“ด้วยรักและแอบดี” เวทีใจฟูของ “แสตมป์” ชายกลางอัจฉริยะผู้ทำให้แฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้าน | Sanook Music

“ด้วยรักและแอบดี” เวทีใจฟูของ “แสตมป์” ชายกลางอัจฉริยะผู้ทำให้แฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้าน

“ด้วยรักและแอบดี” เวทีใจฟูของ “แสตมป์” ชายกลางอัจฉริยะผู้ทำให้แฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะเป็นศิลปินที่ทำเพลงเล่าถึงชีวิตคนกลางๆ ได้ดี แต่สำหรับหลาย แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข จะเป็นนักดนตรีและเอนเตอร์เทนเนอร์อัจฉริยะที่ความสามารถรอบด้าน จนมีเพลงฮิตและสามารถเอาคนดูอยู่ทุกโชว์ที่เขาไป และเขาก็ยังคงมีไฟในการทำเพลงใหม่ จนทำให้ทุกวันนี้เขายังคงเดินหน้าทำเพลงต่อเนื่องจนได้เซ็นสัญญากับค่าย AVEX ที่ญี่ปุ่น และมีข่าวให้เราได้ตื่นเต้นเรื่องโปรเจกต์ใหม่เสมอ

 

แต่ด้วยความที่เป็นศิลปินไทย ทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรแฟนๆ ชาวไทยก็จะได้รับชมผลงานใหม่ของเขาเสมอ และรวมไปถึง แสตมป์ ด้วยรัก และแอบดี” คอนเสิร์ตใหม่ที่จัดขึ้นใน วันเสาร์ที่ 24 กันยายนนี้ ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จัดโดย ไลฟ์ เนชั่น เทโร ที่เราได้เข้าชม ซึ่งนี่คือครั้งแรกของการที่เราได้ชมคอนเสิร์ตใหญ่ของแสตมป์ ที่ทำให้เราสงสัยว่างานครั้งนี้แสตมป์จะทำอะไรให้เราแปลกใจ เพราะนี่คือคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 7 ปีของแสตมป์เลย และ 7 ปีที่ผ่านมาก็มีเพลงเยอะมากที่เขาปล่อยออกมา 

โดยงานคอนเสิร์ตครั้งนี้เริ่มต้นในเวลา 1 ทุ่ม ซึ่งแทนที่จะมีวงเปิด ทางงานกับเปิดด้วย เบียร์-ศรัญญู เพียรทำดี ชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง Buffalo Gags ที่ช่วงหลังๆ รู้จักในฐานะเพจ ป๋าตึ้บทอล์ก ที่ออกมายิงมุกรัวๆ พร้อมกับลูกคู่ที่มีมาดเป็นแฟนคลับแสตมป์ ก่อนที่งานจะเริ่ม เมื่อแสตมป์มากับเพลง “ผู้โชคดี” ที่เขาทำให้กับโปรเจกต์ 9x9 (ไนน์บายนาย) ก่อนตามด้วยเพลงของตัวเองอย่าง “โอมจงเงย” และ “ทั้งจำทั้งปรับ” ที่แขกรับเชิญคนแรกอย่าง ฟักกลิ้ง ฮีโร่ (F.HERO) หรือ กอล์ฟ-ณัฐวุฒิ ศรีหมอก ออกมาร่วมสร้างความสนุกก่อนตามด้วยเพลง “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” และ “นักเลงคีย์บอร์ด” ที่กลายร่างเป็นเพลงแจ๊สสุดละมุน ซึ่งช่วงที่ร้องแสตมป์ลงมาแจกดอกไม้แฟนๆ ในโซนชั้น 1 เองด้วย 

จากนั้นก็เป็นคิวของเพลง “ฝัน หวาน อาย จูบ”, “ถ้าเธอ” และ “The devil” ที่มี วี-วิโอเลต วอเทียร์ มาร่วมแจมพร้อมพูดคุยอย่างออกรสชาติในฐานะศิลปินที่ร่วมงานฟีทเจอริ่งเพลงกันบ่อยครั้ง เรียกได้ว่าช่วงแรกเป็นอะไรที่เดาทางแทบไม่ถูก เพราะแขกรับเชิญสองคนแรกออกมาไล่เลี่ยกันมาก รวมถึงเพลงก็มีการสลับยุคไปมา และช่วงท้ายการปรากฎตัวของวีและแสตมป์ก็มีการแถมเพลง “Vacation Time” ที่ตอนแรกพวกเขาทั้งสองทำเป็นเหมือนว่าจะไม่โชว์บนเวทีจนคนแปลกใจ โดยสำหรับเราแล้ววียังคงมาตรฐานการร้องที่สูงไม่เปลี่ยน

พอโชว์ร่วมกับวีจบก็ถึงคิวเพลง “พริบตา” ที่แสดมป์ทำให้กับ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ก่อนตามด้วยเพลง “แอบดี” ที่มีชื่ออยู่ในคอนเสิร์ตซึ่งทุกคนร้องตามได้ ก่อนจะมีการสลับมาโชว์เพลง “รอฟังคำนั้น” และ “ทฤษฏีสีชมพู” จากยุค 7thSCENE และหลังจากนั้นก็เป็นโมเมนต์เซอร์ไพรส์เมื่อ PP Krit (พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) แขกรับเชิญคนพิเศษที่มาร้องเพลง “กาลครั้งหนึ่ง” กับแสตมป์และร้องเพลง “มันคงเป็นความรัก” แบบชิลล์ๆ แถมให้แฟนๆ พร้อมพูดคุยเรื่องการมาขึ้นคอนเสิร์ตและแอบแซว บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (Billkin) คู่ขวัญของพีพี ก่อนที่พีพีจะปรับลุคจากสูทจนเซ็กซี่ขึ้นและร้องเพลง “I'll do how you like it” ซึ่งการแสดงนี้ทำให้เรารู้สึกเลยว่าพีพีพัฒนาเรื่องการโชว์ขึ้นมาก เมื่อเทียบกับงาน FANTOPIA 2020 ที่เขาขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะจริตการใช้เสียงที่เรามองว่าพีพีเริ่มรู้ว่าจุดเด่นของเสียงตัวเองอยู่ตรงไหนและดึงศักยภาพมันออกมาได้ 

นอกจากการแสดงแล้ว การแสดงครั้งนี้แสตมป์ได้ถือโอกาสเปิดตัวเอ็มวีเพลง “หลบฟ้า” ต่อหน้าคนดูในฮอลล์ซึ่งเป็นมิวสิควิดีโอที่ได้ มามิ้งค์-มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์ สมาชิกวง CGM48 แสดงนำ ก่อนจะถึงช่วงเพลงออเคสตร้าที่นำเพลงเศร้าอย่าง “ถ้าเธอไม่รู้สึก”, “ครั้งสุดท้าย”, “สบู่” และ “ความคิด” มาโชว์แบบกินใจคนดูสุดๆ และจากนั้นก็เป็นโชว์เพลง “1%” และการปรากฏตัวของ สิงโต นำโชค (นำโชค ถนัดรัมย์) ที่กับเพลง “อ้ายจัสวอนน่าเป็นแฟนยูได้บ่?” และแจมกับแสตมป์ในเพลง “ชายกลาง” และระหว่างที่โชว์ก็มีการสอนหลักสูตรทำเพลงร้อยล้านวิวของสิงโตให้กับแสตมป์ และมีโมเมนต์ที่ทั้งสองลงมาสนุกกับแฟนๆ ด้วย และสิงโตก็แถมเพลง "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" ของ ก้อง ห้วยไร่ (อัครเดช ยอดจำปา) ให้แฟนๆ ได้ฟัง 

พอถึงช่วงท้ายของโชว์ ก็เป็นการแสดงเพลง “ภูเขาบังเส้นผม” ที่มากับการแนะนำนักดนตรีแบ็คอัพที่เรียกได้ว่าเก่งทุกคน และบางคนก็โดดเด่นสุดๆ ในฐานะคนเบื้องหน้า อย่าง แชมป์-ชินพัฒน์ หงส์อัมพร มือกีตาร์วง Crescendo, Millie Snow หรือ (มิลลี่-ศิริชฎา ร่วมฤดีกูล) ศิลปินเดี่ยวที่มาเป็นมือ Synthesizer งานครั้งนี้ และ พีท-ปิติพงษ์ ผาสุขยืด นักร้องวง OverMe ที่มาร่วมร้องในโชว์ ก่อนจะถึงการแสดงของ F.HERO ที่กลับมาแจมกับแสตมป์ในเพลง “KARMA + จำเก่ง” ที่เชื่อมกัน และเพลง “ให้ตายสิพับผ่า” ก่อนที่จะกลับมาเป็นช่วงเพลงฟีลกู้ดอย่าง “บ้านเล็ก”, “มันคงเป็นความรัก” และ “เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง” ที่แสตมป์ทำเหมือนเป็นช่วงลาแฟนๆ และปิดงานด้วยกระดาษโปรย ซึ่งช่วงท้ายตัวแสตมป์ลงมาทักทายทุกคนด้วยตัวเองอีกด้วย 

แต่หลังจากนั้นก็มีข้อความขึ้นบนจอว่าโชว์เพลงฮิตได้แสดงไปหมดแล้ว และแสตมป์ยังมีเพลงหน้า B ที่อยากโชว์อีกแต่ไม่แน่ใจว่าแฟนๆ อยากดูไหม และเมื่อรับเสียงเชียร์ แสตมป์ก็กลับมากับเพลงหน้า B อย่าง “ร้อยล้านวิว”, “20,000” เวอร์ชั่นพั้งค์สุดแปลกหู และเพลง “เจ้าหญิงน้ำแข็ง + สัตว์ประหลาด + Animation + รักกระโดดกำแพง” ที่ถูกรวมด้วยกัน และเพลง “ฉันจะเป็นความรักเสมอ” ที่ตั้งใจเหมือนเป็นเพลงปิดท้าย แต่ทว่างานครั้งนี้กลับไม่จบง่ายๆ เพราะแสตมป์ดูเหมือนไม่อยากจากเวที เลยเจอแฟนๆ ขอให้ร้องเพลงอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น “ใจอ้วน”, “เจ้าอารมณ์” และอีกหลายเพลงที่ลึกจนบางทีนักดนตรีของแสตมป์ยังนึกไม่ออก (ตัวผู้เขียนเองก็แอบขอให้แสตมป์ร้องเพลง “สมมุติ” ที่ทำกับ บอย โกสิยพงษ์ ด้วย) และหลังจากที่แฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้าน เขาก็นำเพลง “มันคงเป็นความรัก” มาร้องอีกครั้งแบบภาษาญี่ปุ่นก่อนจะคว้าขวดน้ำมาเทใส่ตัวเองพร้อมอำลาทุกคนร่วมกับทีมนักดนตรี 

สำหรับงานครั้งนี้แสตมป์ได้แสดงความสามารถว่าเขาเป็นศิลปินที่นอกจากเพลงจะเด่นแล้ว ยังร้องเพลงจนเราแอบนึกว่า “พี่เขากินซีดีเข้าไปใช่ไหม?” และทั้งงานครั้งนี้เขาน่าจะร้องเพลงรวมกันร่วม 40 เพลง แม้ในลิสต์จะมีเพลง 28 เพลง ซึ่งเมื่อถึงเพลงสุดท้ายที่เขาโชว์เสียงสดๆ แบบไม่มีดนตรี คุณภาพก็ยังคงคับแก้วสุดๆ และงานครั้งนี้ก็มีแนวดนตรีที่เรียกได้ว่ามาทุกแนวทั้งแจ๊ส อีสาน ออเคสตร้า แดนซ์ แต่แสตมป์ก็พาเสียงของเขาเข้ากับทุกเพลง ส่วนด้านการเอนเตอร์เทนแสตมป์ก็ยังคงเล่นมุกพร้อมอบความสุขผ่านบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดงาน จนเราไม่แปลกใจว่าทำไมแฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้านกัน และ ในส่วนของแสตมป์เองนอกจากความสามารถแล้ว งานครั้งนี้ยังพิสูจน์ได้ว่า “เขารักและใส่ใจแฟนๆ มาก” ทั้งการพยายามลงมาใกล้ชิดทุกคนแบบนับรอบได้ไม่ถ้วน การเซอร์วิสและตามใจทุกคนแบบออกนอกสคริปต์ไปไกลมาก จนราวกับว่างานครั้งนี้ไม่มีซีนจบ ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องขอบคุณผู้จัดที่อนุญาตด้วย เพราะเราเชื่อว่าก็คงมีหลายศิลปินที่ทำแบบแสตมป์แต่ไม่สามารถทำได้เพราะข้อจำกัดสถานที่หรือจากทางผู้จัด 

อีกสิ่งที่เรามองว่าพิเศษของงานครั้งนี้คือสคริปต์ที่ฉีกภาพจำหลายๆ งานแต่ยังสนุก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดด้วยทอล์กแบบเรียบง่าย การพาแขกรับเชิญมาเปิดตั้งแต่โชว์แรก และการที่ F.HERO มาปรากฎตัว 2 รอบแบบเว้นช่วงห่างกันมาก ไปจนถึงการเปิดตัวเพลงใหม่บนเวที และการนำเพลงหน้า B Side มาปิดท้ายโชว์แทนการใช้เพลงฮิต หรือแม้แต่การที่ช่วงพูดคุยที่มีการปรับให้เข้ากับบุคลิกทั้ง 4 คือเราขอปรบมือให้กับคนที่คิดสคริปต์งานครั้งนี้มาก และตัวแสตมป์กับศิลปินทุกคนก็ไปตามโฟลว์งานได้อย่างดี ซึ่งเราในฐานะคนดูคอนเสิร์ตไทยก็ขอเชียร์ให้ผู้จัดและศิลปินอื่นๆ ทดลองการเรียงสคริปต์และเซ็ทลิสต์แบบใหม่ๆ บ้างแบบนี้ เพราะคอนเสิร์ตไม่จำเป็นต้องมีเพลงฮิตช่วง หัว ท้าย และมีแขกรับเชิญมาปรากฎตัวตรงกลางเสมอไป 

 

ทางด้านโปรดักชั่นงานครั้งนี้ เรามองว่างาน แสตมป์ ด้วยรัก และแอบดี ถือเป็นคอนเสิร์ตไทยในอิมแพ็ค อารีน่า ที่โปรดักชั่นค่อนข้างเรียบง่ายที่สุดงานหนึ่ง เพราะนอกจากจอข้างเวทีก็มีการขึงจอกลาง ที่มีการฉายภาพประกอบเพลง รวมไปถึงการเล่นควันและการโปรยกระดาษ แต่ความเอาอยู่ของนักแสดงทุกโชว์ ทำให้เรามองว่าทุกสิ่งที่ถูกเลือกมาใช้กับโชว์ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว ส่วนซาวด์งานครั้งนี้ก็อยู่ในเกณฑ์ดีจนนักดนตรีทุกคนได้ปล่อยของ และในส่วนซาวด์เราเองเจอความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จากเสียงไมค์ของแสตมป์ที่เหมือนมีเสียงช็อตออกมา 2-3 ครั้ง ช่วงแรกๆ และ 1 ครั้งที่มีเสียงแหลมหวีดจากลำโพง ที่ไม่ได้กระทบภาพรวมที่ค่อนข้างดี 

การแสดงบนเวที  แสตมป์ ด้วยรัก และแอบดี ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแสตมป์ อภิวัชร์ จะยังคงเป็นความรักของแฟนๆ เสมอ แม้จะห่างจากการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ไปนาน และต้องแบ่งเวลาทำผลงานอินเตอร์ เพราะความสามารถและความรักของเขาที่มีต่อแฟนๆ ยังคงเอ่อล้นภาพลักษณ์ชายกลางแห่งวงการดนตรีของเขา และเราหวังว่าถ้าเขามีคอนเสิร์ตใหญ่อีก ทุกคนควรจะรีบจองทันที เพราะสำหรับเรา เรากล้าพูดว่าแสตมป์ ด้วยรัก และแอบดี กลายเป็นคอนเสิร์ตไทยที่เราชอบที่สุด นับตั้งแต่เปิดปี 2565 มาเลยจริงๆ   

อัลบั้มภาพ 44 ภาพ

อัลบั้มภาพ 44 ภาพ ของ “ด้วยรักและแอบดี” เวทีใจฟูของ “แสตมป์” ชายกลางอัจฉริยะผู้ทำให้แฟนๆ ไม่ยอมกลับบ้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook