ย้อนอดีต 2008 : เมื่อคลัง Universal Music ไฟไหม้ สูญอัลบั้มของศิลปินในตำนานกว่า 500,000 แผ่น
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นจริง แต่อาจมีไม่กี่คนที่รู้ หรือยังจำได้ เมื่อปี 2008 เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ในพื้นที่หลายส่วนของ Universal Studio ในฮอลลีวูด ทั้งในส่วนของเมืองจำลองสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ของ Universal Studio สวนสนุก Universal และคลังเก็บของของ Universal Music Group ที่ New York Times รายงานว่าผลงานอัลบั้มฉบับมาสเตอร์ของศิลปินระดับตำนานของโลกกว่า 500,000 ชุดถูกเผาทำลายเสียหายทั้งหมด นับว่าเป็นเหตุการณ์หายนะแห่งวงการดนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
ในช่วงแรกส่วนใหญ่รายงานข่าวจะเน้นแค่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจภาพยนตร์ และสวนสนุกของ Universal Studio โดยตัวแทนฝั่ง Universal Music Group กล่าวกับ Deadline ว่า “ความเสียหายที่เกิดขึ้น (ในฝั่งธุรกิจเพลง) เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เพราะเราย้ายสินค้าส่วนใหญ่ในคลังไปที่อื่นตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว และผลงานเพลงเหล่านั้นถูกแปลงเป็นดิจิตอลหมดแล้วด้วย ดังนั้นผลงานเพลงเหล่านั้นจะยังมีให้ฟังกันไปอีกนานแน่นอน”
แต่ทางด้านของ Randy Aronson ผู้อำนวยการอาวุโสที่ดูแลคลังสินค้าในขณะนั้นกลับกล่าวในทางตรงกันข้ามกับ Times ว่า “เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนหนังวันสิ้นโลก ผมรู้สึกเหมือนโลกของผมถูกทำลายไปจนหมด”
ห้องเก็บของในคลังสินค้าของ Universal Music เต็มไปด้วยผลงานเพลงของศิลปินจากค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ Universal Music Group ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Decca, Chess, Impulse, MCA, Geffen, ABC, A&M, Interscope และบริษัทในเครืออีกมากมาย สินค้าที่ถูกไฟไหม้ทำลายมีทั้งผลงานส่วนใหญ่ของ Buddy Holly ผลงานเกือบทั้งหมดของ John Coltrane ตอนที่เขามีผลงานภายใต้ค่าย Impulse Records และผลงานต้นฉบับของ Etta James อัลบั้ม “At Last”
นอกจากนี้ยังมีผลงานอัลบั้มฉบับมาสเตอร์สุดคลาสสิกของศิลปินในระดับตำนานของโลกมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Al Green, Ray Charles, Elton John, B.B. King, The Four Tops, Nirvana, Snoop Dogg, Chuck Berry, Tom Petty, Joan Baez, Nine Inch Nails, Neil Diamond, Cat Stevens, Gladys Knight and the Pips, Eric Clapton, R.E.M., The Eagles, Aerosmith, Rufus and Chaka Khan, Barry White, Patti LaBelle, The Police, Sting, Steve Earle, Janet Jackson, Guns N’ Roses, Mary J. Blige, No Doubt, Snoop Dogg, Beck, Sheryl Crow, Tupac Shakur, Eminem, 50 Cent และ The Roots
Jody Rosen บรรณาธิการ New York Times ที่ทำข่าวนี้ในตอนนั้นระบุว่า เหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ นับว่าเป็น “หายนะแห่งวงการดนตรีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” เพราะหลายอัลบั้มไม่สามารถทำขึ้นมาทดแทนใหม่ได้ และเธอยังระบุอีกว่า มูลค่าความเสียหายของบริษัท เทป และความสูญเสียในแง่ของงานศิลปะสูงถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในแง่ของการสูญเสียเชิงหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีไม่สามารถประเมินค่าได้ แม้แต่การระบุผลงานแต่ละชิ้นที่ถูกทำลายอย่างละเอียดว่าเป็นเทปไหน ฮาร์ดไดรฟ์ไหนที่หายไป และมีเพลงไหน อัลบั้มไหนบ้างที่หายไปก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเช่นกัน แต่จากเอกสารทางกฎหมายที่เป็นรายงานภายในบริษัทของ Universal Music Group ระบุว่าเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลราวกับหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลงตั้งแต่เพลงในตำนานยุคหลังสงครามโลก ไปจนถึงเพลงป็อปของซูเปอร์สตาร์ในยุคนั้นถูกกวาดลบทิ้งไปอย่างสิ้นเชิงในครั้งเดียว
ใครที่อยากอ่านเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างละเอียด สามารถผ่านได้จากสกู๊ปพิเศษของ New York Times ได้ที่นี่
Story : Jurairat N.
Sources : New York Times, Deadline, Consequence of Sound
Photos : GettyImages, AFP