“จองซองฮา” ส่งเสียงกีตาร์สุดเพราะ ขับกล่อมแฟนๆ ชาวไทยในคอนเสิร์ตได้อยู่หมัด
ในขณะที่เหล่าศิลปินไอดอลและนักแสดงเกาหลีต่างก็ตบเท้ามาเยือนประเทศไทยกันไม่เว้นสัปดาห์ ใครจะคาดคิดว่าหนึ่งคอนเสิร์ตสเกลเล็กๆ แนวดนตรีเฉพาะทาง จะสร้างแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่และเติมเต็มหัวใจผู้ชมได้เหลือล้นขนาดนี้ แถมยังเป็นงานเดียวกันที่แฟนคลับของนักดนตรีหนุ่มจากเกาหลีและคนรักเสียงกีตาร์มารวมตัวอย่างอบอุ่นในคอนเสิร์ต 2022 Sungha Jung's Music Café [MuCa] Live in Bangkok ของเจ้าชายฟิงเกอร์สไตล์แห่งเอเชีย ซองฮา จอง หรือ จองซองฮา (Sungha Jung / JUNG SUNG HA) หนึ่งไอดอลผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นทั่วโลก และเป็นแรงผลักดันในการหัดเล่นกีตาร์ของใครๆ หลายคนนั่นเอง!
ซองฮา อัจฉริยะนักกีตาร์ฟิงเกอร์สไตล์กลับมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 5 ปีด้วยคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า 2022 Sungha Jung's Music Café [MuCa] Live in Bangkok เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ซึ่งสร้างความคึกคักให้กับโรงละคร M Theatre สถานที่จัดคอนเสิร์ตตั้งแต่ช่วงก่อนเริ่มงาน ด้วยการรวมตัวของแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมาของเขาพร้อมความคาดหวังถึงบทเพลงต่างๆ ที่จะถูกนำมาแสดงในโชว์ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ จิน คอร์ปอเรชั่น (JIN CORPORATION) และ พิคโคโล มิวสิก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (PICCOLO MUSIC ENTERTAINMENT) ประเทศไทย จับมือต้นสังกัด โกรานี สตูดิโอส์ (GORANI STUDIOS) และ จอง ซองฮา มิวสิก คาเฟ่ (MUCA) ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมอบประสบการณ์ทางดนตรีอันยอดเยี่ยมให้กับแฟนๆ
เริ่มต้นโชว์ครั้งนี้ด้วย 2 เพลงจากผลงานล่าสุด Poetry อัลบั้มเต็มชุดที่ 9 ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าเขาตั้งใจรวบรวมบทเพลงต่างๆ เข้าไว้ราวกับหนังสือรวมบทกวี เปิดเวทีที่ Prologue ต่อเนื่องด้วย "Yuumi's Waltz" โดยเพลงนี้ ซองฮา แต่งให้กับแมวของเขาที่มีชื่อว่า ยูมี และเขาเลือกเพลงนี้มาเป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ตแทนความรู้สึกยินดีของเขาที่ได้กลับมาแสดงที่ไทยอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 5 ปี บรรยากาศบนเวทีถูกจัดให้เหมือนกับบรรยากาศอบอุ่นน่ารักในคาเฟ่ที่โอบล้อมผู้ชมเอาไว้เข้ากับชื่อของ Music Cafe [MuCa] ที่เป็นธีมคอนเสิร์ตครั้งนี้
ซองฮา ได้เปิดเผยความรู้สึกว่าเขาดีใจมากที่ได้กลับมาแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้งเพราะที่นี่ก็เปรียบเสมือนเป็นบ้านอีกหลังของเขา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้นมีหลายเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้เดินทางมาเมืองไทย ทั้งเรื่องของการเกณฑ์ทหารและสถานการณ์ของโควิด-19 เพื่อความพิเศษของการได้กลับมาแสดงที่ไทยในครั้งนี้เขาจึงเตรียมเพลงไว้มากมาย ทั้งเพลงจากอัลบั้มใหม่ เพลงคัฟเวอร์ที่แฟนๆ ชื่นชอบ โดยพาแฟนๆ เข้าสู่บทเพลงเซ็ตต่อไปซึ่งมีทั้งเพลงป็อประดับตำนาน ไปจนถึงเพลงเคป็อปยอดนิยม เริ่มต้นจากเพลง "Englishman in New York" ของ Sting ต่อเนื่องด้วย 2 เพลงที่ปล่อยออกมาในโปรเจ็กต์ของ MuCa ได้แก่ "Loving You Girl" ของ Peder Elias ซึ่งเขาได้ร่วมงานกับ SHAUN (เจ้าของเพลงฮิต "Way Back Home") และเพลง "Don't Look Back in Anger" ของ Oasis ที่ร่วมงานกับ ควอนอินฮา (ศิลปินระดับตำนานของเกาหลีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของพลังเสียง)
ก่อนจะเรียกเสียงปรบมือจากแฟนๆ ดังกึกก้องจากเพลง "Butter" ของ BTS โดยกีตาร์ริสต์หนุ่มบอกว่าเป็นเพลงที่แฟนๆ ชื่นชอบกันมาก จึงอยากแสดงเพลงนี้ให้กับแฟนๆ ที่ไทยได้ฟังกันสดๆ แถมด้วยเพลง "Dynamite" ซึ่งเดิมไม่ได้อยู่ในลิสต์ของคอนเสิร์ตแต่เขาตั้งใจมอบให้กับแฟนๆ ชาวไทยเป็นเซอร์ไพรส์พิเศษ แล้วจึงปิดท้ายพาร์ตแรกด้วยเพลง "The Ocean" อีกหนึ่งงานจากอัลบั้มชุดใหม่ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่าส่วนตัวแล้วเขาชอบเพลงนี้มาก
หลังจากพักเบรก 15 นาทีในช่วงอินเตอร์มิสชั่น ซองฮา พาทุกคนเข้าสู่พาร์ตที่ 2 ด้วยการเปิดตัว โต๋ - ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ศิลปินรับเชิญในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซึ่ง โต๋ ได้เล่าถึงความประทับใจว่า การได้ร่วมงานกับ ซองฮา เพื่อเตรียมตัวขึ้นโชว์ด้วยกันในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่ารู้จักกันและกันมานาน จากพลังของดนตรีที่ทำให้ทั้งคู่พูดจาภาษาดนตรีกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งเพลงแรกที่ทั้งคู่ได้แจมกันก็คือ "Sunroof" ของ Nicky Youre ที่ ซองฮา เป็นคนเลือกขึ้นมาเพราะอยากให้บรรยากาศเพลงแบบวัยรุ่นทำให้ผู้ชมได้สนุกไปด้วยกัน ต่อเนื่องด้วยเพลง "River Flow in You" เพลงบรรเลงเปียโนขึ้นหิ้งของ Yiruma นักเปียโนชาวเกาหลีใต้ชื่อดัง ซึ่ง โต๋ เลือกเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่ตัวเขาเองชื่นชอบมาก และเห็นว่า ซองฮา เองก็เคยเล่นเพลงนี้เป็นสไตล์ของเขาเอาไว้ เลยเป็นโอกาสดีที่จะเรียบเรียงเพลงนี้ขึ้นมาใหม่โดยผสมผสานเสียงเปียโนของ โต๋ เข้ากับเสียงกีตาร์ฟิงเกอร์สไตล์ของ ซองฮา เพื่อให้เป็นครั้งแรกที่เพลงนี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเครื่องดนตรี 2 ชนิดในแบบ duet กัน
ถึงช่วงเซอร์ไพรส์ที่ ซองฮา และ โต๋ เตรียมเพลงไทยเอาไว้เป็นของขวัญพิเศษมอบให้กับแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ เริ่มต้นด้วยเพลง "เดือนเพ็ญ" เพลงไทยคลาสสิกที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองแบบไทยๆ ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเครื่องดนตรีเพียงสองชิ้น คือกีตาร์และเปียโน แต่สะกดใจผู้ชมได้ทั้งฮอลล์ ต่อด้วยเพลง "คนไม่พิเศษ" เพลงฮิตของโต๋ ปิดท้ายความทรงจำสุดพิเศษที่ 2 สุดยอดศิลปินจาก 2 ประเทศมอบให้กับแฟนๆ ชาวไทยในค่ำคืนนี้ แต่เซอร์ไพรส์เพลงไทยยังไม่หมด เมื่อ ซองฮา หยิบเอาเพลง "ในลิ้นชัก" เพลงไทยอะคูสติกจากยุค '80s ของวง กอหญ้า ที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองอันงดงามอบอุ่นละมุนใจ มอบเป็นของขวัญพิเศษอีกเพลง ก่อนจะนำเข้าสู่ผลงานเพลงใหม่ของเขาที่มีชื่อว่า "Dreaming" ไตเติลแทร็กจากอัลบั้มล่าสุดซึ่งแต่งขึ้นจากตัวเขาเองฝันว่าได้แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งดวงดาว บรรยากาศบนเวทีในตอนนี้จึงนำพาแฟนๆ เดินทางเข้าสู่ภาพจำลองความฝันของซองฮา ฉากหลังของท้องฟ้ายามค่ำที่เต็มไปด้วยดวงดาวส่องประกาย
เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของโชว์ในวันนี้กับบทเพลงอีกหนึ่งเซ็ตที่ถูกถ่ายทอดออกมาแบบต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยเพลงป็อปร่วมสมัยอย่าง "Closer" ของ The Chainsmokers ซึ่ง ซองฮา เปลี่ยนไวบ์จากต้นฉบับที่เป็นแนวอิเล็กโทรป็อปมาสู่ความเป็นอะคูสติกเต็มร้อยผ่านเสียงกีตาร์ของเขา ก่อนจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปในยุค 70 กับเพลงป็อปอมตะอย่าง "Close to You" ของวง The Carpenters ซึ่ง ซองฮา หยิบมาเรียบเรียงใหม่โดยใส่เทคนิคการเล่นกีตาร์ของเขาเข้าไป กลายเป็นเวอร์ชั่นที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ฟังอย่างดีงาม แสงออกหูต่อเนื่องด้วย "Seventh #9" เพลงจากอัลบั้ม L’Atelier ของตัวเขาเอง ซึ่งพาให้ผู้ชมโยกตัวตามไปกับความสนุกของเพลงสไตล์ฟังกี้ที่จัดเต็มหลากเทคนิคจนทำให้แฟนๆ ของซองฮาต่างรู้สึกทึ่งไปกับเพลงนี้ เท่านั้นยังไม่พอเขาได้เลือกเพลงที่เหล่ามือกีตาร์ต่างยกให้เป็นเพลงที่ยากในการเล่นอย่าง "Neon" ของ John Mayer มาโชว์ให้ได้ฟังกัน ซึ่งเพลงนี้เขาได้นำมาเรียบเรียงใหม่ให้ออกมาเป็นแบบฟิงเกอร์สไตล์ที่นอกจากจะคงไลน์กีตาร์ยากๆ ของต้นฉบับไว้แล้ว ยังมีไลน์เมโลดี้ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก นับเป็นอีกเพลงที่ยืนยันความเป็นอัจฉริยะของ ซองฮา สมกับฉายา อัจฉริยะฟิงเกอร์สไตล์ ที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ
มาถึงเพลงสุดท้าย กีตาร์ริสต์แห่งมูคา ได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่มาร่วมสร้างช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันในคอนเสิร์ตครั้งนี้ โดยเขาให้สัญญาว่าจะกลับมาแสดงให้ได้ชมกันอีกบ่อยๆ จากนั้นหยอดมุกเรียกรอยยิ้มว่าหลังจบเพลงนี้หากไม่มีใครร้องเรียกเขาแล้ว นั่นก็คงจะเป็นเพลงสุดท้ายจริงๆ ดังนั้นหากอยากฟังเพลงเพิ่มอีกให้ลองแกล้งๆ เรียกเขาสักหน่อย ซึ่งเพลงสุดท้ายที่เขาเลือกมาปิดโชว์คือ "Flaming" ผลงานเพลงที่ได้รับความรักอย่างมากจากอัลบั้ม Monologue โดยทันทีที่โน้ตตัวสุดท้ายจบลงเสียงปรบมือของผู้ชมก็ดังกึกก้องขึ้นต่อเนื่องยาวนาน ส่งสัญญาณขออังกอร์จาก ซองฮา หนุ่มนักกีตาร์จึงไม่รอช้า กลับออกมาอีกครั้งพร้อมเพลง "Classical Gas" ที่ Tommy Emmanuel มือกีตาร์ระดับโลกผู้เป็นเหมือนฮีโร่ของเขาเคยเล่นไว้ มาเป็นเพลงส่งท้ายความทรงจำในคอนเสิร์ต 2022 Sungha Jung's Music Cafe [MuCa] live in Bangkok
ความประทับใจจากเหล่าแฟนๆ ในค่ำคืนนั้นยังนำพาให้แฮชแท็ก #SunghaMuCaLiveBKK ทยานขึ้นสู่อันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์กันไปเลย โดยมีทั้งฟีดแบคชื่นชม ซองฮา ในทุกๆ ด้าน หลายรีเควสต์อยากเห็น โต๋ คอลแลบกับซองฮาอีก หลายเสียงยกให้เป็นคอนเสิร์ตที่ฮีลใจสุดๆ รวมไปถึงงานโปรดักชั่น ความสวยงามของเวที ระบบแสงสีเสียง ซึ่งถือว่าผู้จัดงานสอบผ่านได้ใจกันไปเต็มๆ พร้อมเสียงเรียกร้องขอให้พาซองฮามาเปิดคอนเสิร์ตอีกในปีหน้า รอติดตามผลงานคุณภาพครั้งต่อไปจากทั้ง จิน คอร์ปอเรชั่น (JIN CORPORATION) และ พิคโคโล มิวสิก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (PICCOLO MUSIC ENTERTAINMENT) ได้ทาง เฟซบุ๊ก / อินสตาแกรม / ทวิตเตอร์ @JINcorporation และ @piccolomusic.ent
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ