แอนด์ เจนเทิลเมน เดบูตอง ที่จะวางแผงเร็วๆ นี้ แล้วก็ซิงเกิ้ลต่อไปของ KISS ME FIVE หลังจากที่ได้ฟัง Morning Kiss ไปแล้ว ซิงเกิ้ลต่อไปก็มีชื่อว่า ไวต่อความรู้สึก (Sensitive) ก็ยังไงฝากผลงานด้วยนะครับ แล้วก็ติดตามต่อไปล่ะกันครับ ขอบคุณมากครับ (ยิ้ม)

ผลงานในอดีต MV คนจะโดนทิ้ง - Boggie Dodge



Dodge อวยพรปีใหม่ชาวสนุก







แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook