เพลงเปลี่ยนชีวิต: BIG ASS | Sanook Music

เพลงเปลี่ยนชีวิต: BIG ASS

เพลงเปลี่ยนชีวิต: BIG ASS
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Big Ass หนึ่งศิลปินร็อกเเถวหน้าของเมืองไทยในปัจจุบัน เส้นทางดนตรีของบิ๊กแอสที่ฝ่าฟันอุปสรรค มากมายซึ่งวันนี้ พี่กบ ขจรเดช พรมรักษา จะมาเป็นผู้เล่าความเป็นมาของ Big Ass ให้ฟังกัน

สำหรับบิ๊กแอสยุคเเรก จุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกพี่อยากเล่นดนตรีกันคืออะไร มีวงหรือเพลงที่เป็นจุดเปลี่ยนหักเหชีวิตเข้าสู่เส้นทางดนตรีหรือเปล่า?

พี่กบ: “วงที่เป็นตัวอย่างของ Big Ass ในยุคเเรก หรือยุคที่หนึ่ง เรียกแบบนี้เเล้วกัน นั่นก็คือวง Metallica ครับ สาเหตุที่วงนี้เป็นเเรงบันดาลใจของพวกเรา ก็เพราะว่าเราชอบดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัล หนักหน่วงรุนแรง ซึ่งในสมัยนั้น เพลงแบบนี้จะยังไม่ค่อยมีใครในเมืองไทยฟังหรือเล่นแนวนี้กันมากนัก แต่คนที่เเนะนำให้พวกเราได้รู้จักและฟังวงนี้ นั่นก็คือ อ๊อฟ มือกีต้าร์ของวง อ๊อฟเค้าจะมีพี่ชายที่เคยเล่นดนตรี เป็นนักร้องเล่นเพลงเฮฟวี่สมัยเก่าๆหน่อย เค้าก็จะส่งต่อเพลงพวกนี้ ทุกวันนี้ พวกเรายังหยิบเพลงของ Metallica มาเล่นกันบ้างอยู่เลย ตอนไป Sound check ก็เอาเพลงเค้ามาซ้อม อย่างพี่โอ๊ค มือเบส ทุกวันนี้เค้าก็ยังมีวงอีกวงนึงชื่อ “เมทัลลีกล้วย” เป็น SIde Project ตอนเเรกผมก็ไปตีอยู่พักนึง จนเจ็บมือตีไม่ไหวเลยเลิกไป”

เเล้วทุกวันนี้ยังเล่นกันอยู่ปะพี่ ถ้าอยากดูต้องไปดูที่ไหน
พี่กบ: “ยังเล่นกันอยู่ครับ ไปดูได้เลยที่ Parking Toy ซึ่งเวลาเค้าไปเล่น ผมก็จะคอยไปเชียร์ ไปให้กำลังใจอยู่นะ แล้วเรามีความสุขทุกครั้งที่ฟัง Metallica โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นมาจากมือของโอ๊ต”

 

นอกจากแนวดนตรีที่ได้อิทธิพลจาก Metallica แล้วสำหรับตัวเนื้อหาเพลงล่ะ เขียนขึ้นจากส่วนไหน
พี่กบ: “เรื่องเนื้อหาเพลง จริงๆ โดยส่วนตัว ไม่ได้มีเเรงบันดาลใจว่าจะต้องเหมือนกับใคร แต่ถ้าย้อนไปช่วงเด็กๆ เราจะชอบฟังเพลงอย่าง ไมโคร พี่ป้อม อัสนี โดยเฉพาะเพลงของไมโคร มันค่อนข้างจะเข้ากับสิ่งที่ Big Ass เป็นในยุคนั้นมาก เป็นพวก underdog แต่จริงใจกับสิ่งต่างๆ อย่างเช่น ความรัก การดำเนินชีวิต เราก็เอาบุคลิกแบบนี้ มาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงให้กับ Big Ass เราอยากพิสูจน์ว่า ถึงแม้คนมันจะมองกันยังไง เราก็ยังเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ ในเส้นทางดนตรีเราก็พิสูจน์ว่าอย่างน้อยก็มีอะไรที่ยึดเหนี่ยวไว้ และเเม้เราอาจจะเคยเกเรในหลายๆเรื่อง เเต่กับดนตรีเราไม่เคยเกเรกับมัน

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวง จากการเปลี่ยนนักร้องนำจาก “แด๊ก” มาเป็น “เจ๋ง เดชา โคนาโล” ซึ่งทำให้เข้าสู่ยุคที่สองของ Big Ass แล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ส่งผลกระทบอะไรกับวงบ้าง
พี่กบ: “สำหรับช่วงเปลี่ยนนักร้อง มันก็มีคำที่เค้าว่ากันว่า “ไม่ว่าวงไหน พอเปลี่ยนนักร้องนำก็เจ๊งหมดนั่นแหละ” คือ ส่วนใหญ่นักร้องที่เเยกวงไปตั้งวงใหม่หรือออกเดียว ส่วนใหญ่เค้าก็จะรอด เเต่วงจะไม่ค่อยรอด อย่างในเมืองไทยตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่มากมาย ว่าเวลาที่นักร้องเเยกตัวออกไป ก็จะเป็นแบบที่ว่ามานี้ แต่เราก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่ในวงการนี้ต่อไป เพราะเรายังอยากทำงานเพลงออกมาเรื่อยๆ เราก็ลองไปดู มันก็มีตัวอย่างของวงฝรั่งอยู่ที่เปลี่ยนนักร้องเเล้ว ผมคิดว่าเค้ารอด ก็คือวง Van Halen วงนี้ไง ที่เค้าเปลี่ยนนักร้องเเล้วเค้ารอด งั้นเราก็ต้องรอดสิวะ ถือได้ว่าวงนี้แหละ ที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับยุคใหม่ของ Big Ass”

 

ท่ามกลางความกังวลใจในช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้ แน่นอนว่าการหานักร้องใหม่ก็ย่อมมีความกดดันมากเป็นเท่าตัว
พี่กบ: “ต้องบอกก่อน ว่าก่อนหน้าที่จะมาเป็นเจ๋ง เราก็มีหานักร้องกันไปแล้ว 3-4 คน แต่สุดท้ายก็เลิกหา เพราะมันคิดว่าคงไม่มีหรอก แล้วก็คุยกันเเล้วว่ามันคงต้องยุบวง เราก็เปรียบเทียบกันเล่นๆ ว่า สุดท้ายนักร้องคนใหม่มันก็คงเป็นเหมือนความรักอะ ยิ่งหา ยิ่งไม่เจอ ถ้าวันนึงจะเจอ มันก็คงจะเจอเอง แล้วเราก็เลิกหา”


แล้วไปเจอกับ “เจ๋ง” ได้ยังไง
พี่กบ : “หลังจากเลิกคาดหวังกับการเปลี่ยนนักร้อง ทำใจกันเรียบร้อย ว่าคงต้องยุบวงกันเเล้ว ในที่สุด ก็ไปเจอเจ๋งร้องเพลงอยู่ที่ผับในโคราช มันขย่มเวที มันเอาเวทีอยู่ ทั้งที่ก็เป็นวงที่เล่นประจำตามผับทั่วไป เเต่ทำไมดูมันเล่นเกินค่าตัวไปจังวะ พอสังเกตโต๊ะรอบข้าง ทุกคนก็จ้องไปที่เค้าหมดเลย ทั้งที่ตอนนั้นเค้าอ้วนกว่าตอนปัจจุบันประมาณสิบกว่าโล ตัวใหญ่ๆ เหมือนหมี ไม่มีลุคอะไรแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

แล้วพอมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกวง โดยเฉพาะตัวเล่นสำคัญอย่างนักร้อง มันทำให้ Big Ass ต้องปรับเเนวดนตรีหรืออะไรบ้างหรือเปล่า
พี่กบ: “ปรับเเน่นอน เพราะการทำงานกับน้องร้องคนใหม่มันมีอยู่ 2 ทางเลือก ทางแรกก็คือ ก็ทำตามใจบิ๊กแอสสี่คนเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นแหละ ทำในสิ่งที่เราเคยเป็นมา แต่งเพลงออกไป ไม่ต้องปรับเปลี่ยน ไม่ต้องไปแบ่งความคิดกับนักร้องคนใหม่ แต่ทางที่สองคือ ก็ในเมื่อเปลี่ยนนักร้องเเล้ว เมื่อเค้ามาอยู่ในวง ก็ต้องใช้ศักยภาพเค้าให้เต็มที่ เราก็ต้องแบ่ง ต้องเเชร์ ต้องคุยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่า เค้าเเค่มายืนร้องเพลงของใครก็ไม่รู้ โดยที่เค้าไม่ได้มีส่วนร่วมในงานนั้น”

แล้วทางเลือกของ Big Ass คือ...
พี่กบ: “สุดท้ายเราก็เลือกในทางที่สอง เพราะเรารู้สึกว่า แม้ทางเเรกมันเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องตอบคำถามโน่นนี่นั่น ก็แค่ทำในรูปแบบที่เราเคยทำมา แต่เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์อะ เรารู้สึกว่า ถ้าเราเป็นเจ๋งจะรู้สึกยังไงที่ต้องออกไปร้องเพลงที่เค้าไม่มีส่วนร่วม เราเลยคิดว่า ทำยังไงก็ได้ ให้เจ๋งได้มีส่วนร่วมด้วยมากที่สุด มันยุติธรรมกว่าสำหรับการที่เจ๋งได้มีส่วนร่วม แล้วในระยะยาวมันจะยั่งยืน เจ๋งจะมีตัวตน แล้วเค้าจะภูมิใจในเพลงยุคใหม่ที่เค้ามีส่วนร่วม ไม่ใช่เเค่การ cover เป็นเงาเสียงหรือว่าตัวแทนใคร เเต่ที่สำคัญคือเราอดทนมากพอที่จะผ่านคำวิจารณ์ต่างๆ ไปให้ได้ ไม่งั้นมันจะไม่เวิร์คกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้”

เห็นได้ว่า Big Ass มีการเดินทางกันมาเยอะ ปรับเปลี่ยนกันมาตลอด ในแง่ของการทำงานด้วยกัน หรือเรื่องพัฒนาการทางดนตรี มีอะไรที่ต่างไปจากเดิมบ้าง
พี่กบ : “ถ้าพูดถึงเฉพาะซิลเกิ้ลอาจจะไม่ครบถ้วน เลยจะขอพูดถึงภาพรวมของ THE LION นะครับ คืออัลบั้มนี้มันเป็นการทดลองบางอย่างว่า Big Ass ในอนาคตจะเป็นยังไง เพราะเราก็ไม่รู้ว่ากับสมาชิกห้าคนเนี่ย Big Ass จะออกมาเป็นยังไง เราเลยตัดสินใจว่างั้นไม่ต้องวางแผนกับมัน ทำออกมา แต่งออกมา แล้วก็ผลักมันออกไป แค่นั้น เเล้วเราจะรู้ว่าสุดท้ายได้ผลลัพธ์แบบไหน จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกไป สไตล์มันจะไม่ซ้ำกันเลย อย่างตอนแรกที่ผมบอกว่า เราต้องผ่านคำวิจารณ์เหล่านี้ให้ได้ เพื่อผ่านมันไปเจอกับสิ่งที่มันรอเราอยู่ข้างหน้า เพราะถ้าไม่ทำมันออกมา เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า สุดท้ายมันเป็นยังไง”

แล้วเราจะได้ฟังอัลบั้มเต็มกันเมื่อไหร่?
พี่กบ : “สำหรับอัลบั้ม THE LION เราจะวางแผงวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ แล้วเราก็จะสตาร์ททำอัลบั้มใหม่เลยในต้นปีหน้า เพราะเราจะได้รู้เเล้วว่า THE LION ได้ตอบโจทย์เราในมุมไหนบ้าง เเล้วเราจะเดินทางต่อไปในเเนวไหนในอัลบั้มใหม่ ตอนนี้ก็ตื่นเต้นมากนะ ที่อัลบั้มนี้จะวางแผง เเล้วก็จะได้ทำอะไรใหม่ๆ เพราะมันไม่มีใครรู้ดีหรอก ว่ามันจะเป็นยังไง จนกว่าเราจะได้ทำมันออกมา”

เวลาเกือบ 20 ปี Big Ass ไม่คิดที่จะหยุดเดินทางบนเส้นทางสายดนตรี พวกเขายังคงค้นหาและทดลอง เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์อย่างที่เคยเป็นมา และนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของ Big Ass ที่จะยังมีเรื่องราวบทต่อๆ ไปให้เราได้ติดตามกัน

และอย่าพลาด Music VDO พิเศษจากพวกเขาที่หาดูไม่ได้จากที่ไหน นอกจาก JOOX ที่เดียวเท่านั้น

Big Ass “แดนเนรมิต” [JOOX Moments Version]
Big Ass “ไม่เดียงสา” [JOOX Moments Version]

 

 

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook