Battle for the Sun อัลบั้มใหม่ สดใสกว่าที่เคย | Sanook Music

Battle for the Sun อัลบั้มใหม่ สดใสกว่าที่เคย

Battle for the Sun อัลบั้มใหม่ สดใสกว่าที่เคย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตั้งแต่ปี 1994 มาแล้วที่สามหนุ่มหัวก้าวหน้าในนาม พลาซีโบ ผลิตเพลงร็อกประเทืองปัญญาและอารมณ์ให้ชาวโลกได้ฟัง ตั้งแต่อัลบั้มแรกชื่อเดียวกับชื่อวงที่เพลงดังอย่าง Nancy Boy ทำให้ชื่อของ พลาซีโบ เป็นวลีฮิตติดปากนักฟังเพลงทั่วโลก ต่อมากับอัลบั้ม without you I’m nothing ที่มีเพลงฮิตอย่าง Every you Every me ที่เรียกได้ว่าเป็นเพลงร็อคคลาสสกเพลงหนึ่งของยุค 90 ไปแล้ว พลาซีโลยังมีอัลบั้มต่อมาเรื่อย ๆ อีกสามอัลบั้มคือ Black Market Music ในปี 2000 Sleeping with Ghosts ในปี 2003 และ Meds ในปี 2006



ปีนี้สมาชิกทั้งสามคือ ไบรอัน โมลโค (ร้องนำ) สตีฟ ฟอเรสต์ (มือกลอง) และ สเตฟาน โอลสเดล (เบส) กลับมาพร้อมกัลอัลบั้มลำดับที่หก Battle for the sun ที่มีกำหนดวางแผงสัปดาห์หน้า ก่อนจะได้ฟังกันเต็ม ๆ ไปฟังมือเบส สเตฟาน ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของอัลบั้มชุดนี้กันก่อน

ทำไมถึงตั้งชื่ออัลบั้มนี้ว่า Battle for the sun?


ธรรมดาพวกเราจะตั้งชื่ออัลบั้มเป็นลำดับสุดท้าย เพราะเป็นตอนที่เราได้ฟังอัลบั้มทั้งหมด รู้สึกว่าความขัดแย้งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอัลบั้ม อัลบั้มนี้เป็นภาคต่อจาก Meds ที่ค่อนข้างจะมืดหม่นและเยือกเย็น พอมาอัลบั้มนี้เราเลยอยากทำอะไรให้มันมีสีสันและมองโลกในแง่ดีขึ้นมาบ้าง ทั้งอัลบั้มพูดถึงความพยายามที่จะมีชีวิตที่มีความสุ เลือกที่จะเดินทางสว่างมากกว่าความมืด ออกมาจากปัญหาและขจัดปีศาจร้ายออกไป ทำนองนั้นครับ

ยากไหมกับอัลบั้มชุดนี้ แฟน ๆ คงจะคาดหวังอยู่ไม่น้อย?


มันก็ยากขึ้นทุกอัลบั้มล่ะครับ และมันก็เสี่ยงมากที่เราจะหลงอยู่ในวังวนของสูตรสำเร็จที่ทำในอัลบั้มก่อน ๆ เราเลยชอบวิจารณ์ตนเองแบบแรง ๆ ไว้ก่อน และพยายามท้าทายตัวเองให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นความกดดันน่าจะมาจากตัวพวกเราเองมากกว่าจะมาจากภายนอก สุดท้ายเราก็คงทำเพลงแบบที่เราอยากฟังครับ ไม่ได้ตั้งใจเอาใจใครเป็นพิเศษ

อัลบั้มนี้ต่างจาก Meds อย่างไรบ้าง?


หลังจากเสร็จทัวร์และเราเริ่มทำอัลบั้มมันก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้น เรามีเลือใหม่ในวงแล้วมันก็เป็นแรงกระตุ้นให้เรามีพลังมากขึ้น เราทำอัลบั้มนี้ในยุโรปซึ่งแปลกใหม่สำหรับพวกเรา และทำให้เราได้แรงบันดาลใจหลาย ๆ อย่าง ทำให้เพลงของเราออกมามีซาวนด์ที่แปลกไป ทั้งสีสัน เนื้อหา เรื่องราว และความมองโลกในแง่ดี เรายังใส่เสียงฮอร์นและเสียงประสานที่เราไม่เคยทำมาก่อนด้วย

คุณเอาแรงบันดาลใจมาจากไหน?


มันเป็นความสุข ความหลงใหลที่จะทำดนตรีออกมาให้ดีและแตกต่างครับ มันเจ๋งกว่ายาเสพติดใดๆ ในโลกเสียอีก แต่มันก็ทำได้ยากมาก ผมว่ามันคงเป็นความอยากรู้อยากลองของผมที่ทำให้ผมยังมีแรงบันดาลใจอยู่

พลาซีโบในตอนนี้และตอนนั้นต่างกันอย่างไร?


ยุค 90 ที่เราเพิ่งเข้าวงการเรารู้สึกเหมือนคนนอก ตอนนี้ก็ยังรู้สึกนะครับ ผมว่าทุกวงไม่ควรไปยึดติดว่าอะไรเจ๋งอะไรอินเทรนด์ ทำในสิ่งที่ใช่และอย่าไปใส่ใจคนที่เขาไม่ชอบงานของเรา

อีกห้าปีพวกคุณจะเป็นอย่างไรกัน?


อืม...อย่างแรกก็คงทัวร์ ก็ทำกันแบบโบราณ ๆ น่ะครับคอไปมันเรื่อย ๆ และนำดนตรีจองเราไปสู่ผู้ฟังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นก็หมายความว่าเราจะทัวร์ทั่วโลกกันนานราว 2 ปี ซึ่งผมก็ชอบนะ เพราะมันสนุกและตื่นเต้นดีที่จะได้ไปในที่ที่ยังไม่เคยไป ผมก็คงทำงานไซด์โปรเจกท์ โฮเต็ล เพอร์โซนา ต่ออัลบั้มที่สอง จากนั้นพักร้อนมั้ง ไม่ก็ทำอัลบั้มพลาซีโบอัลบั้มที่เจ็ด

เพลงของพลาซีโบเปลี่ยนไปตลอด เป็นอย่างไรมาอย่างไร?


ดีที่ผมกับไบรอัน เรียนกรู้จากประสบการณ์จริงกันมาตั้งแต่เราตั้งวงในปี 1994 มันเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันแล้วก็รู้ตัวว่าไม่ฝันแต่มันคือเรื่องจริง มันคือการค้นหาความสำคัญและความคุ้มค่าของชีวิต และมัยยังแผ่ อิทธิพลไปยังดนตรีที่เราทำกันด้วย ทำให้เราได้ลองดนจรีแนวใหม่ ๆ และทดลองมากขึ้น

ครั้งนี้คุณทำงานกับโปรดิวเซอร์ เดวิด โบทริล เขามีส่วนในความเปลี่ยนแปลงนี้ไหม?


เราชอบงานที่เขาโปรดิวซ์มาก จากงานของทูล และ ดิวซ์ และเขายังได้รางวัลแกรมมี่ด้วย เขาเป็นคนน่ารักและผลักดันให้เราใช้ความคิดมากมาย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรายอมให้โปรดิวเซอร์มาช่วยเรียบเรียงเพลง ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างละเอียดอ่อนและเป็นส่วนตัวมากซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก ๆ และเราก็รู้สึกขอบคุณเขาในจุดนั้น

ถ้าไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ คุณจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน?


จะว่าไปผมก็ไม่เคยทำงานอย่างอื่นนอกจากเป็นสมาชิกวงพลาซีโบ นึกไม่ออกครับว่าถ้าไม่มีงานนี้แล้วผมจะไปทำอะไร แต่คงเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับดนตรีแน่ ๆ ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook