"วิน เมธวิน" ก้าวแรกเปลี่ยนชีวิต "...ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง"

"วิน เมธวิน" ก้าวแรกเปลี่ยนชีวิต "...ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง"

"วิน เมธวิน" ก้าวแรกเปลี่ยนชีวิต "...ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราจะได้ทำความรู้จักหนุ่มหล่อลุคสดใส วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร พระเอกหนุ่มนักแสดงนำ เพราะเราคู่กัน 2gether The Series หรือ คั่นกู ที่แสนโด่งดังสุดๆ นาทีนี้ กับการรับบท ไทน์ คนชิคๆ (ที่คิดไปเอง) หนุ่มตี๋หล่อที่แจกความสดใสจนหลายคนต้องตกหลุมรักรอยยิ้มหวานๆ ของเขา ตีคู่ความแรงมากับหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ พระเอกคู่จิ้นที่เราได้พาไปรู้จักก่อนหน้านี้ "ไบร์ท วชิรวิชญ์" มุมมองความคิดแบบชิคๆ ที่แฝงไว้ในตัว "สารวัตร"

แม้ทุกคนในช่วงนี้จะยังอยู่ในช่วงเวลา Social Distancing เว้นระยะห่างทางสังคม แต่ Sanook ก็ไม่อยากจะปล่อยหนุ่มคนนี้ไปจริงๆ จึงต้องรีบต่อสายโทรศัพท์เพื่อพาหนุ่ม วิน มาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น ว่าเขานั้นเป็นใครมาจากไหน ทำไมการแสดงเรื่องแรกถึงเล่นออกมาได้ดีจนตกแฟนๆ ให้กลายเป็นทีมคุณแม่น้องไทน์ ได้เยอะขนาดนี้ เรียกว่าหลังจากที่เราได้พูดคุยกับหนุ่มวินแล้วนั้นช่างเต็มไปด้วยความสดใสที่แทบจะทะลุอากาศออกมาให้เราได้สัมผัสตัวตนของหนุ่มวิน เชื่อว่าหลังจากบทสัมภาษณ์พิเศษนี้เราจะได้ขยับเข้าไปรู้จักหนุ่มวินมากขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอน!

การมารับบทเป็น ไทน์ ในคั่นกู ได้ยินว่าเราทุ่มเทกับบทนี้มากเลย
"ด้วยความที่เราใหม่ แล้วก็มันเป็นเรื่องแรกของวิน วินก็อยากให้มันแบบทำออกมาให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เลยพยายามเต็มที่ เต็มที่กับทุกอย่างที่ต้องทำ"

เห็นว่าเราลดน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัมเลย
"ใช่ครับพี่ คือตอนแรกผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้วครับ แล้วก็คือผมจะเล่นเวทเน้นกล้ามอะไรปกติ พอได้ไปถ่ายตัวโปสเตอร์ เพราะเราคู่กัน เนี่ยล่ะครับ รู้สึกว่า เฮ้ย ตัวเรามันใหญ่ไปว่ะ (หัวเราะ) มันใหญ่กว่าพี่ไบร์ทอีกว่ะ แล้วก็ทุกคนก็บอกว่า เฮ้ย มันใหญ่ไป ไทน์มันต้องตัวเล็กกว่านี้หรือเปล่าอะไรอย่างนี้ ผมก็เลยเริ่มมาคิด สงสัยเราต้องหยุดเวทว่ะ แล้วก็หยุดเล่นกล้ามครับ แล้วก็พยายามทำให้ตัวเล็กลงมา แบบเอาสักทีวะ ลองดู ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบกินด้วย มันก็จะยากสำหรับผม แต่สุดท้ายก็แบบทำได้ ก็โอเค รู้สึกดีใจครับ"

อะไรที่มันโหดสุดในการที่เราลดน้ำหนัก เราใช้เวลานานมั้ยกับการลดน้ำหนัก
"การกินนี่แหละพี่ (หัวเราะ) คือผมเป็นคนเป็นคนชอบกินมากครับ แบบ 2 ชั่วโมงผมจะหิว ผมต้องกินเป็นประจำอยู่แล้ว แต่แบบพอมาลดน้ำหนัก จริงจัง มันต้องคุมเลย เราจะมากินมั่วซั่ว กินเละเทะไม่ได้ ต้องกินแต่อาหารคลีนอะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็พร้อมกับออกกำลังกายไปด้วยครับ"

ถือว่ามันคุ้มมั้ยสำหรับที่เราลงทุนลงแรงไปขนาดนั้น กับกระแสตอบรับที่ได้ในตอนนี้
"มันก็เกินที่คาดหมายไว้เยอะมากอยู่แล้วครับ แต่ตอนนั้นที่เราทำ เราไม่ได้มองว่ามันจะคุ้มมั้ย หรือจะคุ้มค่าพอมั้ยที่เราต้องเหนื่อยอะไรอย่างนี้ แค่ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแรกอ่ะพี่ แล้วทุกคนยังไม่รู้จักผม ทุกคนยังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ผมเลยอยากเต็มที่ อยากทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่ครับ ตอนนี้ก็เกินคาดไปเยอะมากครับ"

ฟีดแบคจากคนใกล้ตัวหรือคนที่บ้านเป็นยังไง
"ที่บ้านก็ดีใจและยินดีด้วยครับที่เราทำได้ เพราะเราไม่เคยเล่นเรื่องไหนมาก่อนเลยแล้วก็ได้รับคำชมมากมาย พวกเขาก็ให้กำลังใจผม ก็ดีใจกับผมด้วยครับ แต่ว่าคนอื่น เอาจริงๆ ผมยังไม่ค่อยได้เจอใคร เพราะอยู่บ้านด้วย แต่เพื่อนก็ส่งไลน์มาแบบ "เฮ้ย ดีใจด้วยนะ แบบว่าภูมิใจในตัวมึงมาก" ผมก็ได้แต่ขอบคุณครับๆ (หัวเราะ)"

เคยถามไบร์ทไปแล้ว สารวัตร เปลี่ยนอะไร ไบร์ท แล้ว ไทน์ เปลี่ยนอะไรในตัว วิน บ้าง
"อ๋อ น่าจะคล้าย ๆ กันนะครับผม แต่คือผมน่าจะยิ่งกว่าอีก เพราะว่าไอ้ไทน์เนี่ยมันเป็นคนที่ทำให้ผมมาได้ขนาดนี้ เป็นคนที่ทำให้ผมมีคนรู้จักเยอะขึ้นขนาดนี้ ถ้าผมไม่ใช่ไทน์ผมก็ยังเป็นวินคนเดิม ที่ยังไม่มีใครรู้จักและไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องมุมมองในเรื่องที่ไทน์ชอบสารวัตร ผมรู้สึกผมได้นะ ถึงมุมนั้นของไทน์จริงๆ ในเรื่องจะบอกอยู่แล้วว่าไทน์เคยชอบผู้หญิงมาตลอด จนได้มาเจอสารวัตร ตอนเล่นเป็นไทน์ผมก็รู้สึกอิน รู้สึกชอบไอ้สารวัตรจริง ๆ มันก็ทำให้ผมเห็นว่าเรื่องพวกนี้มันสามารถเปลี่ยนคนได้จริง ๆ เปลี่ยนจากการที่เราชอบผู้หญิงมาตลอด เราสามารถชอบผู้ชายได้"

ในมุมมองของเรา เราคิดว่าอะไรในตัวสารวัตรที่ทำให้เราชอบเขา
"สารวัตรในเรื่องมันให้ความพิเศษกับไทน์ สิ่งที่มันทำกับไทน์ มันไม่ได้ทำกับคนอื่นไทน์จะเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมุมมองความอบอุ่นของสารวัตร ได้เห็นมุมมองที่สารวัตรเทคแคร์ ทั้งๆ ที่เวลาสารวัตรอยู่กับคนอื่น สารวัตรจะมีโลกส่วนตัวสูงมาก ที่แบบไม่ให้ใครเข้ามาในชีวิตสารวัตรได้เลย แต่ว่าสารวัตรยอมให้ไทน์เข้าไป แล้วก็แบบสารวัตรทำทุกอย่างเพื่อไทน์จริงๆ ครับ ก็เลยทำให้ไทน์มันรู้สึก"

ก่อนหน้านี้บอกไทน์เปลี่ยนวินเป็นคนใหม่ แล้ววินคนเดิมเป็นคนยังไง
"ก็เป็นคนธรรมดานี่แหละพี่ (หัวเราะ) ไปเรียน เตะบอล ใช้ชีวิตปกติเลยครับ ไม่ได้มีอะไร (แล้ววินตอนนี้ล่ะ) วินตอนนี้ก็คือมีงานมีการทำครับพี่ (หัวเราะ) จากตอนแรกที่ยังไม่รู้เลยว่าจะเดินไปทางไหนดี เพราะเรียนเศรษฐศาสตร์มาก็แบบไม่ได้ชอบอ่ะครับ เอาจริงๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าจบไปผมจะทำอะไรดี ตอนแรกก็ไปฝึกงานที่แบงค์ แล้วก็รู้สึกว่า ถ้างานประจำสงสัยเราทำไม่ไหวแน่ ไม่ใช่แนวทางเราเลย แล้วคือตัวผมเองผมเป็นคนที่ชอบสถาปัตย์มาก ชอบออกแบบอะไรพวกนี้มาก จนผมกะว่า จบเศรษฐศาสตร์แล้วเราไปซิ่วเรียนสถาปัตย์อีกรอบดีกว่า (หัวเราะ) เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ผมเรียนเศรษฐศาสตร์เพราะคุณพ่ออยากให้เรียนตั้งแต่ทีแรกครับ ตอนแรกแพลนไว้ว่า จบอันนี้เราน่าจะไปเรียนสถาปัตย์อีกรอบหนึ่ง ไม่ก็เทคคอร์สที่เป็นคอร์สเกี่ยวกับออกแบบ เพราะแบบผมรู้สึกผมอยากทำมากครับ"


ตอนที่สัมภาษณ์ไบร์ทก็เคยพูดถึงเรื่องเปลี่ยนจากเรียนวิศวะมาเรียนสาขาอื่นเพื่อจะได้ทำงานไปด้วยได้ เคยมีปรึกษาพี่ไบร์ทเรื่องแนวนี้มั้ยถึงคณะที่ไม่อยากเรียน
"คือผมโชคดีตรงที่ผมจะจบแล้วพี่ ผมเหลืออีกแค่สองตัวครับ เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้วมันก็เลยแบบเราจะมาเปลี่ยนตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว มันน่าจะเอาให้จบไปก่อน แล้วค่อยอยากจะไปทางไหนแล้วค่อยไปอีกที"

มาพูดถึงจุดเริ่มต้นที่เข้าวงการ วินเข้ามาในวงการนี้ได้ยังไง
"ตอนแรกผมไปเรียนเต้นครับ แล้วก็เจ้าของโรงเรียนเต้นนั้นเขารู้จักกับผู้จัดการคนหนึ่งเขาเห็นผม เขาก็เลยพาผมไปแคสช่องวันครับ แล้วผมก็อยู่ช่องวัน 1 ปี เซ็นสัญญาแค่ปีเดียวแล้วก็หมดสัญญาพอดี ระหว่างหมดสัญญาผมก็เลยมาคุยกับทางช่องจีเอ็มเอ็มนี่แหละครับ แล้วบังเอิญมีโปรเจกต์นี้พอดี เขาก็เลยอยากให้ผมลองดูก็เลยตกลงไปตอนนั้น"

ตอนแรกที่มาได้เจอกับไบร์ทเลยหรือเปล่า
"ไม่เจอครับ คือตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเขาได้นักแสดงเรื่องนี้หรือยัง แล้วก็ลองให้ผมกับพี่ไบร์ทเล่นให้ดูรอบหนึ่ง เหมือนแคสอ่ะครับ แล้วเขาเห็นว่ามันเป็นไปได้เคมีได้"

ตอนนั้นเราก็ยังไม่มีผลงานอะไรใช่มั้ย
"ใช่ ตอนที่เซ็นสัญญาเขาก็ส่งเรียนแอ็คติ้งยาวๆ ครับ คือความจริงตอนครบ 1 ปีเขาจะให้เซ็นต่อแล้วก็มีผลงานให้ลงเลย แต่ว่าจังหวะนั้นเราก็มาคุยกับทางช่องนี้พอดีด้วยครับ ด้วยความที่ตอนนี้ผมยังเป็นวัยรุ่น ผมก็รู้สึกว่าจีเอ็มเอ็มผมน่าจะเล่นได้ง่ายกว่า น่าจะอินถึงบทได้มากกว่าครับ"

เราถูกแซวเรื่องฐานะเยอะ จนคนคิดว่าชีวิตปกติเราอาจไม่จำเป็นต้องเข้ามาในวงการก็ได้ แต่ทำไมเราถึงเลือกมาอยู่ที่นี่
"ผมบอกเลยว่าผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นที่จะต้องทำงานหาเงินอยู่แล้วครับ (หัวเราะ) คือบ้านผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นครับ แค่ตัวผมเองมันก็ต้องทำงานอยู่แล้วครับ ไม่ได้แบบว่าขนาดที่แบบไม่ต้องทำงานก็มีกินไปตลอด ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งครับ ที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วย (หัวเราะ)"

ก่อนเข้าวงการมีคนเตือนให้ระวังอะไรเกี่ยวกับวงการนี้บ้างมั้ย
"ก็มีนะครับ ก่อนที่จะได้เข้ามาจริงๆ ผู้จัดการผมก็จะคอยบอกตลอดว่า ถ้าสมมติเรามีชื่อเสียงขึ้นมา มีคนรู้จักมากขึ้น เราก็ทำอะไรเราจะต้องมีสติและจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเราเหมือนเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นแล้ว เราจะทำอะไรตามที่เราเคยทำไม่ได้แล้ว ชีวิตส่วนตัวเราก็จะแคบลง"

การแสดงเรื่องแรก เราก็มาเล่นซีรีส์วายเลย ตัดสินใจนานหรือเปล่าที่จะมาเล่นบทนี้
"ไม่นานครับ เพราะว่าซีรีส์วายผมไม่ได้มองว่ามันแตกต่างจากซีรีส์ปกติอยู่แล้วครับ มองว่ามันเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่ง สิ่งที่ผมสนใจคือบทมากกว่า ว่าบทมันสนุกมั้ย เราจะเล่นแล้วเราจะอินได้มั้ย เราเล่นแล้วเราจะทำได้ดีมากแค่ไหน เพราะว่ามันเป็นเรื่องแรกของเราด้วย พอได้รู้ว่าได้เล่นเป็นไทน์ ผมก็อ่านหนังสือ ว่าไทน์มันเป็นยังไง เป็นคนยังไง ก็รู้สึกว่ามันตรงกับเรานะ มันดูมีความเป็นไปได้ เราน่าจะทำออกมาได้ดี ก็ทำการบ้านกับบทนี้เยอะอยู่ครับ"

หลังจากนี้กลัวคนจะติดภาพมั้ย เราเกิดจากซีรีส์วาย ไปเล่นชายหญิงแล้วคนจะไม่อิน
"ไม่น่าจะติดภาพนะครับ เพราะว่าน่าจะเหมือนที่พี่ไบร์ทตอบคือพวกผมชัดเจนอยู่แล้ว ในซีรีส์ผมก็เป็นไทน์ พี่ไบร์ทเป็นสารวัตร พอตัวจริงผมก็เป็นวิน พี่ไบร์ทก็เป็นพี่ไบร์ท เราไม่ได้ดึงคาแรกเตอร์ไทน์ออกมาเป็นวินหรือว่าพี่ไบร์ทดึงคาแรคเตอร์สารวัตรมาเป็นพี่ไบร์ท คือเราเป็นตัวของเราเองอยู่แล้วเวลาอยู่นอกจอ เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเล่นเรื่องอื่นเราต้องไปเป็นตัวนั้นครับ เราไม่ได้เอาวินเข้าไป หรือว่าเอาตัวนั้นออกมา ผมว่าก็เลยไม่น่าจะติดภาพอะไร"

ถือว่าการทำงานกับพี่ไบร์ท พาร์ทเนอร์คนแรกของเราในวงการเป็นยังไงบ้าง
"ดีครับ เพราะพี่ไบร์ทเขาเป็นคนที่คิดเยอะ ทำอะไรเขาจะคิดหมดอยู่แล้วครับ ซึ่งเขาสามารถสอนตรงนั้นในเรื่องการทำงานของผมได้เยอะมากๆ สมมติหากเราใหม่ทั้งคู่บางทีเราก็อาจจะไม่รู้อะไร อาจค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่อันนี้คือพี่ไบร์ทเขามีประสบการณ์แล้วมันก็ยิ่งดีกับผมตรงที่ว่าเขาสอนผมได้ มีอะไรเขาบอกผมได้ เขาเตือนผมได้เพราะว่าเขาผ่านมาแล้ว ที่สอนส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานในกอง บางทีผมสงสัยว่าตรงนี้ควรจะรู้สึกยังไง นอกจากผู้กำกับที่บอกผมได้แล้ว ก็มีพี่ไบร์ทที่คอยบอกผมคอยช่วยผมอยู่ตลอด"

ไบร์ทเคยบอกว่าตัวเองเหมือนมีกำแพงเยอะแต่ก็มีประตู แต่วินก็ดูสนิทกับไบร์ท คิดว่าพี่ไบร์ทดูมีกำแพงอย่างที่หลายคนคิดมั้ย
"คือคนนอกที่ไม่รู้จักเขา ที่เขารู้สึกว่ายังไม่เคยรู้จักหรือยังไม่เคยคุยกับเขาก็จะคิดว่าเขามีกำแพงอยู่หนามาก แต่คนที่พอรู้จักแล้วพอคุยไปเรื่อยๆ จริงๆ เขาก็ไม่ได้มีกำแพงอะไรกับเราเลยครับ เขาก็เป็นคนธรรมดาแล้วเขาก็พูดไม่หยุดเลยจนทุกวันนี้ผมต้องนั่งฟังเขาพูดอย่างเดียว ไม่มีช่องให้ผมพูดบ้างเลย (หัวเราะ) เขาเป็นคนปกติเลย แต่ในมุมมองคนอื่นที่เขาอาจจะไม่สนิท ไม่เคยคุย เขาก็อาจจะดูเหมือนมีกำแพงที่จะแสดงออกอีกแบบหนึ่ง แต่พอรู้จักแล้วพอคุยได้แล้ว เขาก็จะคุยไม่หยุดเลยครับ" 

แล้วตัววินมีกำแพงเยอะมั้ย หรือว่าวินมีประตู หรือไม่มีอะไรเลย เข้าถึงง่ายมาก
"ความจริงผมอาจจะดูเหมือนเข้าถึงง่าย ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมจะไม่ให้เห็นกำแพงตัวนั้นของผมมากกว่าครับ ตัวผมเองเป็นคนเชื่อคนยากมากเลยนะครับ แต่ว่าเรื่องการแสดงออกผมอาจจะดูเหมือนผมไม่ได้รู้สึกอะไรหรือว่าคิดยังไง เพราะว่าผมเป็นคนแบบเก็บความรู้สึกมากกว่า"

ถ้าเราไปเจอเรื่องที่ไม่โอเคหรือเหตุการณ์ที่รู้สึกแย่ๆ มีวิธีฮีลตัวเองยังไง
"ส่วนใหญ่ผมจะเอามาปรึกษาที่บ้าน ปรึกษาเพื่อน คนที่สนิทกับผมมากๆ พอรู้สึกหงุดหงิดผมจะไม่ได้แสดงออกเลย ผมจะเอามาคิดทบทวนอีกทีก่อน ว่ามันยังไง มันทำไมถึงเป็นอย่างนั้นก่อน แล้วก็มาปรึกษาหลายๆ คนที่สนิท ให้เห็นมุมมองหลายๆ มุมมอง ก่อนที่ผมจะไปพูดกับเขาว่าผมไม่โอเคนะ"

ไลฟ์สไตล์เราเป็นคนชอบท่องเที่ยวหรือชอบอยู่บ้าน
"ผมไม่ชอบอยู่บ้านเลยครับ ผมต้องออกไปไหนสักที่ ออกไปซื้อกาแฟ ถ้าอยู่บ้านทั้งวันผมจะรู้สึกไม่ค่อยชอบ รู้สึกไม่อยากอยู่อ่ะพี่ ต้องขอให้ได้ออก"

ถ้าชอบไปเที่ยว แล้วสถานที่ไหนที่เรารู้สึกชอบมากๆ
"น่าจะเป็นญี่ปุ่นกับเกาหลีที่ผมรู้สึกชอบ เพราะว่าอาหารครับ (หัวเราะ) น่าจะญี่ปุ่นมากกว่าผมให้ญี่ปุ่นมากกว่าละกัน เพราะว่าผมรู้สึกกินอะไรก็ได้ ของเขาอร่อยหมดเลย ปลาไหล อาหารญี่ปุ่นอะไรก็อร่อย ผมเป็นคนชอบประเทศอากาศหนาวๆอยู่แล้วด้วย อากาศหนาวๆ กินอาหารอร่อยๆ นี่แบบสุดยอดมากคือเป็นอะไรที่ผมชอบมากครับ"

เคยได้ยินว่าวินเคยไปเรียนแลกเปลี่ยนมา ประสบการณ์ที่จำได้ขึ้นใจบ้าง
"ตอนอยู่ที่โน่นส่วนใหญ่จะออกมาแฮงค์เอาท์กับเพื่อนเยอะมากกว่าตอนอยู่ที่ประเทศไทยก่อนที่จะไปอเมริกาครับ คือเมื่อก่อนนาน ๆ ทีจะได้ออกมากับเพื่อน เรียนเสร็จก็คือต้องกลับบ้านตลอดเลย แต่ไปอเมริกาเนี่ยไม่มีคุณพ่อคุณแม่ (หัวเราะ) ก็จะเป็นโฮสต์ที่ดูและเราใช่มั้ยครับก็จะชิลๆ แบบออกไปเล่นกับเพื่อนคือเลิกเรียนเสร็จก็ไปแฮงเอาท์กับเพื่อน เล่นกีฬาอะไรแบบนี้ครับ รู้สึกมีอิสระเยอะขึ้น ช่วงนั้นน่าจะช่วงตอนม. 5 ครับ ที่ไอโอวาด้วยความที่ไปเมืองมันไม่ค่อยมีอะไรด้วยครับ จะเหมือนเป็นหมู่บ้านหนึ่ง มีโรงเรียน โรงพยาบาลแล้วก็เป็นบ้านคน ซึ่งวันๆ ผมก็ใช้ชีวิตอยู่แค่นั้น ไปโรงเรียนเสร็จก็ไปแฮงเอาท์ แต่แฮงเอาท์ของเขาคือไปตั้งแคมป์ในป่า ซึ่งต่างจากตอนอยู่ไทยคือเราไปห้าง ไปดูหนังกินข้าวในห้าง ได้มีประสบการณ์ใช้ชีวิตกับธรรมชาติมากขึ้น"

ถ้าอย่างนั้นระหว่างเข้าป่ากับทะเลชอบอะไรมากกว่า
"ไปทะเลดีกว่า มันรู้สึกว่ามันมีอะไรเคลื่อนไหว มีน้ำที่เคลื่อนไหวมันดูชิลกว่าสวยกว่าสำหรับผม"

วินถือเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมั้ย
"ไม่รู้ว่าเยอะมั้ยก็ปกตินะครับ แต่ผมจะเป็นคนที่ไม่ได้ติดเพื่อนขนาดนั้น จะติดครอบครัวมากกว่า เพื่อนก็คือไม่จำเป็นต้องเจอทุกวันก็มีเจอบ้าง แต่ว่าครอบครัวเหมือนต้องเจอ ทุกวันอาทิตย์ของผมจะเป็นวันครอบครัวที่ผมจะต้องอยู่กับครอบครัว ถ้าวันอาทิตย์ไม่ได้อยู่กับครอบครัวผมจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ตอนนี้ก็อยู่จนเบื่อแล้วครับ(หัวเราะ)"

ระหว่างอยู่กับคนที่ไม่สนิท กับอยู่กับคนที่สนิท เราแสดงออกเหมือนหรือต่างกัน
"ก็น่าจะต่างนะครับถ้าไม่สนิทผมก็แบบเกร็ง ๆ มากกว่าไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นอะไรมากไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่พอสนิทก็จะเป็นเราเลย แต่คือผมจะไม่ใช่คนพูดเยอะมากส่วนใหญ่ผมจะฟังมากกว่า ผมชอบฟัง เป็นคนฟังเยอะกว่าพูดครับ"

ที่แฟนๆ บอกว่าวินเหมือนกระต่าย คิดว่าเราเหมือนกระต่ายมั้ย
"ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าเหมือนอะไรนะ แต่พอแฟนๆ บอกว่าเหมือนกระต่าย พอเรามาดูอีกทีก็รู้สึกว่า เออเหมือนดีนะ(หัวเราะ) ขนาดคุณแม่ผมก็ยังบอกไม่ได้คิดว่าผมหน้าเหมือนอะไร แต่พอแฟนๆ เอารูปกระต่ายมาเทียบข้างๆ โดยเฉพาะตัวสโนว์บอล แม่บอกทำไมเหมือนขนาดนี้ลูก (หัวะเราะ)"

อันนี้ไม่ถามไม่ได้ ที่มาของ #อยู่คฤหาสน์เพื่อสังคม ที่คุณเต ตะวันขยี้ประเด็นนี้ขึ้นมา และคนอื่นๆ ก็ดูจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้มาก ทุกคนเข้าใจถูกหรือเปล่ากับเรื่องฐานะของคุณ
"ไม่จริงพี่! ใครเขาจะใช้เวลาออกจากบ้านหนึ่งเดือน พี่จะบ้าเหรอ (หัวเราะลั่น) บ้านผมไม่ใช่พื้นที่ทั้งจังหวัดนะ (หัวเราะ) อย่างที่ผมบอกว่าผมอยากเรียนสถาปัตย์ ผมก็จะชอบของแต่งบ้านสวยๆ ผมไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น ผมแค่ชอบในด้านนี้ก็เลยเอาเงินมาลงกับสิ่งนี้เยอะ คนอื่นก็อาจจะเอาไปทำอย่างอื่นที่เขาชอบ ผมเอาเงินไปลงกับบ้านเยอะ มันเป็นความชอบส่วนตัว อย่างที่บ้านผมรีโนเวท ผมก็ออกแบบเอง ตกแต่งเองเพราะความชอบ มันก็ไม่ได้ถึงขนาดคฤหาสน์อะไรนะ (หัวเราะ) เพราะเราชอบบ้านสวยๆ เรามีความฝัน ถ้าเกิดเราขอคุณพ่อคุณแม่ได้ เราก็จะขอทำห้องตัวเองแบบที่เราชอบครับ"

เหมือนเราจะเป็นคนที่ชอบโดนพี่ๆ ในค่ายแกล้งบ่อย (แหย่) เราไม่ทันเขา หรือเราใจดี หรือเพราะเราเป็นเด็กใหม่
"เพราะว่าเราเป็นเด็กใหม่ครับพี่ ผมพูดเลย ผมมาใหม่ ก็ต้องมาใสๆ เรียบร้อยน่ารักก่อน อย่าให้ถึงตาผมบ้างนะ (หัวเราะ) (ถ้าเอาคืนคนหนึ่งในค่ายได้จะเอาคืนใคร) คนเดียวเองเหรอครับ (หัวเราะ) ก็ทุกคนนะครับที่แกล้งผม (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ พวกพี่เขาก็เอ็นดูผมแหละ คงไม่ได้เอาคืนใคร แต่ว่าถ้ามีจังหวะ ก็อาจจะเอ็นดูกลับครับ (หัวเราะ)"

นอกจากพี่ไบร์ทแล้ว เรายังสนิทกับใครในค่ายอีก
"ก็ในกองถ่ายคั่นกูครับ ผมยังใหม่ด้วย พอทำงานในกองก็จะอยู่กับแก๊งเพื่อนไทน์ ซะเยอะ อย่าง เจเจ ข้าวตัง พี่ปลื้ม ก็จะสนิทเลย เข้าฉากด้วยกันบ่อยแล้วก็เล่นกับเฮฮา ก็ยิ่งทำให้สนิทกัน”

รู้สึกยังไงที่มีแฟนคลับชอบเรามากๆ มาคอมเม้นเต๊าะ "แต่งค่ะ"
"ก็รู้สึกดีครับ ที่ชื่นชอบผมจนขนาดอยากแต่งงานกับผม (หัวเราะ)"

แล้วคนแบบไหนที่วินจะพูดว่า "แต่งครับ"
"คนที่ไว้ใจและเชื่อใจซึ่งกันและกันเต็ม 100% จริงๆ และคนที่เข้ากับเราได้มากที่สุด อยู่ในช่วงเวลาที่เราทั้งเศร้า มีความสุข เสียใจ ผมมีความสุขเขาก็มีความสุขกับผมไปด้วย พอเสียใจเราก็เสียใจไปด้วยกัน ในทางกลับกัน ถ้าเขาเสียใจ ผมก็เสียใจ เขาสุขผมก็สุข คนที่จะอยู่ในทุกช่วงเวลาความรู้สึกของผม คนแบบนั้นมั้งครับ ที่ผมอยากจะอยากแต่งงานด้วย"

ส่งท้ายช่วงนี้ยังไม่ได้เจอแฟนๆ กับตัวเท่าไร ช่วยบอกอะไรให้แฟนๆ อดใจรอมาเจอเรา
"อยากให้แฟนๆ อดใจรอกันหน่อย ผมก็อดใจรอเจอทุกคนเหมือนกัน ตั้งแต่ซีรีส์ออกอากาศ ผมกับพี่ไบร์ทยังไม่มีโอกาสได้เจอแฟนคลับ ที่ดูซีรีส์เรา ชื่นชอบเราจริงๆ เลย ผมกับพี่ไบร์ทก็รอที่จะได้เจอทุกคนเหมือนกัน แต่เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เนอะ มันไม่สามารถจริงๆ อดใจรอกันก่อน ถ้าคิดถึงพวกเราก็ดูรูปผมกับพี่ไบร์ทบนไอจีไปก่อน หรือดูซีรีส์ย้อนหลังไปเรื่อยๆ ถ้าสถานการณ์มันดีขึ้น ก็เดียวเราเจอกันครับ"

 

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ "วิน เมธวิน" ก้าวแรกเปลี่ยนชีวิต "...ผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook