คอนเสิร์ตอำลาของ Namie Amuro แม่พลอยแห่งวงการเพลงญี่ปุ่น
25 ปีในวงการของนามิเอะ สอนเราถึงการใช้ชีวิตของมนุษย์ในหลายแง่มุม ทั้งการขึ้นลงของชีวิต การฮึดสู้ และการเลือกจบมันอย่างงดงาม
หนึ่งในข่าวใหญ่ของวงการเพลงญี่ปุ่นเมื่อปี 2017 และสะเทือนต่อเนื่องมาจนถึงปี 2018 ก็คือการประกาศอำลาวงการของนักร้องสาว นามิเอะ อามุโระ ทั้งที่อาชีพการงานของเธอยังถือว่าอยู่ในระดับท็อป
>> นะมิเอะ อะมุโระ ประกาศอำลาวงการเพลงปี 2018 หลังเดบิวต์ 25 ปี
ชีวิตของนามิเอะเป็นดั่งบทภาพยนตร์ชั้นดีที่มีทั้งขึ้นสุดลงสุด เธอเป็นศิลปินแถวหน้าของญี่ปุ่นในช่วงยุค 90 ด้วยแนวเพลงแดนซ์-ยูโรบีตและเนื้อเพลงที่ว่าด้วยความสับสนของหนุ่มสาว การร่วมงานกับนักแต่งเพลงคนดัง เทตสึยะ โคมุโระ ทำให้อัลบั้มของเธอมียอดขายหลักล้าน มีเพลงดังมากมาย อาทิ "Body Feels EXIT", "Chase the Chance" หรือเพลงบัลลาดที่ชาวไทยคุ้นหูกันดีอย่าง "Can You Celebrate?"
แต่เมื่อเข้าถึงยุค 00 กราฟชีวิตของนามิเอะก็ดิ่งลงทันที
เธอผ่านการแต่งงาน-มีลูก-หย่าร้าง อันกลายเป็นข่าวช็อกระดับประเทศ ส่วนด้านงานเพลง เธอแยกทางกับโปรดิวเซอร์คู่บุญอย่างโคมุระ พยายามเปลี่ยนแนวเพลงไปทางอาร์แอนด์บี แต่ทว่ายอดขายกลับตกฮวบไปอยู่ระดับหลักแสน แถมช่วงนั้นยังมีศิลปินรุ่นน้องอย่าง อูทาดะ ฮิคารุ และอายูมิ ฮามาซากิ มาโด่งดังแทนที่เธอ
อย่างไรก็ดี ช่วงกลางยุค 00 นามิเอะหวนคืนสู่แสงไฟได้อีกครั้งด้วยเพลงแบบ ‘ฮิปป๊อป’ ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวเพลงฮิปฮ็อปกับป๊อป จนยอดขายกลับไปแตะหลักล้านได้ แม้ว่านามิเอะจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแต่งเพลง แต่เธอเป็นคนกำหนด ‘ทิศทาง’ ของแนวเพลงด้วยการชักชวนโปรดิวเซอร์หลากหลายมาร่วมงานด้วย เพลงของเธอจึงพัฒนาไม่หยุดนิ่ง โดยช่วงหลังเธอทำเพลงให้ร่วมสมัยขึ้นด้วยดนตรีแบบ EDM
อีกกลยุทธ์ของนามิเอะในยุคหลังคือเธอออกสื่อน้อยมาก ไม่ออกรายการโทรทัศน์ ไม่ให้สัมภาษณ์ ทำให้ไม่ค่อยมีข่าวเสียๆ หายๆ ไปโดยปริยาย ภาพลักษณ์ของเธอจึงดูเป็นหญิงสาวผู้สง่างาม เธอเลือกพบปะแฟนเพลงด้วยการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างหนัก ทัวร์ล่าสุดของเธอที่ชื่อ LIVE STYLE 2016-2017 เป็นจำนวนรอบถึง 101 รอบ!
ด้วยความอยู่ยงคงกระพันผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคสมัย แฟนเพลงชาวไทยเลยมอบฉายาให้เธอว่า ‘แม่พลอยแห่งวงการเพลงญี่ปุ่น’
แต่แล้วเดือนกันยายนปีก่อนนามิเอะก็ประกาศว่าจะรีไทร์ในวันที่ 16 กันยายน 2018 แฟนเพลงต่างพากันสับสนและไม่เข้าใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็พบว่าเธอเลือกจะจบอาชีพของตัวเองในตอนที่ยังอยู่จุดสูงสุดของวงการนั่นเอง
ถึงกระนั้น นามิเอะไม่ได้ใจร้ายหนีหายจากวงการไปทันที เธอมีทัวร์คอนเสิร์ตอำลาที่ชื่อว่า namie amuro Final Tour 2018 ~Finally~ ซึ่งจัดแสดงที่ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และไต้หวัน แน่นอนว่าผู้คนตบตีแย่งชิงบัตรกันอย่างดุเดือด ตัวผู้เขียนเองก็มีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเธอที่ฮ่องกงเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา
ก่อนจะไปถึงตัวคอนเสิร์ต ขอเล่าถึงสงครามการซื้อบัตรอันแสนดุเดือดก่อน ช่วงก่อนจะถึงวันขายบัตรผมอ่านเจอแฟนคลับนามิเอะบ่นในเฟซบุ๊กว่า “คอนเสิร์ตนี้มีสปอนเซอร์เยอะมาก ต้องซื้อบัตรยากแน่ๆ เลย” ซึ่งผมก็งงว่ามันเกี่ยวอะไรกันหว่า
โปสเตอร์คอนเสิร์ตนามิเอะที่ฮ่องกง (สังเกตด้านล่างโปสเตอร์ที่มีรายนามสปอนเซอร์มากมาย)
เมื่อใกล้ถึงวันขายบัตรผมก็ได้เรียนรู้ความจริงอันโหดร้ายว่าที่ฮ่องกงมีวัฒนธรรมการขายบัตรที่เรียกว่า Black Out อันหมายถึงพื้นที่บางส่วนซึ่งไม่ได้เปิดขายบัตรให้กับคนทั่วไป แต่กันไว้ให้สปอนเซอร์ พื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นสีดำในผังที่นั่ง ดังนั้นยิ่งมีสปอนเซอร์หลายราย พื้นที่ Black Out ก็จะยิ่งเยอะ
และผังคอนเสิร์ตนามิเอะที่ฮ่องกงก็ออกมาเป็นแบบนี้ครับ…
สีดำคือไม่ขายจ้ะ สีอื่นๆ คือเปิดขาย
โอ้โห เห็นแล้วแทบจะเป็นลม ทำไมพื้นที่เปิดขายปกติมันถึงน้อยขนาดนี้! ถึงครึ่งหนึ่งหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แย่ไปกว่านั้นคือเว็บล่มตั้งแต่ก่อนการขาย 15 นาที จนผมปลงตกว่าคงอดดูแล้วแน่ๆ แต่หลังจากกดรีเฟรชอยู่ชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดผมก็ซื้อบัตรได้ครับ นี่แหละตามสำนวนที่เขาว่ามนุษย์เรามีความพยายามกับเรื่องไม่จำเป็นเสมอ
ขอวาร์ปข้ามเวลามาวันคอนเสิร์ตเลยนะครับ ไลฟ์ครั้งนี้จัดที่สนามกีฬา Hong Kong Coliseum ขนาดพอๆ กับอิมแพ็คอารีน่าบ้านเรา บรรยากาศหน้างานก็คึกคักทีเดียว มีหลายคนคอสเพลย์เป็นนามิเอะในยุคต่างๆ แต่ที่ฮาคือมีคนญี่ปุ่นมาดูเยอะมากกกก เพราะพวกนางซื้อบัตรในประเทศบ้านเกิดไม่ได้จนต้องดั้นด้นมาฮ่องกง
ส่วนตัวคอนเสิร์ตจัดว่าพีคมาก นามิเอะจัดเต็มสามสิบเพลงรวด ความยาวสองชั่วโมงครึ่งแบบไม่มีพัก ร้องสดล้วนๆ (แต่ใช้ backing vocal เยอะอยู่) เซ็ตลิสต์ครอบคลุมทั้งเพลงเก่าเพลงใหม่ ช่วงแรกๆ เธออาจจะยังไม่เต้นมากนัก จนเราแอบปรามาสว่า “อืม ก็อายุ 40 แล้วนี่นะ” แต่พอช่วงกลางๆ คอนเสิร์ตที่ร้องเพลงยุค 90 เธอก็สวมวิญญาณสาวเจป๊อปเต้นสะบัดจนคนดูทั้งงานร้องโอ้โหไปตามๆ กัน
เป็นที่รู้กันดีว่าช่วงหลังมานามิเอะแทบจะไม่พูดคุยกับคนดูระหว่างคอนเสิร์ตเลย ต่างจากศิลปินญี่ปุ่นหลายรายที่คุยกับคนดูอย่างสนุกสนาน บางคนคุยยาวจนแทบจะเป็นทอล์คโชว์ ปกติแล้วนามิเอะจะพูดแค่สองครั้งเท่านั้นคือ หนึ่ง-ขอเสียงหน่อยค่า กับสอง-ขอบคุณมากๆ ค่ะ แล้วก็เดินเข้าเวทีไปเลย แต่อาจเพราะนี่เป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย อยู่ดีๆ นามิเอะก็เดินออกมาพูดกับคนดูหน้าเวทีว่า
“ขอบคุณทุกคนที่มาชมคอนเสิร์ตในวันนี้นะคะ เมื่อปีที่แล้วในงานแถลงข่าวฉันได้ระบุว่าจะรีไทร์วันที่ 16 กันยายนนี้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาดีๆ ในทุกๆ วัน ได้ฟังเพลงดีๆ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาแสดงคอนเสิร์ตที่นี่ค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนตลอดช่วงเวลา 25 ปีที่ผ่านมานะคะ”
ระหว่างที่พูดไปนามิเอะก็มีอาการน้ำตาไหลจนต้องหยุดพูดเป็นพักๆ ในช่วงนั้นเองที่คนดูก็พากันร้องไห้กันทั้งฮอลล์ ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชายก็ร้องกันหมด จนผู้เขียนร้องตามไปด้วย (ฮือ...) แต่ทั้งนี้มันไม่ได้เป็นความเศร้าเสียใจแต่อย่างใด หากเป็นความรู้สึกขอบคุณมากกว่า พอนามิเอะพูดจบคนดูเลยพากันตะโกนว่า “นามิเอะ! อาริกาโตะ!!” ซ้ำๆ ไม่หยุด จนเธอยิ้ม โบกมือ และเดินเข้าหลังเวทีไป
สำหรับผู้เขียนนี่ไม่ใช่เพียงคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจเท่านั้น แต่ 25 ปีในวงการของนามิเอะยังสอนเราถึงการใช้ชีวิตของมนุษย์ในหลายแง่มุม ทั้งการขึ้นลงของชีวิต การฮึดสู้ และการเลือกจบมันอย่างงดงาม