สัมภาษณ์ Lorde ตอบคำถามทำไมอัลบั้มใหม่ใช้เวลา 4 ปี และเหตุผลที่ไม่ทำซีดีขาย | Sanook Music

สัมภาษณ์ Lorde ตอบคำถามทำไมอัลบั้มใหม่ใช้เวลา 4 ปี และเหตุผลที่ไม่ทำซีดีขาย

สัมภาษณ์ Lorde ตอบคำถามทำไมอัลบั้มใหม่ใช้เวลา 4 ปี และเหตุผลที่ไม่ทำซีดีขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากเซอร์ไพรส์แฟนเพลงด้วยการกลับมาในรอบ 4 ปีแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงใดๆ ด้วยการปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง “Solar Power” ไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา Lorde ก็พร้อมแล้วที่จะพาแฟนๆ ทุกคนเข้าสู่โลกแห่งเสียดนตรีของเธอที่เธออยากเล่าผ่านประสบการณ์ชีวิต และความคิดที่มีต่อโลกใบนี้ของเธอเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงผ่านบทเพลงในอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ที่ใช้ชื่อเดียวกับซิงเกิลแรก Solar Power 

Sanook Music จะพาคุณอัปเดตชีวิตที่ผ่านมาของเธออย่างละเอียด ผ่านเพลงใหม่ในอัลบั้มล่าสุด ความคิดของเธอที่เติบโตขึ้น แนวเพลงที่เปลี่ยนไป การกลับมาโปรโมตเพลงใหม่ในรอบ 4 ปี ไปจนถึงการกลับมาสู่โลกโซเชียลมีเดียอีกครั้งหลังหยุดเล่นไปนาน ผ่านบทสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอลร่วมกับสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงเวลาเช้าตรู่ แม้จะต้องเริ่มงานกันเช้ามากกว่าปกติมาก แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการพูดคุยกับเธอทุกนาทีจริงๆ


ผ่านมา 4 ปีหลังจากที่คุณปล่อยอัลบั้ม Melodrama ทำไมถึงใช้เวลานานในการปล่อยอัลบั้มใหม่?

Lorde: (หัวเราะ) จริงๆ แล้วอัลบั้มนี้ฉันใช้เวลาทำจริงๆ ราว 2 ปีนะคะ ทั้งแต่ง ทั้งอัดเสียง แต่อื่นๆ ฉันทำอัลบั้มนี้เองเกือบทั้งหมด เลยเหมือนเป็นคนที่ค่อยๆ สร้างโลกใบนี้ให้ออกมาเป็นอัลบั้มของฉันด้วยสองมือของฉันเองทีละนิดๆ รวมถึงไอเดียในการถ่ายมิวสิควิดีโอ การออกแบบสินค้าออฟฟิเชียล สำหรับเตรียมไว้ทัวร์คอนเสิร์ต และอื่นๆ เลยใช้เวลาประมาณ 2 ปี 

แต่ในช่วง 2 ปีแรกเป็นช่วงที่ฉันยังทัวร์คอนเสิร์ตของอัลบั้ม Melodrama อยู่ จนถึงช่วงปี 2018 แล้วฉันก็เริ่มแต่งเพลงของอัลบั้มนี้ช่วงปี 2019 เหมือนว่าฉันจะมีเวลาว่างเยอะ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นค่ะ (หัวเราะ)

แต่จริงๆ แล้วที่อัลบั้มนี้เหมือนใช้เวลานาน เพราะฉันอยากใช้เวลาในการไปใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้มีเรื่องราวต่างๆ กลับมาเล่าผ่านเพลงใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย เลยอาจจะใช้เวลานิดนึงค่ะ (ยิ้ม)

อยากสื่ออะไรผ่านเพลง “Solar Power” เพลงแรกของการคัมแบ็ค และเปิดตัวอัลบั้มใหม่

Lorde: ธีมหลักของอัลบั้มนี้เป็นการเฉลิมฉลองให้กับโลกของธรรมชาติ เช่น เรื่องของโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเราบ้าง ชีวิตคนรุ่นหลังจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉันรู้สึกว่าฉันตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อัลบั้มนี้เลยเปรียบเหมือนวิธีในแบบฉบับของฉันที่อยากจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ผ่านเพลง เพราะเราต่างก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน เราควรช่วยกันรักษามันไว้ค่ะ

ช่วงที่ฉันพักไป ฉันมักตื่นแต่เช้าพาน้องหมาของฉันไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างนั้นเรื่อยๆ เข้า ฉันก็ได้เห็นบรรยากาศของฤดูกาลที่ค่อยๆ เปลี่ยนให้เห็นกับตาตัวเองเป็นครั้งแรก ได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าที่เปลี่ยนไปในช่วงเปลี่ยนฤดูอย่างชัดเจน ฉันเริ่มเห็นถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติชัดเจนมากยิ่งขึ้น ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งๆ ที่แค่ออกไปที่สวนแถวบ้านธรรมดาๆ เท่านั้น ตอนนั้นฉันเลยวางแผนไปเที่ยวแอนตาร์กติกา และเริ่มแต่งเพลงอัลบั้มนี้ในระหว่างเดินทางในทริปนั้นค่ะ ชื่อ “Solar Power” มันขึ้นมาในหัวเองเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าฉันต้องตั้งชื่อเพลงด้วยชื่อนี้แหละ

หลังปล่อย “Solar Power” แฟนๆ อาจรู้สึกว่าแนวเพลงของคุณค่อนข้างแตกต่างไปจากเดิมมาก คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง?

Lorde: (หัวเราะ) ฉันเข้าใจนะ คือฉันอยากจะกลับมาปล่อยผลงานใหม่ๆ ในแนวใหม่ๆ มากกว่าจะเป็นเพลงแนวเดิมๆ น่ะค่ะ ทุกคนอาจจะแปลกใจที่มันอาจจะดูแตกต่างไปจากเพลงก่อนๆ ค่อนข้างชัด แต่สำหรับตัวฉันเองที่อยู่เพลงนี้มา 2 ปีกว่าแล้ว ฉันเลยอาจจะชินแล้ว มันเป็นแนวทางที่ฉันอยากให้ทุกคนได้ฟังว่าตอนนี้ฉันเป็นคนแบบนี้ มาแนวนี้นะ (ยิ้ม) 

จริงๆ แล้วฉันชอบที่จะเซอร์ไพรส์คนฟังด้วยแนวเพลงใหม่ๆ ทุกครั้งที่ฉันปล่อยเพลงใหม่ เหมือนตอนที่ปล่อยเพลง “Green Light” ใหม่ๆ ก็มีกระแสประมาณนี้เหมือนกัน (หัวเราะ) ฉันชอบที่จะได้เป็นศิลปินที่คนฟังเดาไม่ออกว่าคัมแบ็ครอบหน้าเพลงจะออกมาแนวไหนยังไง เวลาผ่านไป ในฐานะคนฟังเพลงฉันก็มีแนวเพลงที่ชอบเปลี่ยนไปด้วย ทุกอย่างเลยเป็นแรงบันดาลใจและไอเดียในการทำเพลงใหม่ๆ ออกมาเสมอค่ะ อย่างอัลบั้มที่แล้วฉันฟังเพลงอิเล็กทรอนิกส์ป็อป และเพลงแนว ‘80s ค่อนข้างเยอะ มีความเป็น Big City Girl สาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าคอนกรีตค่อนข้างเยอะ เลยทำให้เพลงออกมาเหมือนเป็นเพลงที่น่าเอามาเปิดฟังในช่วงดึกที่แสงไฟในเมืองเริ่มดับลง 

แต่สำหรับอัลบั้มนี้เป็นฉันที่ออกไปดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า ท่องโลกกว้างท่ามกลางธรรมชาติใต้แสงอาทิตย์กันสว่างไสว ดังนั้น 2 อัลบั้มนี้มันเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสำหรับตัวฉันเองฉันคิดว่ามันก็เจ๋งดีนะที่ทั้ง 2 อัลบั้มมันแตกต่างกัน

ถ้าให้เพลงจากอัลบั้ม Solar Power เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง อยากให้เป็นเพลงไหน กับหนังเรื่องอะไร?

Lorde: ฉันไม่ค่อยได้ดูหนังใหม่ๆ เท่าไรช่วงนี้ แต่ฉันเป็นแฟนหนังของผู้กำกับ Sofia Coppola และชอบหนังเรื่อง Marie Antoinette มากๆ และจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มีเพลงประกอบที่เพราะมากๆ ด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะไหม แต่ขอเลือกเป็นเพลง “Big Star” แล้วกันค่ะ 

ล่าสุด คุณได้ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง “Mood Ring” ซึ่งเป็นเหมือนภาคต่อจาก “Solar Power” ได้แรงบันดาลใจจากอะไรในการแต่งเพลงนี้

Lorde: เพลง “Mood Ring” เป็นเพลงที่พูดถึงการเยียวยาจิตใจให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และระบบที่เราใช้ในการติดต่อเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดในโลกสมัยใหม่ ฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันมักทำเป็นประจำเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสาว เช่น เล่นลูกแก้วคริสตัล เผาใบเสจ อ่านดวง เลยพยายามเอาเรื่องเหล่านี้มารวมกันอยู่ในเพลงนี้ค่ะ

เพลงอะไรในอัลบั้มนี้ที่มีความหมายกับคุณมากที่สุด?

Lorde: มีอยู่เพลงหนึ่งค่ะ (เพลง “Oceanic Feeling”) ที่เป็นเพลงที่พูดถึงเรื่องส่วนตัวของฉันเอง เป็นเพลงที่ยาวมากๆ และพูดถึงชีวิตของฉันตอนใช้ชีวิตอยู่ที่นิวซีแลนด์ ฉันพูดถึงน้องชาย และพ่อของฉัน ลูกๆ ของฉันในอนาคตจะเป็นยังไง เหมือนคิดถึงอดีตและอนาคตของชีวิตฉันเอง ฉันชอบเพลงนี้มาก ฉันไม่เคยทำเพลงยาวถึง 6.30 นาทีมาก่อน เพลงนี้เลยค่อนข้างพิเศษสำหรับฉันมากๆ ค่ะ  

เหมือนว่าอัลบั้มนี้คุณจะเน้นไปที่สี “ทอง” มากๆ ในเพลงอื่นๆ ขออัลบั้มนี้จะยังเป็นธีมสีทอง หรือเป็นสีอื่นๆ บ้างไหม?

Lorde: ใช่ค่ะ ฉันตั้งใจให้ทุกอย่างที่ปล่อยออกมาในตอนแรกเป็นสีทอง สีเหลือง ฉันรู้สึกว่าอารมณ์เพลงมันไปทางที่เหมือนกันแสงอาทิตย์ โดยมีสีทองเป็นสีหลัก แซมด้วยเขียว และฟ้า หลักๆ เลยเป็นสีเหล่านี้ทั้งอัลบั้มเลยค่ะ

คุณอธิบายแนวเพลง รวมถึงซาวด์ของเพลงในอัลบั้มนี้เอาไว้อย่างไรบ้าง

Lorde: มันออกแนวผสมกันระหว่างเพลงแบบแคลิฟอร์เนียโฟล์คยุค ‘60s-’70s รวมๆ กับแนวเพลงที่ฉันฟังในช่วงวัยรุ่น เพลงยุค 2000 ต้นๆ ที่เป็นเพลงป็อปตามคลื่นวิทยุ ฉันเลยพยายามหยิบบางส่วนของแต่ละแนวนี้มาสร้างเป็นผลงานใหม่ผ่านมุมมองของฉันเอง แต่ก็พยายามให้เพลงมันดูเบา และอิสระ เบาจนรู้สึกว่ามันลอยได้เลย

อัลบั้ม Solar Power แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ Lorde และ Ella (ชื่อจริง) อย่างไรบ้าง?

Lorde: ฉันพยายามแยกตัวเองออกมาจากการใชัชีวิตเป็นป็อปสตาร์อย่างจริงจังค่ะ หลังจากที่ใช้ชีวิตยุ่งแต่กับงาน ทัวร์คอนเสิร์ตหลายต่อหลายที่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ต้องการเวลาในการเยียวยาตัวเอง หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยต่อการใช้ชีวิตแบบป็อปสตาร์มานาน เพื่อเปลี่ยนแปลงและเติมพลังให้ตัวเองมีไฟในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ แต่งเพลงใหม่ๆ ต่อไป ฉันเลยคิดว่าอัลบั้มนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ฉันเป็นได้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยระยะเวลาที่ฉันหยุดงานไปพอสมควร ทำให้ฉันเปลี่ยนไปจนฉันเองก็รู้สึกได้ค่ะ

คุณไม่ค่อยทำเพลงร่วมกับศิลปินคนอื่นในอัลบั้มของตัวเองเท่าไร แต่ถ้าให้ลองเลือกศิลปินที่อยากร่วมงาน อยากทำเพลงด้วย น่าจะเป็นใคร?

Lorde: ใช่ค่ะ ฉันไม่ค่อยทำเพลงกับศิลปินคนอื่นเท่าไรเลย แต่ถ้าให้คิด… ฉันเคยพูดไปว่าอยากทำเพลงกับ Harry Styles ฉันชอบอัลบั้มล่าสุดของเขามาก เป็นอัลบั้มเพลงป็อปที่เท่มากๆ เลยคิดว่าอาจจะดีถ้าเราได้ทำเพลงด้วยกันค่ะ

คุณทำอย่างไรในการทำเพลงที่สื่อถึงตัวตนของคุณ แต่ยังเป็นที่นิยมในกระแสเพลงหลักได้ด้วย

Lorde: จริงๆ แล้วฉันพยายามจะไม่วิ่งตามเทรนด์มากนักค่ะ เพราะฉันอยากให้อัลบั้มของฉันฟังได้ตลอดทุกยุคทุกสมัย รู้สึกสดใหม่ไปนานๆ ไม่ได้อยากให้มันเป็นกระแสอยู่แค่ตอนที่ปล่อยเพลงใหม่ๆ แรงบันดาลใจในการทำเพลงของฉันเลยมักมาจากแนวเพลงและสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลาเก่าใหม่ที่แตกต่างกันไป เพื่อที่ฉันจะได้ทำเพลงที่อยู่ยั่งยืนยง ฟังได้นานๆ

ยากไหมกับการกลับมาโปรโมตงานใหม่ในรอบหลายปี และยังเป็นช่วงโควิด-19 ระบาดด้วย?

Lorde: ยากค่ะ (หัวเราะ) ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดเลย ฉันใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาไม่ได้มีชื่อเสียงมาหลายปี พอกลับมาโปรโมตเพลงก็เลยเหมือนกับต้องสวมร่างกลับมาเป็นป็อปสตาร์อีกครั้ง ทั้งให้สัมภาษณ์กับสื่อ ทั้งโพสท่าถ่ายรูปต่างๆ ฉันใช้เวลาปรับตัวพอสมควรหลังจากที่เคยใช้ชีวิตแบบวันๆ ตื่นเช้ามานอนแผ่หลาสบายๆ บนโซฟา ผ่านหนังสื่อเรื่อยเปื่อย เหมือนคนว่างไปวันๆ แต่พอต้องกลับมาทำเพลง ช่วงแรกฉันก็แอบคิดถึงช่วงที่พักไปเหมือนกันนะ แบบอยากกลับไปนอนกลิ้งบนโซฟาเหมือนเดิมจัง (ยิ้ม) แต่สุดท้ายพอกลับมาทำงานในลูปเดิม ฉันก็เริมปรับตัวได้และรู้สึกดีไปกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ช่วงการระบาดของโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมากในการปล่อยอัลบั้มใหม่ ฉันมาในช่วงที่ทุกอย่างเริ่มกลับมาดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ฉันอาจจะพลาดโอกาสในการทำอะไรไปบางอย่างด้วยข้อจำกัดที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็มีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นมาแทนเหมือนกัน อย่างการสัมภาษณ์ข้ามประเทศข้ามทวีปแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาใหม่เหมือนกัน ทำให้เราได้มาคุยกันในวันนี้ได้ ฉันเลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเรายังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ที่ยังคงช่วยให้การใช้ชีวิตของเราไม่ได้แย่อย่างที่คิด 

จากไอเดียรักษาสิ่งแวดล้อมในอัลบั้มนี้ คุณเลยตัดสินใจไม่ผลิตซีดีด้วย?

Lorde: ใช่ค่ะ หลังจากที่ฉันเริ่มตระหนักถึงเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ฉันก็เลยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวที่ฉันสามารถเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก่อน ตั้งแต่การอัดเพลงในบ้าน ไม่ทิ้งขว้างข้าวของไปง่ายๆ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ น้อยลง รวมไปถึงไอเดียในการไม่ผลิตซีดีสำหรับอัลบั้มนี้ แต่จะเป็น music box ที่ทดแทนการผลิตซีดีแทน ซึ่งกระบวนการผลิต music box นี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด 

ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสื้อผ้าที่ฉันใส่ผลิตมาจากไหน หรือสินค้าออฟฟิเชียลของฉันผลิตมาจากไหน กระบวนการผลิตมันดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า แต่ในตอนนี้ฉันค่อยๆ เริ่มต้นจากผลงานของฉัน สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก่อน 

คุณหยุดเล่น social media ไปพักใหญ่ แต่ก็เคยบอกว่าคุณเองก็กลัวว่าจะถูกลืม ตอนนี้คุณจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไรบ้าง?

Lorde: (ยิ้ม) ฉันคิดว่ามันคงเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันค่อยๆ เรียนรู้กับมันไปเรื่อยๆ ค่ะ เมื่อเราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ หรือหยุดทำในสิ่งที่เคยทำอยู่มาตลอด ก็อาจทำให้เรารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง รู้สึกโหวงๆ ไปบ้าง แต่หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไปก็เริ่มปรับตัวได้ 

ฉันอาจจะเป็นคนที่ใช้เวลาปรับตัวนานหน่อย ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลจากการต้องเลือกใส่ชุดสวยๆ ถ่ายรูปสวยๆ ไปที่สวยๆ มันค่อนข้างสูบพลังงานจากชีวิตฉันไปเยอะ พอฉันตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเลิกเล่น มันก็เลยเหมือนตัดฉับไปเลย แม้ว่าจะสูญเสียการเป็นที่จดจำไปบ้าง แต่มันก็เป็นราคาที่ต้องจ่ายไปบ้างนิดหน่อยค่ะ

ฝากข้อความถึงแฟนๆ หน่อย

Lorde: ก่อนอื่นขอบคุณสื่อมวลชนหลายๆ คนที่ตื่นแต่เช้ามาร่วมสัมภาษณ์ด้วยนะคะ และฉันอยากไปหาแฟนๆ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากๆ เลย หวังว่าจะได้ไปหาเร็วๆ นี้ค่ะ


ฟังอัลบั้ม Solar Power ของ Lorde ได้ที่นี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook