White Lies รวมความวูบวาบ การตกผลึกทางความคิด!
Everything has got to be love or death จากเพลง Death ของ White Lies รวมความวูบวาบ ระยิบระยับ บวกกับความงดงาม การตกผลึกทางความคิด และรสชาติของชีวิตในส่วนที่ขมขื่น ผสานกันมาเป็นงานดนตรีชั้นเยี่ยม ที่อาจเรียกได้อย่างเต็มขั้นว่าวงร็อคแห่งอนาคตชีวิตวัยรุ่นนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงมหาศาลเมื่อเติบใหญ่ หลังจากที่เคยมีวงชื่อ Fear Of Flying ซึ่งทั้งวงรู้จักกันตั้งแต่เมื่อสมัยยังเป็นวัยละอ่อนในแถบเวสท์ ลอนดอน
โดยเริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่ครั้งที่มือเบสชาร์ลสฺ เคฟ และมือกลองแจ็ค บราวน์ ไม่เอาด้วยกับละครเวทีของโรงเรียน จึงเลือกที่จะหันมาตั้งวงให้เป็นชิ้นเป็นอันเมื่ออายุได้เพียง 15 ปี โดยมีแฮร์รีย์ แม็ควี เป็นนักร้องนำ (แจ็ค เพิ่งได้กลองเซ็ทใหม่ก่อนหน้าที่ตั้งวงเพียงไม่กี่วัน)หลายปีที่ตะบี้ตะบันโชว์ จนสามารถสร้างฐานแฟนได้ชนิดอุ่นหนาฝาคั่ง และคุณแม่ต้องตรากตรำขับรถส่งกลับบ้านทุกค่ำคืน จนกระทั่งไม่นาน ก็สามารถหาพื้นที่และแนวทางทางดนตรีของตัวเองเจอ โดยเริ่มจากการขุดความต้องการและความคับแค้นใจของแต่ละสมาชิกในวงออกมากองและคุยกันอย่างเปิดอกว่าต้องการอะไร จากนั้นก็นำความชอบในแนวดนตรีที่แตกต่าง
มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นแนวทางแห่งการทำดนตรีที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จนเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ทั้ง 3 ก็ต้องฉงนใจเมื่อสามารถเขียนเพลงร็อคที่ฟังแล้วโศกเศร้าสะเทือนใจอย่าง Unfinished Business เสร็จภายในเวลา 15 นาที ได้อย่างสวยสดงดงาม และกลายเป็นเพลงที่ทำให้พวกเขามั่นใจว่า นี่มันคืองานระดับเซียนไม่ใช่แค่เด็กหัดเขียนหรือหัดเล่น และ ตัดสินใจอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะเมื่อออกมาจากสตูดิโอและนั่งรถไฟบ่ายหน้ากลับบ้านว่า พอกันที Fear Of Flying ขอให้ White Lies จงเจริญ!
....เราคิดว่า มันจะต้องเป็นอะไรที่นำพาเราไปในสิ่งที่ดีขึ้นแน่ๆ ชาร์ลสฺ ว่า และเราก็มาถึงบางอ้อกันว่า เพลงใหม่นี้มันช่างต่างจากที่เราเคยทำมามากจริงๆ เราก็เลยโละของเก่าทิ้ง และคิดใหม่ทำใหม่หมดเลยงานของ White Lies คืองานที่บานเบ่งอยู่ในความมืด เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะและหนักแน่น Unfinished Business ก่อกำเนิดจากออร์แกน ซินธ์ฯ ที่ใช้ในโบสถ์ ร้อนแรงด้วยจังหวะของกีต้าร์ และเนื้อหาที่พูดถึงคนมือเปื้อนเลือด หรือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของคนอื่น) โดยแฮร์รีย์ แม็ควี เปรียบได้กับจูเลี่ยน โคป ในคราบของนักบวช ที่กู่ก้องร้องป่าวในจังหวะดนตรีสุดเลิศ ของ Interpol
....เราหวังเหลือเกินว่าโชว์แรกของเราต้องออกมาเจ๋งสุดๆ ทั้งภาพและเสียง และมันต้องการความสมบูรณ์แบบจริงๆ แจ็คกล่าวพร้อมแจกยิ้มฟันขาว บอกตรงครับว่าค่อนข้างเกร็งนิดหน่อย เพื่อนๆ ผมน้ำตาแทบปริ่มกันทุกคน เนื้อหาของเพลงคืออีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดความสนใจ ชาร์ลสฺ เปี่ยมไปด้วยความสด กระตือรือร้น แต่ค่อนข้างมีมุมมองที่แตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใครซึ่งจงใจพูดถึงคนไม่รู้จักคิดและพวกที่มัวแต่แบมือขอเงินรัฐฯ โดยไม่ยอมทำการทำงาน หรือคนที่เข้าขั้นโง่ คล้ายคนที่มองโลกในแง่หม่นประหนึ่งนิค เคฟ ที่เสพงานของเจมส์ เฮอร์เบิร์ทและเช็คสเปียร์ มากจนเกินงาม ชาร์ลสฺ น่าจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้สร้างสรรความมืดหม่นอนธกาลได้อย่างแยบยล
เปรียบเสมือนนิยายของการฆาตกรรมที่แสนเศร้า บ้าคลั่ง คั่งแค้น รุมเร้าด้วยทั้งความรักและความสูญเสีย ในขณะที่กำลังคุยกัน ชาร์ลสฺยังแสดงถึงความรู้สึกในด้านนี้ของตัวเองให้เห็นจะจะ ด้วยการเขียนถึงความห่วงใยต่อหญิงสาวคนหนึ่งที่เกลียดครอบครัวของเธอเข้าไส้ จึงถูกแก้แค้นด้วยการร่างพินัยกรรมยกสิ่งของต่างๆ ที่พวกเขามีให้เธอ แถมยังติดไว้ที่ประตูหน้าห้องเพื่อให้เธอมองเห็นมันทุกวัน นี่คือแทร็คที่เราต้องยกนิ้วให้ได้เลยว่าปราดเปรื่องชะมัด! Unfinished Business เป็นเหมือนเรื่องราวหลอนๆ ของคนรักที่บาดหมางและไม่ลงรอยกัน ชาร์ลสฺอธิบาย เรายังมีเพลงชื่อ E.S.T ซึ่งพูดถึงประเด็นปัญหาและคุณธรรมสอนใจที่ทำให้ฉุกคิด
แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องราวปกติสามัญเฉกเช่นที่เหล่านักดนตรีทั่วไปทำ แต่ผลที่ได้คืองานซินธ์ฯ ร็อคที่เศร้าสะเทือนใจคล้ายหินก้อนใหญ่ที่ถูกทิ้งร้างไว้เพียงลำพัง มีทั้งสิ้นหวังและเสริมกำลังใจเหลือคณาในเวลาเดียวกัน เฉกเช่นในภาคของดนตรีที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ของวงออเคสตร้า ใน From The Stars และแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังDeath ที่บ่งบอกถึงความฉลาดลึกของเด็กกลุ่มนี้ได้อย่างร้ายกาจ เมื่อรวมกับเมโลดี้ย์ที่สะอาดบริสุทธิ์ สมบูรณ์และงดงาม โดยพื้นฐานแล้ว น่าจะเป็นวงที่เหมาะกับการเล่นในโบสถ์อย่างแท้จริง
ชาร์ลสฺขำอย่างยั้งไม่อยู่ แหงครับ เป็นอะไรที่พวกผมอยากอยู่แล้ว จะเล่นในลานกว้างๆ ข้างหน้าหรือในโบสถ์เก่าๆ ก็น่าจะเจ๋งเอาการ....เป็นการเรียกคนให้มาเข้าร่วมได้เยอะแน่ถ้าเราไปเล่นในสถานที่ที่เหมาะกับซาวน์ดของเรา แฮร์รีย์เสริม บางทีเราอาจต้องลองคิดไปเล่นในสถานที่ประมาณทะเลสาบใหญ่ๆ รายล้อมด้วยภูเขา ก็น่าจะเหมาะกับเราเหมือนกันนะ ฟังดูธรรมชาติดีจัง แจ็คเสริมบ้าง แต่ก็ดูเหมือนมีมลทินแฝงอยู่ในนั้น คล้ายเพลงเราเปี๊ยบเลย
White Lies คือวงที่ถ้าใครไม่รักก็แสดงว่าลมหายใจคุณขาดสะบั้นไปเรียบร้อยแล้ว White Lies (ไวท์ ลายส์) วงร็อคอินดี้จากเกาะอังกฤษซึ่งเป็นที่จับตามมองจากสื่อทุกแขนงอยู่ในขณะนี้ ประกอบไปด้วย แฮร์รีย์ แม็ควี (ร้องนำ,กีต้าร์) แจ็ค บราวน์ (กลอง) ชาร์ลสฺ เคฟ (เบส) กับอัลบั้มแรก To Lose My Life สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากวงร็อคอินดี้วงอื่นๆ
คือการทำเพลงที่พาให้เราหวนนึกถึงวงรุ่นพี่อย่าง Joy Division, Interpol และ Depeche Mode อีกเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ แฮร์รีย์ ที่ถ่ายทอดเนื้อเพลงจากปลายปากกาของ ชาร์ลส ได้ดีจนทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลงของพวกเขาต่างยกให้ White Lies เป็นวงที่โดดเด่นในเรื่องการนำเสนออีกด้านของความเป็นจริงที่หดหู่และโหดร้าย บางเหตุการณ์ต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านบทเพลงนั้น อาจเป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ จนอาจทำให้คุณคิดทำร้ายตัวเองมาเเล้วก็เป็นได้โดย White Lies ได้นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาร้อยเรียงเป็นบทเพลงที่จะพาคุณดำดิ่งไปสู่ห้วงลึกของความเป็นจริงของชีวิต งานของ White Lies เปรียบดั่งงานเพลงที่บานเบ่งอยู่ในความมืด เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะและหนักแน่น โดยแฮร์รีย์ แม็ควี เปรียบได้กับ Julian Cope ในคราบของนักบวช ที่กู่ก้องร้องป่าวในจังหวะดนตรีสุดเลิศ ของ Interpol
โดยเริ่มเล่นด้วยกันตั้งแต่ครั้งที่มือเบสชาร์ลสฺ เคฟ และมือกลองแจ็ค บราวน์ ไม่เอาด้วยกับละครเวทีของโรงเรียน จึงเลือกที่จะหันมาตั้งวงให้เป็นชิ้นเป็นอันเมื่ออายุได้เพียง 15 ปี โดยมีแฮร์รีย์ แม็ควี เป็นนักร้องนำ (แจ็ค เพิ่งได้กลองเซ็ทใหม่ก่อนหน้าที่ตั้งวงเพียงไม่กี่วัน)หลายปีที่ตะบี้ตะบันโชว์ จนสามารถสร้างฐานแฟนได้ชนิดอุ่นหนาฝาคั่ง และคุณแม่ต้องตรากตรำขับรถส่งกลับบ้านทุกค่ำคืน จนกระทั่งไม่นาน ก็สามารถหาพื้นที่และแนวทางทางดนตรีของตัวเองเจอ โดยเริ่มจากการขุดความต้องการและความคับแค้นใจของแต่ละสมาชิกในวงออกมากองและคุยกันอย่างเปิดอกว่าต้องการอะไร จากนั้นก็นำความชอบในแนวดนตรีที่แตกต่าง
มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นแนวทางแห่งการทำดนตรีที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จนเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ทั้ง 3 ก็ต้องฉงนใจเมื่อสามารถเขียนเพลงร็อคที่ฟังแล้วโศกเศร้าสะเทือนใจอย่าง Unfinished Business เสร็จภายในเวลา 15 นาที ได้อย่างสวยสดงดงาม และกลายเป็นเพลงที่ทำให้พวกเขามั่นใจว่า นี่มันคืองานระดับเซียนไม่ใช่แค่เด็กหัดเขียนหรือหัดเล่น และ ตัดสินใจอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะเมื่อออกมาจากสตูดิโอและนั่งรถไฟบ่ายหน้ากลับบ้านว่า พอกันที Fear Of Flying ขอให้ White Lies จงเจริญ!
....เราคิดว่า มันจะต้องเป็นอะไรที่นำพาเราไปในสิ่งที่ดีขึ้นแน่ๆ ชาร์ลสฺ ว่า และเราก็มาถึงบางอ้อกันว่า เพลงใหม่นี้มันช่างต่างจากที่เราเคยทำมามากจริงๆ เราก็เลยโละของเก่าทิ้ง และคิดใหม่ทำใหม่หมดเลยงานของ White Lies คืองานที่บานเบ่งอยู่ในความมืด เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะและหนักแน่น Unfinished Business ก่อกำเนิดจากออร์แกน ซินธ์ฯ ที่ใช้ในโบสถ์ ร้อนแรงด้วยจังหวะของกีต้าร์ และเนื้อหาที่พูดถึงคนมือเปื้อนเลือด หรือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของคนอื่น) โดยแฮร์รีย์ แม็ควี เปรียบได้กับจูเลี่ยน โคป ในคราบของนักบวช ที่กู่ก้องร้องป่าวในจังหวะดนตรีสุดเลิศ ของ Interpol
....เราหวังเหลือเกินว่าโชว์แรกของเราต้องออกมาเจ๋งสุดๆ ทั้งภาพและเสียง และมันต้องการความสมบูรณ์แบบจริงๆ แจ็คกล่าวพร้อมแจกยิ้มฟันขาว บอกตรงครับว่าค่อนข้างเกร็งนิดหน่อย เพื่อนๆ ผมน้ำตาแทบปริ่มกันทุกคน เนื้อหาของเพลงคืออีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดความสนใจ ชาร์ลสฺ เปี่ยมไปด้วยความสด กระตือรือร้น แต่ค่อนข้างมีมุมมองที่แตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใครซึ่งจงใจพูดถึงคนไม่รู้จักคิดและพวกที่มัวแต่แบมือขอเงินรัฐฯ โดยไม่ยอมทำการทำงาน หรือคนที่เข้าขั้นโง่ คล้ายคนที่มองโลกในแง่หม่นประหนึ่งนิค เคฟ ที่เสพงานของเจมส์ เฮอร์เบิร์ทและเช็คสเปียร์ มากจนเกินงาม ชาร์ลสฺ น่าจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้สร้างสรรความมืดหม่นอนธกาลได้อย่างแยบยล
เปรียบเสมือนนิยายของการฆาตกรรมที่แสนเศร้า บ้าคลั่ง คั่งแค้น รุมเร้าด้วยทั้งความรักและความสูญเสีย ในขณะที่กำลังคุยกัน ชาร์ลสฺยังแสดงถึงความรู้สึกในด้านนี้ของตัวเองให้เห็นจะจะ ด้วยการเขียนถึงความห่วงใยต่อหญิงสาวคนหนึ่งที่เกลียดครอบครัวของเธอเข้าไส้ จึงถูกแก้แค้นด้วยการร่างพินัยกรรมยกสิ่งของต่างๆ ที่พวกเขามีให้เธอ แถมยังติดไว้ที่ประตูหน้าห้องเพื่อให้เธอมองเห็นมันทุกวัน นี่คือแทร็คที่เราต้องยกนิ้วให้ได้เลยว่าปราดเปรื่องชะมัด! Unfinished Business เป็นเหมือนเรื่องราวหลอนๆ ของคนรักที่บาดหมางและไม่ลงรอยกัน ชาร์ลสฺอธิบาย เรายังมีเพลงชื่อ E.S.T ซึ่งพูดถึงประเด็นปัญหาและคุณธรรมสอนใจที่ทำให้ฉุกคิด
แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องราวปกติสามัญเฉกเช่นที่เหล่านักดนตรีทั่วไปทำ แต่ผลที่ได้คืองานซินธ์ฯ ร็อคที่เศร้าสะเทือนใจคล้ายหินก้อนใหญ่ที่ถูกทิ้งร้างไว้เพียงลำพัง มีทั้งสิ้นหวังและเสริมกำลังใจเหลือคณาในเวลาเดียวกัน เฉกเช่นในภาคของดนตรีที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ของวงออเคสตร้า ใน From The Stars และแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังDeath ที่บ่งบอกถึงความฉลาดลึกของเด็กกลุ่มนี้ได้อย่างร้ายกาจ เมื่อรวมกับเมโลดี้ย์ที่สะอาดบริสุทธิ์ สมบูรณ์และงดงาม โดยพื้นฐานแล้ว น่าจะเป็นวงที่เหมาะกับการเล่นในโบสถ์อย่างแท้จริง
ชาร์ลสฺขำอย่างยั้งไม่อยู่ แหงครับ เป็นอะไรที่พวกผมอยากอยู่แล้ว จะเล่นในลานกว้างๆ ข้างหน้าหรือในโบสถ์เก่าๆ ก็น่าจะเจ๋งเอาการ....เป็นการเรียกคนให้มาเข้าร่วมได้เยอะแน่ถ้าเราไปเล่นในสถานที่ที่เหมาะกับซาวน์ดของเรา แฮร์รีย์เสริม บางทีเราอาจต้องลองคิดไปเล่นในสถานที่ประมาณทะเลสาบใหญ่ๆ รายล้อมด้วยภูเขา ก็น่าจะเหมาะกับเราเหมือนกันนะ ฟังดูธรรมชาติดีจัง แจ็คเสริมบ้าง แต่ก็ดูเหมือนมีมลทินแฝงอยู่ในนั้น คล้ายเพลงเราเปี๊ยบเลย
White Lies คือวงที่ถ้าใครไม่รักก็แสดงว่าลมหายใจคุณขาดสะบั้นไปเรียบร้อยแล้ว White Lies (ไวท์ ลายส์) วงร็อคอินดี้จากเกาะอังกฤษซึ่งเป็นที่จับตามมองจากสื่อทุกแขนงอยู่ในขณะนี้ ประกอบไปด้วย แฮร์รีย์ แม็ควี (ร้องนำ,กีต้าร์) แจ็ค บราวน์ (กลอง) ชาร์ลสฺ เคฟ (เบส) กับอัลบั้มแรก To Lose My Life สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากวงร็อคอินดี้วงอื่นๆ
คือการทำเพลงที่พาให้เราหวนนึกถึงวงรุ่นพี่อย่าง Joy Division, Interpol และ Depeche Mode อีกเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ แฮร์รีย์ ที่ถ่ายทอดเนื้อเพลงจากปลายปากกาของ ชาร์ลส ได้ดีจนทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลงของพวกเขาต่างยกให้ White Lies เป็นวงที่โดดเด่นในเรื่องการนำเสนออีกด้านของความเป็นจริงที่หดหู่และโหดร้าย บางเหตุการณ์ต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านบทเพลงนั้น อาจเป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ จนอาจทำให้คุณคิดทำร้ายตัวเองมาเเล้วก็เป็นได้โดย White Lies ได้นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาร้อยเรียงเป็นบทเพลงที่จะพาคุณดำดิ่งไปสู่ห้วงลึกของความเป็นจริงของชีวิต งานของ White Lies เปรียบดั่งงานเพลงที่บานเบ่งอยู่ในความมืด เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะและหนักแน่น โดยแฮร์รีย์ แม็ควี เปรียบได้กับ Julian Cope ในคราบของนักบวช ที่กู่ก้องร้องป่าวในจังหวะดนตรีสุดเลิศ ของ Interpol
+++ เนื้อหาที่ไม่มีผู้สนับสนุน +++
สนับสนุนเนื้อหา
