อกธรณี

อกธรณี

อกธรณี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แนวละคร ดราม่า บทประพันธ์ ธม ธาตรี ( เชิด ทรงศรี ) บทโทรทัศน์ วรพันธ์ รวี กำกับการแสดง วัชรา สังข์สุวรรณ ออกอากาศทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ เวลลา 18.45 น. ทางช่อง 7 เรื่องย่อ เสียงกลอนโพนเร้าใจแว่วนำมา แล้วสักครู่จึงมีเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันว่า นมพระมาแล้วนมพระมาแล้ว ผู้คนมากมายที่มุงแน่นอยู่ตลอดแนวถนนราชดำเนินต่างไหวตัวคึกคัก จากนั้นขบวนชักพระอันเป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราชก็ปรากฏแก่สายตา ทุกขบวนมุ่งสู่สนามหน้าเมือง แต่ละขบวนตกแต่งประชันกันอย่างสุดฝีมือ รถสามล้อถีบคันหนึ่งกำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์ และหอพระอิศวรมาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันใดตามคำสั่งของผู้โดยสาร ผู้โดยสารคนนั้นลงจากรถ และเราจะเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อมาก ร่างสูงล่ำสันสง่าผึ่งผายบ่งบอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว การแต่งกายบอกชัดว่าเขามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินไปดูขบวนชักพระร่วมกับคนอื่นที่ริมถนน นมพระขบวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้มีสาวสวยแต่หน้าทะเล้นรำนำหัวขบวนลอยหน้าลอยตาเฉิบๆ เธอรำไปด้วยต่อปากต่อคำแหย่น้าแม้น ชายผู้สูงวัยกว่าซึ่งทำหน้าที่ตีกลองโพนในขบวน แม้นเรียกนังสาวหน้าทะเล้นว่า กำไล และฉับพลันที่กำไลเห็นชายหนุ่มชาวกรุง เธอทิ้งขบวนโลดแล่นมาหาเขาทันใดด้วยความดีใจเหลือแสน กำไลเรียกเขาว่า พี่ลอย ความดีใจทำให้กำไลพูดจนแทบไม่หายใจและแทบไม่เว้นช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูดเลย ลอยถามถึง สารภี กำไลบอกว่าสารภีไปทำบุญที่วัดมหาธาตุกับแม่ เมื่อลอยจะไปวัดกำไลขอตามไปด้วย เธอบอกว่ารับรองว่าเธอจะไม่ไปขัดคอลอยกับสารภี และเมื่อกำไลบอกว่าลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก เขาคือ ลอย บุญลือ เด็กชายผู้เมื่อจำความได้ก็เห็นแต่ว่าเขาอยู่กับ ย่า ที่บ้านท้ายตรอกตึกดิน เขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ย่าบอกว่าเขาเป็นลูกตะเข้ที่ลอยน้ำมาจากคลองหน้าเมือง แล้วย่าไปพบจึงเก็บมาเลี้ยง ย่าทำขนมตาลขาย และลอยคือลูกมือจอมขี้เกียจคนเดียวของย่า รวมไปถึงช่วยย่าขายขนมด้วย เมื่อลอยอายุครบเข้าโรงเรียน ย่าพาไปฝากเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพระเดิม แต่ลอยเรียนได้เพียงชั้นประถมสามก็ออกเพราะไปทำร้ายเพื่อนจนถูกครูตี และเมื่อลอยเห็นว่าย่าไม่พอใจที่ครูตีหลาน ลอยจึงแสร้งทำมารยาสาไถยเพราะความขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้ลอยเลิกเรียน ย่าย้ายลอยไปอยู่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสมาเมือง และที่โรงเรียนนี้คือจุดพลิกผันชีวิตจุดแรกของลอย เด็กนักเรียนหญิงชั้นมูลคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ รอบตัวเธอเด็กชายวัยเดียวกับลอย 3 คนกำลังยั่วให้เธอแย่งพวงมาลัยดอกพิกุลอยู่ หัวโจกของกลุ่มเด็กชายเกเรชื่อ ถวิล วิทยพันธุ์ ส่วนลูกไล่อีก 2 คน คือ สมพงษ์ กับ เอียด ลอยขอร้องให้ถวิลคืนพวงมาลัยแก่เด็กหญิง แต่ถวิลไม่คืน แถมยังพูดจายียวนชวนมีเรื่อง เด็กหญิงกลัวว่าจะมีเรื่องจึงบอกลอยว่าเธอไม่เอาพวงมาลัยแล้ว และชวนลอยไป ลอยถูกขัดขาล้มลงและถูกพวกถวิลหัวเราะเยาะ ลอยไม่ยอมให้ใครทำข้างเดียวอยู่แล้ว จึงต่อยถวิล ลูกน้องของถวิลตะโกนดังลั่นว่าลอยต่อยลูกนายอำเภอ เมื่อเรื่องถึงครู ลอยถูกลงโทษอยู่คนเดียวเพราะพวกของถวิลเป็นพยานให้ถวิลว่าลอยหาเรื่องและต่อยถวิลก่อน ประกอบกับครูรู้ประวัติเกเรของลอยจากโรงเรียนเก่า ลอยจึงถูกลงโทษตี 5 ทีและถูกกักอยู่ในห้องเรียนต่ออีก 1 ชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิก ส่วนพวกถวิลไม่โดนลงโทษเลย ลอยเจ็บใจนักเขาคิดเลยว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ และเขาเป็นเด็กชายลอยลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หลานแม่ค้าผู้ยากจน เมื่อครบเวลากักตัว ลอยออกจากห้องเรียนจะกลับบ้าน และเมื่อถึงศาลหน้าโรงเรียนลอยชะงัก เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเจ้าของพวงมาลัยดอกพิกุลนั่งรอเขาอยู่ เธอบอกว่าเธอรอกลับบ้านพร้อมลอยเพราะลอยถูกลงโทษเพราะเธอ ลอยย้ำว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ เด็กหญิงขอกลับบ้านกับลอย เธอบอกว่าเธอชื่อกำไล และเธอจำชื่อลอยได้ตั้งแต่ตอนลอยชกกับถวิล ความเจ็บใจในความไม่ยุติธรรมของครูทำให้ลอยเกลียดโรงเรียน ลอยจึงหนีโรงเรียนแต่เพื่อไม่ให้ย่ารู้ ลอยจึงทำทีเป็นไปโรงเรียนทุกวัน แต่ไม่เข้าโรงเรียน ไปถอดชุดนักเรียนซุกไว้แล้วลงน้ำหาปลากัด วิดปลาไปตามเรื่อง กำไลไม่เห็นลอยไปโรงเรียน ก็ไปดักดูที่ตรอกบ้านลอย และสะกดรอยตามไป กำไลพยายามชักชวนให้ลอยกลับไปเรียน แต่ลอยไม่ยอมไป กำไลจึงหนีโรงเรียนมาจับปลากัดกับลอยทุกวันด้วย เด็กสองคนสนุกสนานกันมากตลอดเวลาเกือบเดือนที่หนีโรงเรียน แต่ในที่สุดความก็แตก ลอยถูกย่าตี กำไลถูกแม่ตี ลอยบอกว่าเขาจะไม่เลิกหนีโรงเรียน กำไลบอกว่าถ้าลอยยังหนีโรงเรียนเธอจะหนีด้วย เธอกลัวลอยไม่มีเพื่อน ลอยคิดดูแล้วบอกว่าพักนี้จะยังไม่หนีจะให้ย่าหายสงสัยก่อน วันประกาศผลสอบไล่ ซึ่งเป็นวันที่นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดจะได้รับรางวัลด้วย ครูใหญ่ประกาศว่าตั้งแต่โรงเรียนตั้งมา ปีนี้เพิ่งมีนักเรียนคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์การสอบได้เปอร์เซ็นต์อย่างมหัศจรรย์ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมสี่ ชื่อ ลอย บุญลือ ครูใหญ่เชิญลอยออกไปปรากฏตัวต่อที่ประชุม ลอยออกไปอย่างงงๆ ครูใหญ่ให้นักเรียนทุกคนดูลอยไว้ แต่ย้ำว่าไม่ให้เอาเป็นตัวอย่างเพราะลอยคือผู้ที่สอบไล่ได้คะแนนต่ำอย่างน่ามหัศจรรย์คือ ได้ 8 เปอร์เซ็นต์ ลอยอายสุดแสนที่จะอาย แล้วครูใหญ่ประกาศต่อว่านักเรียนที่สอบไล่ได้คะแนนสูงสุดคือ เด็กหญิงสารภี นักเรียนชั้น ป.3 ได้ 97.45 เปอร์เซ็นต์ และให้สารภีออกมารับรางวัลและยืนคู่กับลอย มันเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ดีที่สุดกับสิ่งที่เลวที่สุด ลอยอายจนไม่กล้าสบตากับสารภีและใครๆ เลย และในปีนั้นกำไลก็เป็นอีกคนที่สอบตก แต่ดูเธอไม่เดือดร้อนใจ กำไลบอกลอยอย่างปลื้มว่าสารภีเป็นพี่สาวของเธอ และในวันแห่งความอัปยศของลอยเช่นกันที่เหตุการณ์อันจะทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันเกิดขึ้น ครูจำรัส ครูประจำชั้นของลอยบอกให้ลอยไปที่ห้องพักของท่าน ท่านบอกว่าแม่ของเขาคอยอยู่ที่นั่น แม่ของลอยเป็นหญิงกลางคนที่ดูมีราศีและฐานะดี เธอจะรับลอยไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ แต่ลอยยืนกรานไม่ไป ครูแนะนำให้ไปขอลอยกับย่าของเขา แม่ของลอยไปหาย่าที่บ้าน ย่าโกรธชนิดที่ลอยไม่เคยเห็น และไม่ยอมให้แม่เหยียบบ้าน และไล่แม่ไปอย่างไล่หมูหมา ลอยได้ยินย่าออกชื่อแม่ว่า โฉม คืนนั้นย่านิ่งมาก นิ่งคิดอะไรอยู่เป็นนาน แล้วย่าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของพ่อแม่ลอยให้ลอยฟัง ลอยจึงไดรู้ว่าที่แท้แล้วเขาเป็นลูกชายนายอำเภอ ลูกพ่อเดียวกับถวิล คู่ปรับตัวร้ายของเขาแต่คนละแม่ แม่ของลอยจึงเอาลอยไปทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงานพ่อ พ่อลอยกลัวภรรยาใหม่รู้เรื่องจึงเอาลอยมาให้ย่าเลี้ยง แล้วแม่ของลอยแต่งงานใหม่กับคนกรุงเทพฯ ไปอยู่กรุงเทพฯ จนสร้างฐานะดีพอที่จะมารับลอยกลับไปเลี้ยงเอง ลอยดูไม่สนใจที่พ่อเป็นถึงนายอำเภอและแม่เป็นคนมีเงิน ก่อนลอยจะเข้านอน เขาบอกย่าว่าเขาเป็นลูกจระเข้ลอยน้ำมาในคลองหน้าเมือง ลอยไม่เห็นว่าย่าของเขาน้ำตาซึมเพราะคำพูดนั้น ลอยยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดิม การที่เขาสอบตกทำให้เขาเรียนชั้นเดียวกับสารภี สารภีช่วยทบทวนวิชาให้ลอย ช่วยให้เขาลอกการบ้าน จนลอยสอบผ่านไปได้ทุกปี ความสนิทสนมของลอยกับสารภีจึงเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นความรักเมื่อทั้งคู่โตเป็นหนุ่มเป็นสาว คืนดอกนุ่นบาน ค้างคาวมีมากเพราะมากินดอกนุ่น ลอยไปดักยิงค้างคาวเอามาแกงกินทุกปี โดยมีกำไลเป็นลูกน้องตามไปด้วยทุกครั้ง แต่เมื่อสารภีห้ามลอย ลอยก็เชื่อฟัง เลิกยิงค้างคาวไปเลย ทำเอากำไลไม่มีเรื่องสนุกเล่นในคืนดอกนุ่นบาน คืนหนึ่งที่ดอกนุ่นบาน และลอยยังสนุกกับการยิงค้างคาวกับกำไล เมื่อจะกลับบ้าน ฝนตกลงมาอย่างหนัก ลอยพากำไลไปหลบฝนในโบสถ์ร้างซึ่งมีพระประธานเก่าและดูทรุดโทรมพอๆ กับสภาพของโบสถ์ แต่ดูศักดิ์สิทธิ์ ลอยบอกกำไลว่าเขาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน เขามั่นใจว่าเขาเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว กำไลขอเป็นด้วย ลอยอนุญาต เขาสอนให้กำไลอธิษฐานฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และเหมือนพระท่านจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกำไลกล่าวคำอธิษฐานจบ เสียงฟ้าลั่นครืน ลอยบอกว่านั่นแสดงว่าพระท่านรับกำไลเป็นศิษย์ของท่านแล้ว ถึงหน้าน้ำ น้ำเอ่อท้นจากคลองหน้าเมืองท่วมทุ่งนาเจิ่งเป็นทุ่งน้ำ หนุ่มสาวจะชวนกันพายเรือชมจันทร์และพลอดรักกัน ลอยไปรับสารภีพายเรือไปถึงคลองท่าลาด ตัดบอน จับตั๊กแตนและชมจันทร์ด้วยกัน และลอยแกล้งล่มเรือ เล่นน้ำกับสารภีและบอกรักเธอ ลอยมั่นใจว่าสารภีก็รักเขา เขาอยากได้ยินเธอบอกรักเขาด้วย แต่สารภีบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เธอจะบอก ลอยจูบมือสารภี นั่นเป็นจูบแรกในชีวิตของเขาต่อหญิงคนแรกในชีวิตของเขาเช่นกัน เมื่อลอยกลับถึงบ้านด้วยความฉ่ำชื่นล้นหัวอก น้าแม้นบอกเขาว่าย่าเป็นลมตายแล้ว ลอยร้องไห้มากที่สุด ปวดร้าวปานว่าหัวใจจะขาด และมาจนถึงทุกวันนี้ หากใครถามเขาว่าเขาเคยเศร้าเสียใจครั้งไหนมากที่สุด ลอยจะตอบได้ทันทีว่าครั้งที่เขาสูญเสียย่า วันเผาศพย่า ลอยรู้จักคนทุกคนที่มาเผา เว้นอยู่เพียงคนเดียวซึ่งแต่งชุดสากลภูมิฐานมาก และผู้คนแสดงความนอบน้อมต่อชายผู้นี้มาก ลอยได้ยินใครคนหนึ่งเรียกเขาว่า นายอำเภอ และเมื่อรู้แล้วว่าชายผู้นั้นเป็นใคร ลอยก็มิได้สนใจเขามากไปกว่าศพของย่า นายอำเภอคือคนแรกที่วางดอกไม้จันทร์เผาศพย่า และลอยวางเป็นคนสุดท้าย นายอำเภอคือพ่อของลอย ลอยได้ข่าวว่าพ่อจะขายที่ดินที่เป็นที่ตั้งบ้านย่า เขาไปหาพ่อที่บ้าน แต่ไม่ยอมเข้าบ้านและไม่ยอมเรียกว่าพ่อ พ่อพูดเหมือนระแวงว่าลอยจะมาอยู่ด้วย ลอยบอกว่าเขาไม่มารบกวนใดๆ แต่จะขอไม่ให้ขายบ้านย่า พ่อลูกต่างพูดไม่เข้าหูกันอยู่พักใหญ่ นายอำเภอยอมไม่ขายบ้านย่า ลอยมีที่อยู่ แต่มีปัญหาว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนหนังสือ ความรู้ในการทำขนมขายเมื่อครั้งช่วยย่าอย่างสุดแสนขี้เกียจจึงถูกพลิกฟื้นมาเป็นทางหากิน สารภีและกำไลมาช่วยลอยทำขนมด้วย ลอยส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมัธยม 6 เขาบอกสารภีว่าเขาจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เพื่อให้มีความรู้สูงๆ กลับมาสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นหน้าเป็นตาแก่สารภี ลอยไปเรียนโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ ลอยและสารภีเขียนจดหมายรักหวานจ๋อยถึงกันเสมอจนกระทั่งลอยเรียนจบ ณ วันนี้ ลอยบุญลือ กลับมายังบ้านเกิด ที่มีสาวที่เขารักสุดหัวใจรออยู่ ลอยไปพบสารภีที่วัดพระมหาธาตุ และไปคุยกับเธอต่อที่บ้าน สารภีงอนที่ลอยกลับมาแต่ไปกับกำไลก่อนเธอ ลอยอธิบายให้ฟัง เขาย้ำว่าตั้งแต่ย่าตาย คนที่เขารักที่สุดคือสารภี ส่วนกำไลนั้นรักเหมือนน้องสาว ลอยคุยกับสารภีด้วยความคิดถึงจนดึกจึงกลับ ลอยจูบลาสารภี กำไลแอบดูอยู่เห็นตลอด กำไลมาดักลอยแหย่ลอยตามประสาแก่นแก้วและให้ลอยอ้อนวอนตนดีๆ ไม่ให้บอกใครว่าลอยจูบสารภี ลอยจำยอมกำไลพาลอยไปที่โบสถ์ร้าง พูดถึงความหลังครั้งที่ลอยให้กำไลสมัครเป็นลูกศิษย์ของพระประธานในโบสถ์ กำไลบอกว่าเธอขอให้พระช่วยให้ลอยมีความสุขและเรียนจบแล้วกำไลจะถวายดอกบัว 100 ดอกแก้บน กำไลจึงพาลอยมาแก้บนด้วย ลอยประทับใจในน้ำใจของกำไล เขากราบพระร่วมกันกับกำไล ลอยให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอสารภี ผู้ใหญ่คล้อย พ่อของสารภีไม่สู้เต็มใจนักเพราะลอยจนแต่เพราะลอยเป็นนักเรียนกรุงเทพ ก็ดูพอจะมีหน้ามีตาบ้าง และประกอบกับสารภีรักลอย นายคล้อยจึงจำยอม ลอยหมั้นสารภีไว้ก่อนและกำหนดอีก 2 เดือนจะแต่งงานกัน ลอยพาสารภีไปเที่ยวท่าลาดและเจอฝนตกหนักหลบรอฝนหายและได้เสียกันท่ามกลางสายฝน ครูสมพงษ์ ครูโรงเรียนเดียวกับสารภี แอบรักสารภีอยู่และหาทางช่วงชิงสารภีมาจากลอยตลอดเวลาแม้ว่าสารภีจะหมั้นและกำลังจะแต่งงานกับลอยอยู่แล้วก็ตาม เขาได้ยินที่กำไลปรับกข์กับน้าแม้นเรื่องลอย และน้าแม้นพูดจนกำไลยอมรับว่ารักลอย ครูสมพงษ์คิดจะยืมมือกำไลทำลายความรักของสารภีกับลอย เผื่อว่ากำไลจะเห็นแก่ได้ แย่งลอยไปจากสารภี และเขาจะได้เข้าหาสารภีได้ แต่เมื่อเขาพูดกับกำไลกลับโดนกำไลด่าซะไม่มีดี สมพงษ์โกรธกำไลมาก เขาปล่อยข่าวเรื่องที่ลอยแอบจูบกับสารภีไปทั่วทั้งตลาด และเรื่องวกมาเข้าหูสารภี สารภีเข้าใจผิดว่าลอยเป็นคนเอาเธอไปโพนทะนา เธอโกรธลอย ลอยปักใจว่ากำไลพูด เพราะเรื่องนี้นอกจากเขากับสารภีแล้วก็มีกำไลที่แอบเห็น เขาโกรธกำไล และเมื่อสารภีรู้ เธอโกรธขนาดตบหน้ากำไล พ่อและแม่ก็พลอยโกรธกำไลไปด้วย คล้อยมีธุระต้องไปบ้านกำนันและต้องอยู่ช่วยงานจนสว่าง นางผ่อง แม่ของสารภีกับกำไลซึ่งเป็นโรคหัวใจเจ็บออดๆ แอดๆ ตลอดเวลากำลังเป็นไข้ สารภีและกำไลอยู่บ้านทั้งสองคนแต่นายคล้อยฝากให้สารภีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูแลแม่ โดยไม่แยแสกำไลเลย สารภีก็กีดกันไม่ให้กำไลดูแลแม่ กำไลรู้สึกว่าการลงโทษครั้งนี้โหดร้ายนักเพราะเธอรักแม่มาก แต่กำไลยังต้องเผชิญกับเรื่องที่โหดร้ายกว่า หลังจากสารภีกีดกันไม่ให้กำไลเข้าใกล้แม่โดยบอกแม่ว่าเธอจะนอนเป็นเพื่อนแม่ที่ห้อง กำไลเศร้ามาก กลับไปห้อง ตกดึกฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตาและฟ้าคะนองมาก กำไลตื่นเพราะเสียงฟ้า เธอไปสำรวจบ้านว่าฝนจะสาดหรือรั่วตรงไหนบ้าง ระหว่างที่เดินผ่านห้องสารภี เธอเห็นว่าหน้าต่างไม่ได้ปิดและฝนสาดเข้าห้อง กำไลจะไปปิดหน้าต่าง เดินผ่านช่วงที่หลังคารั่ว น้ำพรูลงมาใส่ตะเกียงดับ และรั่วลงเตียงนอนด้วย กำไลคลำในความมืดเพื่อย้ายที่นอนของสารภีให้พ้นน้ำ ทันในเธอรู้สึกว่าโดนกอดและมีเสียงเรียกชื่อสารภี กำไลตัวชาไปหมด เสียงนั้นคือเสียง ลอย บุญลือ เขาพร่ำเรียกชื่อสารภีและพร่ำรำพันรักและกอดจูบลูบโลม กำไลตัวแข็งไปหมด แต่เพราะความรักที่ฝังลึกในใจทำให้กำไลไม่ขัดขืน เธอไม่คิดจะแย่งลอยมาจากสารภี ความสาวของเธอ เธอจะให้แก่ชายที่เธอรักโดยมิหวังผลตอบแทนใดๆ และจะไม่มีวันที่ใครจะรู้ นอกจากเธอคนเดียว แต่ คล้อยกลับมาบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง สารภีจึงกลับห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปสารภีตัวแข็งทื่อ ลอยนอนกอดกำไลอยู่บนเตียงของเธอ สารภีด่ากราดทั้งลอยและกำไล เธอถอดแหวนหมั้นปาใส่หน้าลอย ประกาศตัดขาดลอย ลอยจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟัง ลอยต่อวากำไล กำไลนิ่งอึ้งไม่เห็นหนทางจะชี้แจงใดๆ คล้อยตบกำไรกระเด็นและเตะถีบซ้ำ สารภีไปกรี๊ดเล่าให้แม่ฟัง นางผ่องเป็นลมและขาดใจตายเพราะโรคหัวใจกำเริบ คล้อยจะยิงกำไลให้ตายตกตามแม่ไปด้วย แต่ลอยขวางไว้ ขอร้องผู้ใหญ่คล้อยว่ากำไลถูกลงโทษมากพอแล้ว แต่คล้อยไม่ยอม จะยิงกำไลให้ได้ ลอยบอกว่าให้ยิงเขาเสียด้วยเลยเพราะเมื่อสารภีทิ้งเขาชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว คล้อยหาว่าลอยท้า จะยิงลอยด้วย กำไลเอาตัวเข้าขวางไว้ บอกให้ลอยหนีและให้พ่อยิงเธอ คล้อยยิงจริงๆ แต่กระสุนไม่โดนใครเพราะชุลมุนกัน สารภีได้ยินเสียงปืน มาห้ามไว้ทันก่อนที่คล้อยจะยิงซ้ำ เธอบอกว่าเธอเสียแม่ไปคนหนึ่งแล้วไม่อยากเสียพ่อไปอยู่ในคุกอีก คล้อยไล่กำไลออกจากบ้านและไม่ให้เหยียบกลับมาอีก แม้แต่ศพแม่ก็ไม่ให้มาเผา ฝนอู้มาอีก เสียงกลองคุมศพดังก้องบอกกล่าวว่ามีการสวดศพ สารภีนั่งซึมโศกอยู่ที่ศาลา เธอจึงไม่เห็นว่านอกเขตวัดมีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางสายฝนมองศพที่ตั้งอยู่อย่างโหยละห้อย สำหรับกำไลเสียงกลองคุมศพสะเทือนสะท้านในอกเหมือนเสียงแช่งด่าของแม่ กำไลร้องไห้ซบลงกับผืนดินกราบศพแม่ มีมือหนึ่งแตะกำไลอย่างเมตตา มือนั้นคือมือของน้าแม้น กำไลคร่ำครวญกับแม้นว่าเธอฆ่าแม่ แต่แม้นว่าคนฆ่าแม่คือสารภี แม้นให้กำไลไปอยู่ด้วยที่บ้าน ศพนางผ่องเผาวัดเดียวกับที่เคยเผาศพย่าของลอย สารภีขึ้นเผา เธอรู้สึกว่ามีคนมายืนเคียงเธอ เสียงคนที่มายืนเคียงทำให้เธอรู้ว่าคือ ลอย บุญลือ ลอยเปล่งคำอธิษฐานดังอย่างจงใจจะให้สารภีได้ยิน เขาขอให้วิญญาณของย่าและวิญญาณของนางผ่องเป็นพยานว่าเหตุการณ์ในคืนฝนตกหนักนั้นลอยทำไปด้วยความหลงผิด ด้วยความรักและความคิดถึงสารภีเป็นที่ตั้ง สารภีไม่สนใจแม้แต่จะมองหน้าลอย เธอวางดอกไม้จันท์แล้วลงจากเมรุ เธอไม่ให้อภัยเขา ใกล้ค่ำ คนที่มาเผาศพกลับกันหมดแล้ว เหลือแต่สัปเหร่อซึ่งคอยเติมฟืนเชิงตะกอนให้ไฟโชน ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมองไฟที่ลุกโชนด้วยความเศร้ารันทดเหลือแสน ร่างนั้นคือกำไล เธอมารำพันความรันทดและขออโหสิกรรมแม่ กำไลยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นนานนับชั่วโมงจนกระทั่งไฟมอดหมดจึงกลับ เมื่อมาถึงสะพานซึ่งเป็นสะพานเดียวที่จะข้ามคลอง กำไลเจอลอยนั่งเหม่ออยู่ในความมืด เธอพยายามเดินอย่างเบาที่สุดและห่างลอยที่สุด แต่ลอยก็เรียกเธอให้นั่งคุยกับเขา เหมือนลอยจะนั่งรอเธออยู่ ลอยพร่ำถึงอดีตอันแสนสุขเมื่อครั้งเขายังเป็นเด็กและมีกำไลเป็นคู่หู และในที่สุดลอยบอกกำไลว่าเขาขอโอกาสชดใช้ที่เขาทำกับกำไลไว้ เขาขอกำไลแต่งงาน กำไลปฏิเสธ ลอยพากเพียรไปหากำไลที่บ้านน้าแม้นและขอเธอแต่งงานทุกวัน แต่กำไลก็ปฏิเสธทุกวัน แม้นว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนบ้าเหมือนกำไลที่อยากมีลูกกับผู้ชายที่ตัวเองรัก โดยไม่ยอมแต่งงานกับเขา ยอมท้องป่องโดยไม่มีพ่อให้ลูก กำไลว่าเธอมีความสุขที่ได้เลี้ยงลูกของผู้ชายที่เธอรัก นั่นก็พอแล้ว แล้ววันหนึ่งลอยก็ไม่เจอกำไลอีกเลย เธอทิ้งไว้แต่จดหมายบอกว่าเธอไม่มีวันแต่งงานกับลอยเด็ดขาด เธอจึงไปจากบ้านแม้น และไม่กลับมาอีก ลอยตัดสินใจจะบวช แต่เจ้าอาวาสวัดป่าขอมให้สติจนเขาทำความเข้าใจชีวิตได้ กำไลไปอยู่บ้านเมี้ยน น้องสาวของแม้นซึ่งแต่งงานแล้วแยกไปอยู่กับสามีที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง กำไลรู้สึกเหมือนตั้งท้อง เธอตื่นเต้นมาก แต่ในที่สุก็ไม่ท้อง สารภีรู้สึกตัวว่าท้อง เธอกลุ้มใจ ครูสมพงษ์ขอแต่งงานด้วย สารภีบอกให้ไปพูดกับพ่อเธอแล้วแต่พ่อ ครูสมพงษ์ให้ผู้ใหญ่ไปทาบทาม แต่คล้อยรู้ว่าลูกไม่รักครูสมพงษ์แน่นอน และแกรู้ว่าสารภีท้องจึงปลอบสารภีให้แต่งงานกับลอย เพราะถึงอย่างไรลอยก็คือคนที่สารภีรักและคือพ่อของลูกในท้องสารภี แต่ความรักของสารภีที่มีต่อลอยตีกลับเป็นความเกลียดเสียแล้ว แต่เธอก็จำยอมแต่งงานกับลอยตามใจพ่อ และช่วงนั้นบริษัทที่กรุงเทพตอบรับลอยเข้าทำงานพอดี คล้อยจึงขายที่นาและตามลอยกับสารภีไปอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตคู่ของลอยกับสารภีที่กรุงเทพฯ ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะสารภีฟุ้งเฟ้อ เงินเดือนลอยไม่พอให้เธอใช้ สารภีจึงต้องหางานทำด้วย และได้งานเป็นพนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า ถวิล วิทยพันธุ์ ยังฝังใจความสวยของสารภีอยู่มาก เมื่อรู้ว่าสารภีทำงานที่ห้างของเขาถวิลจึงเริ่มมาติดพัน สารภีรู้จากเพื่อนว่าถวิลเป็นพ่อม่ายเมียตายและเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของห้าง เธอจึงรับไมตรีจากเขาทั้งๆ ที่ยังมีลอยเป็นสามี ถวิลชวนสารภีไปอยู่บ้านตนเองที่ว่างอยู่และให้หาทางเลิกกับลอย และให้ส่งคล้อยซึ่งแก่มากแล้วไปอยู่บ้านพักคนชราบางแค ถวิลรู้จักกับวิชัยเจ้านายของลอย วิชัยเป็นหนี้บุญคุณถวิลอยู่ ถวิลจึงอ้างบุญคุณให้ไล่ลอยออกจากงาน วิชัยจำต้องทำตาม ถวิลปิดหนทางการหางานทำของลอยทุกทาง ทำให้ลอยตกงาน แต่ลอยไม่ย่อท้อพยายามออกหางานจนเป็นลมหน้ามืดเพราะไม่ได้กินอาหาร เมื่อไปหาหมอ หมอแจ้งกับสารภีว่าลอยเป็นมะเร็งที่กระเพาะ ให้สารภีพาลอยมาผ่าตัดภายในสิ้นเดือน สารภีฟุ้งเฟ้อเผลอใจไปกับถวิล เธอมีความสุขมาก และไม่อยากมีลูก แต่ลอยขู่ว่าถ้าทำแท้งจะแจ้งตำรวจจับ สารภีคลอดลูกสาว เธอไม่ใส่ใจลูกเลย ลอยรู้สึกผิดหวังมากเพราะตนเองก็ตกงาน เขาขอให้สารภีเลี้ยงดูลูกบ้างเพื่อต่อไปลูกจะได้รัก ลอยบอกสารภีว่านายอำเภอและโฉม คือ พ่อแม่ที่แท้จริงของเขา แต่นายอำเภอไม่เคยสนใจเขา เขาจึงไม่รักพ่อ เพราะฉะนั้นเขาจึงขอให้สารภีสนใจเลี้ยงลูกด้วยความรัก สารภีหัวเราะเยาะ ลอยขอร้องให้เห็นแก่ลูก ซึ่งต้องการกินนม สารภีบอกจะให้เงินซื้อนมแลกกับใบหย่า และบอกว่าลอยเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร จะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี ลอยโกรธทำร้ายสารภี แต่เมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง ลอยจึงได้สติ ลอยว่าสารภีเลวกว่าสัตว์ ถ้าเขาไม่เห็นแก่ลูกเขาจะฆ่าเธอ สารภีเอาใบหย่ามาให้ลอยเซ็นและแถมเงินให้หนึ่งหมื่นบาท ลอยตัดสินใจหย่าเพื่อลูก เขาใช้มีดกรีดเลือดและเอาปากกาจุ่มเลือดมาเซ็นชื่อในใบหย่า สารภีดีใจมาก เธอบอกว่าเธอเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่าเธอมีความสุขมาก ที่แล้วๆ มาเธอถือว่าเธอฝันร้าย ความรักโง่ๆ ทำให้เธอฝันร้าย กำไลมาอธิษฐานขอพรให้ลอยที่พระประธานองค์เดิม แล้วกำไลตกใจยิ่งกว่าถูกผีหลอกเมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ด้านหลังพระประธาน แล้ว ลอย บุญลือ ปรากฏตัว ลอยเล่าเรื่องสารภี รุ่งขึ้นลอยพากำไลไปดูที่นาที่เขาซื้อไว้ ลอยยกที่นาทั้งหมดให้กำไลและบอกว่าจะปลูกบ้านที่กำไลฝันอยากได้มาตั้งแต่เด็กให้ กำไลซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เธอให้คำมั่นว่าจะรักษาที่นานี้ไว้ตลอดชีวิต ลอยบอกกำไลว่าเขาเป็นมะเร็งและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน กำไลตกใจแทบสิ้นสติ เธอบอกว่าชีวิตลอยมีค่าสำหรับเธอ เธอขอให้ลอยแต่งงานกับเธอ แม้ลอยจะมีชีวิตอยู่ได้แม้อีกเพียงวันเดียวก็มีค่ายิ่งสำหรับเธอ ลอยกอดกำไลร้องไห้ซาบซึ้งในความดีอันเสมอต้นเสมอปลายของเธอ ลูกของลอย หลวงพ่อที่วัดป่าขอมตั้งชื่อให้ว่า ฬุริยา ลอยตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า ไผ่ ลอยอยู่กับกำไลมาโดยกำไลเป็นคนทำงานหาเงินเข้าบ้าน แล้ววันหนึ่งในขณะกำไลกับลูกหลับ ลอยตัดสินใจออกจากบ้านไปเพราะทนให้กำไลเลี้ยงต่อไปไม่ได้ เขาเขียนจดหมายทิ้งไว้ขอให้กำไลเลี้ยงลูกให้ กำไลแทบจะทนอยู่ที่บ้านหลังที่เคยอยู่กับลอยไม่ได้ เธอไม่รู้จะระบายทุกข์กับใครยามเด็กน้อยถามหาพ่อ กำไลเฝ้าอธิษฐานพระประธานที่โบสถ์ร้างขอให้ลอยไม่ตาย ขอให้ลอยกลับมาหาเธอและลูกที่รองรับทุกข์อีกแห่งของกำไลคือผืนแผ่นดิน กำไลได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับแผ่นดิน เหมือนซบหน้ากับอกแม่ แต่นี่คืออกแม่ธรณี อกธรณีที่คอยรับซับน้ำตาให้กำไล กำไลเลี้ยงไผ่ด้วยความหวังว่าสักวันลอยจะกลับมา จนไผ่โตเป็นสาวสวย แต่เพราะมีแม่ชื่อกำไล ไผ่จึงแก่นแก้วห้าวเฮี้ยวเหมือนแม่เมื่อยังสาว แต่ซ่อนความหวานของหญิงสาวไว้ในตัวด้วย ไผ่มีคู่หูเป็นชายรุ่นโตกว่าชื่อ ลออ ตั้งแต่เด็กจนเป็นสาวไผ่ต้องผจญกับความโหยหาพ่อและคำกล่าวที่ไม่ดีต่างๆ ถึงพ่อลอยของเธอ กำไลต้องคอยปลอบโยนและยืนยันตลอดว่าพ่อลอยของไผ่เป็นคนดีและไม่มีใครรักไผ่เท่าพ่อลอย พลตรีมหศักดิ์สุนทร และคุณหญิง ต่อว่า วิมาน ลูกชายที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและจบเกษตรกลับมา แต่ยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ยอมทำงาน คุณหญิงต้องการให้วิมานแต่งงานกับโลมตา สาวนักเรียนนอก ลูกสาวของถวิล วิทยพันธุ์ วิมานต่อว่าแม่อย่างขี้เล่นว่าตอนที่เขาอยู่เมืองนอก แม่บอกว่าหมั้น เกษรา ลูกสาว พลตรีเชษฐพงศ์ ไว้ให้ แล้วนี่ยังไงเปลี่ยนเป็นโลมตา แม่เล่าให้ฟังว่า พลตรีเชษฐพงศ์ขอถอนหมั้นไปเพราะพ่อของวิมานซึ่งเป็นอธิบดีกรมการข้าวในขณะนั้นโดนสอบเรื่องทุจริต ในที่สุดพบว่าพ่อไม่ผิด แต่พ่อก็ลาออกเพราะหมดใจกับราชการ โดยคุณหญิงไม่รู้ว่าท่านอธิบดีลาออกเพราะรู้ว่าคุณหญิงไปจุ้นจ้านกับงานในกรม และเป็นคนจัดการเรื่องรับสินบน คุณหญิงบอกว่าวิมานต้องแต่งงานกับลูกสาวของคนที่มีหน้าตาทัดเทียมกับพลตรีเชษฐพงศ์ ถวิลพาโลมตามารู้จักกับวิมาน วิมานรู้สึกว่าเธอก็สวยดี แต่ออกจะสวยฉูดฉาดและแต่งตัวตามแฟชั่นไปหน่อย คุณหญิงทั้งเซ้าซี้ทั้งบังคับวิมานจนเขายอมหมั้นกับโลมตาทั้งๆ ที่ยังพูดกันได้ไม่กี่คำ และต่อมาท่านก็รวบรัดจัดงานแต่งงาน แต่เมื่อถึงวันแต่งแขกทุกคนตะลึง คุณหญิงเป็นลมแล้วเป็นลมอีก เมื่อเจ้าบ่าวหายตัว อีกไม่นานต่อมา พลตรีมหศักดิ์สุนทร ก็ได้รับจดหมายจากวิมานเขาเขียนบอกสาเหตุที่หนีพิธีแต่งงานเพราะเขาบังเอิญไปได้ยินโลมตาพูดกับเพื่อนว่าเธอแต่งงานกับเขาเพื่อเงิน เพราะตอนนี้พ่อของเธอกำลังจะล้มละลาย วิมานบอกพ่อว่าเขารู้สึกว่าเขาไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะรับความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำสังข์ เขาขออยู่ใช้ชีวิตอย่างคนจน อย่างไม่เป็นลูกพลตรี เพื่อจะพบผู้หญิงที่รักตัวเขาไม่ใช่รักเงินของเขา เจ้าคุณดูตราประทับที่หน้าซองจดหมาย ตราประทับบอกว่ามาจากนครศรีธรรมราช วิมานไปนครศรีธรรมราชเพราะ นพ.สินสิริ เพื่อนสนิทเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่นั่น เมื่อ นพ.สินสิริออกไปทำงานที่โรงพยาบาล วิมานก็ออกไปตามสถานที่ต่างๆ และเพราะเขาเรียนจบเกษตรมา วิมานจึงมักออกไปทุ่งนา แล้ววันหนึ่งขณะที่วิมานกำลังนั่งปล่อยอารมณ์ชมท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน เขาก็ได้เห็นนางฟ้าแสนสวยท่ามกลางแสงสีชมพู เธอแต่งชุดชาวนากำลังวักน้ำในบึงล้างหน้า เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ตาสบตา วิมานแทบไม่อยากมองใดอื่นอีกเลยนอกจากหน้าสวยหวานของเธอ วิมานชอบเธอทันทีที่เห็นและผูกมิตรกับเธอ แต่นางฟ้าของเขาไม่ใช่ย่อย เขาตอแยเธอ เธอก็ตอแยกลับทันกัน วิมานยิ่งชอบเธอมากขึ้น ก่อนแยกจากกันเธอบอกเขาว่าเธอชื่อ ฬุริยา ชื่อเล่นว่า ไผ่ วิมานคิดถึงเธออย่างฝังใจจนสินสิริเหน็บว่าเพิ่งรู้ว่าพลตรีมหศักดิ์ฯ ชื่อเล่นว่าไผ่ เพราะวิมานเขียนชื่อไผ่เต็มหน้ากระดาษเขียนจดหมายที่เขาบอกว่าจะเขียนถึงพ่อ แล้วต่อมาสินสิริเลยต้องรับปรึกษาโรคไข้ใจของเพื่อนอีกด้วย จากวันที่พบไผ่ วิมานไปรอที่เดิมทุกวันเพื่อจะได้พบเธออีก แต่ก็ไม่พบเลย จนวันหนึ่งชาวนามาลงแขกเกี่ยวข้าว วิมานสนใจการเกี่ยวข้าวตามแบบชาวใต้ เขาไปคุยกับหญิงชาวนาคนหนึ่ง และเลยถามหาไผ่กับหญิงนั้นด้วย โดยไม่รู้ว่านั่นคือ กำไล บุญลือ แม่ของไผ่ กำไลรู้สึกทันทีว่าผู้ชายคนนี้คงไม่มาถามหาตามปกติแน่ นี่เป็นสัญญาณให้เธอต้องปกป้องลูกสาวเสียแล้ว วิมานตอบข้อซักถามของกำไลว่าเขายากจน อาศัยพระอยู่ที่วัดป่าขอม วันรุ่งขึ้นพระที่วัดป่าขอมดั้นด้นลุยโคลนมาบิณฑบาตรที่บ้านนานอกอันแสนไกลของกำไล ทำเอากำไลหาของใส่บาตรแทบไม่ทัน เธอให้ไผ่ไปใส่บาตร ลูกศิษย์ที่โผล่หน้าทะเล้นมาทักทายไผ่ เป็นลูกศิษย์โข่ง เขาบอกว่าชื่อ ธง ไผ่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็น แต่วันที่เธอเห็น เขาแต่งตัวดีมาก มาวันนี้ใส่เสื้อผ้าขาดจนปะ ธงหรือ วิมานบอกไผ่ว่าวันนี้เขาบาปที่โกหกพระว่าบ้านเธอนิมนต์รับบิณฑบาตร ขอให้ไผ่ช่วยไถ่บาปให้ แล้วเลยมัดมือชกบอกว่าพระจะมาบิณฑบาตรที่บ้านนี้ทุกวัน และบอกให้ไผ่คิดถึงธงด้วย ไผ่รู้สึกว่าจิตใจเธอหวั่นไหวมาก ที่บ้านนอกมีนักเลงหัวไม้ชื่อ เย็น มาชอบไผ่และคอยตามลวนลามหนักข้อขึ้นทุกทุกจนวันหนึ่งวิมานมาเจอและช่วยไผ่จนเกิดชกต่อยกับเย็นและลูกนักเลง พวกของเย็นแตกกระเจิงไป ไผ่ซึ่งเคยเก๊กกับวิมานก็ค่อยหายเก๊กและญาติดีกับเขา สัมพันธภาพของไผ่กับธงงอกงามขึ้นเป็นความรัก และกระชับแน่นขึ้นตามวันเวลา วิมานบอกรักไผ่และขอให้ไผ่รับรัก ไผ่บอกว่าสักวันจะบอกว่าจะรับหรือไม่รับ จนถึงวันที่ธงนัดพบเธอ เธอคิดว่าจะบอกไผ่ไปตามนัดด้วยความสุขเต็มหัวใจที่จะรับรักเขา แต่ธงไม่มาตามนัด ไผ่เสียใจมาก รุ่งเช้าหลวงน้าที่มาบิณฑบาตรบอกไผ่ว่าธงถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ไผ่ขอกำไลไปเยี่ยม กำไลไปด้วย นพ.สินสิริเห็นไผ่แล้วรู้ทันทีว่านี่คือหญิงที่วิมานรักจริง การที่เธอเรียกวิมานว่าธงซึ่งเป็นชื่อวิมานใช้ปลอมเป็นเด็กวัด แสดงว่าเธอไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของวิมาน นพ.สินสิริบอกว่าคนที่ทำร้ายธงคือ เอียด และตำรวจกำลังตามล่าอยู่ ส่วนธงถูกส่งไปรักษาที่กรุงเทพแล้วเพราะอาการหนักมาก แต่หากไผ่จะไปเยี่ยมก็ขอให้ไปถามหาคนไข้ชื่อ วิมาน มหศักดิ์สุนทร ไผ่และกำไลงง นพ.สินสิริบอกว่าเขาบอกได้แค่นี้ ส่วนเรื่องอื่นให้ถามจากวิมานเอง ไผ่ร้องไห้ขอร้องให้กำไลพาเข้ากรุงเทพฯ เธอสารภาพว่ารักธงมาก ทั้งสองเอาลออไปด้วย เมื่อไปถึงห้องที่วิมานพักรักษาตัว ไผ่พบกับโลมตาซึ่งเฝ้าไข้อยู่ โลมตาไม่ยอมให้ไผ่เยี่ยมวิมาน เมื่อไผ่บอกว่าเธอเป็นคนรักของเขา โลมตาเหยียดเย้ยไผ่ว่าวิมานไม่มีวันมีคนรักเป็นสาวบ้านนอกเป็นอันขาด ไผ่และกำไลแทบช็อกเมื่อรู้ว่าหนุ่มที่คิดมาตลอดว่าชื่อธงและเป็นเด็กวัดนั้น แท้ที่จริงเป็นหนุ่มนักเรียนนอกลูกมหาเศรษฐี โลมตาบอกว่าวิมานกำลังจะแต่งงานกับเธอ ไผ่ร้องไห้ชวนกำไลกลับ โลมตาเล่าเรื่องไผ่ให้ถวิลและสารภีฟัง สารภีคิดว่าสาวบ้านนอกนั้นเป็นลูกสาวขอ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ อกธรณี

อกธรณี
อกธรณี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook