ฝันที่เป็นจริงของผู้กำกับ THE LAST SAMURAI

ฝันที่เป็นจริงของผู้กำกับ THE LAST SAMURAI

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เฮิร์สโควิทซ์โดย เฮิร์สโควิทซ์ สุดหล่อ

แม้ว่าการถ่ายทำหลักของเรื่อง The Last Samurai จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ในเดือนตุลาคม 2002 แต่ผู้กำกับฯ เอ็ดเวิร์ด ซวิค นั้นลุ่มหลงในเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและหนังญี่ปุ่นมานานแสนนานแล้ว ความจริง เขาเริ่มจินตนาการถึงเรื่อง The Last Samurai มาตั้งแต่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่เสียด้วยซ้ำ ผมได้ดูหนังของอากิระ คุโรซาว่า เรื่อง The Seven Samurai ตอนอายุ 17 และตั้งแต่นั้นมาก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจำไม่ได้แล้วว่ากี่รอบ เขายอมรับ ในหนังเรื่องนั้นเรื่องเดียว มีทุกอย่างที่ผู้กำกับฯ ต้องเรียนรู้ ทั้งการเล่าเรื่อง พัฒนาการของตัวละคร การถ่ายแอ็คชั่น การเดินเรื่องแบบดราม่า หลังจากได้ดูเรื่องนั้น ผมก็เริ่มศึกษาหนังทุกเรื่องของขา แม้ว่าผมไม่อาจจะรู้ได้ในตอนนั้น แต่มันก็เป็นการปูทางให้ผมกลายมาเป็นคนทำหนัง จากการที่ซวิคเป็นนักศึกษาด้านประวัติศาสตร์มานาน เขาได้พบว่าช่วงที่รู้จักกันในนาม ยุคปฏิวัติของเมจิ นับเป็นช่วงที่ถูกบีบบังคับมากที่สุด การจบสิ้นลงของกฎของโชกุนรุ่นเก่า ซึ่งทำให้ประเทศญี่ปุ่นเปิดตัวต่อชาติตะวันตกอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ปิดประเทศเอาไว้เป็นเวลานานถึง 200 ปี ส่วนใหญ่แล้ว เขากล่าว มันเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละวัฒนธรรม ช่วงที่เปลี่ยนจากยุคเก่าเป็นสมัยใหม่นั้นจะค่อนข้างเจ็บปวดและกระทันหัน มันยังเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างน่าพิศวง แต่ละภาพ แต่ละทิวทัศน์ แต่ละห้อง จะบอกถึงเรื่องราวที่เคียงคู่กันระหว่างความเก่าและใหม่ ชายหนุ่มสวมหมวกเดอบี้เดินเคียงข้างหญิงสาวในชุดกิโมโน ผู้ชายที่กำลังรัวยิงด้วยปืนไรเฟิลในระหว่างการเผชิญหน้ากับคนที่กำลังกวัดไกวดาบ ซวิค ผู้สร้างผลงานภาพยนตร์เรื่อง Shakespeare in Love ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ - Best Picture คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับเรื่องราวในยุคนั้น ผลงานของเขา เรื่อง Glory และ Legends of the Fall ใช้การเดินเรื่องในช่วงศตวรรษที่ 19 ผมถูกดึงกลับไป ครั้งแล้วครั้งเล่า สู่ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ เขาบอก มันมีบางอย่างที่ดึงดูด บางครั้งเหมือนถูกสะกดจิต เมื่อได้เฝ้ามองตัวละครเคลื่อนผ่านการเปลี่ยนแปลงเฉพาะตัว ในขณะที่วัฒนธรรมรอบด้านก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเช่นกัน ทอม ครูซ นักแสดงที่เคยเข้าชิงหลายรางวัลออสการ์ ได้รับเลือกสำหรับบทร้อยเอกอัลเกร็น ผู้ถูกครอบงำ และเขามีความสนใจและชื่นชอบประเพณีของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับซวิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพวกซามูไร เช่นเดียวกับซวิค เขารู้จักคุโรซาวา และหนังญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และยอมรับว่าตนเองให้ความ นับถืออย่างสูง และรู้สึกอย่างรุนแรงเกี่ยวกับวัฒนธรรมและคนญี่ปุ่น ความสง่าและงดงามของพวกซามูไร จิตวิญญาณของบูชิโด, ความเห็นใจ, ความจงรักภักดีอย่างรุนแรง, คำมั่นสัญญาที่จะรักษาศักดิ์ศรีแห่งคำพูด และความเต็มใจที่จะสละชีพให้กับสิ่งที่พวกเขารู้ว่าถูกต้อง มันคือความสำคัญของการรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำและพูด โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะสะท้อนกลับมา มันเป็นยิ่งกว่ากฎของนักรบซามูไร เป็นความกล้าหาญในการใช้ชีวิต ทุกชีวิต มันเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ตอนที่เอ็ดมานั่งคุยกับผมเรื่องนี้ ผมรู้เลยว่าผมทำต้องทำงานหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่ามีความผูกพันกับเรื่องราว รวมทั้งตัวละครในหนังเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างของ The Last Samurai ครูซกล่าวว่าเรื่องราวที่เป็นตำนานในการเดินเรื่อง นอกเหนือจากอารมณ์ของอัลเกร็น และแสงสว่างแห่งปรัชญา รวมทั้งโอกาสที่ได้ร่วมทำงานกับเอ็ดเวิร์ด ซวิคและมาร์แชล เฮิร์สโควิทซ์ ล้วนเป็นแรงกระตุ้นที่ดึงดูดใจ หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนอาหารมื้อที่เต็มคอร์ส เขาบอก การผจญภัยและการเดินทางของตัวละคร โลกที่เขาก้าวไปสู่และผู้คนที่เขาได้พบ มันเป็นสิ่งที่เข้มข้น และเป็นเรื่องราวที่ทั้งท้าทายและน่าประทับใจอย่างแท้จริง จากมุมมองของการทำงาน มันมีขอบเขตที่กว้างไกลที่สุดเท่าที่ผมเคยทำงานมา : มันเป็นธรรมชาติ, เร้าใจ, โรแมนติค และมีปรัชญา บอกตามตรง เขาพูดต่อ สิ่งที่ดึงดูดผมอีกอย่าง ก็คือทั้งสามมีส่วนร่วมในศรัทธาอันแรงกล้าเหมือนกัน ตอนที่ผมเริ่มคุยกับเอ็ด เขาทั้งกระตือรือร้นและตื่นเต้นกับมัน เขาเป็นเหมือนเด็กอายุ 15 ที่กระโดดไปรอบๆ ห้อง วาดภาพฉากต่างๆ ด้วยมือ และคงความกระตือรือร้นนั้นไว้ในตัวเขาตลอดการถ่ายทำ ภาพยนตร์หลายเรื่องของซวิค ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความซับซ้อนของสงครามและเกียรติยศ เพื่อแสดงถึงความแตกต่างและความคล้ายคลึงของทหารชาวตะวันตก และนักรบซามูไรที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เริ่มตั้งแต่เรียนวิทยาลัย และอีกหลายปีต่อมา ผมได้อ่านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเอาไว้มาก ซวิคถ่ายทอดงสือเรื่อง The Nobility of Failure ของอีแวน มอร์ริส ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวของ ไซโกะ ทาคาโมริ หนึ่งในบรรดาคนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ซึ่งได้ช่วยก่อตั้งรัฐบาลใหม่ และในเวลาต่อมาเป็นผู้ทำการปฏิวัติเสียเอง ชีวิตที่สวยงามและแสนเศร้าของเขา ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา การเปลี่ยนจากระบบศักดินาของญี่ปุ่น มาเป็นสังคมยุคใหม่นั้น หมายถึงการสิ้นสุดของประเพณี โบราณ ที่มีคุณค่าและเป็นตัวอย่างที่ดีของเหล่าซามูไร นับเป็นเวลายาวนานหลายปีที่พวกเขาถูกยกย่องให้อยู่ในตำแหน่งสูงของสังคม เช่นดียวกับบรรดาอัศวินแห่งอังกฤษ ทหารซามูไรเป็นผู้ปกป้องผู้สูงศักดิ์ หรือในที่นี้ ได้แก่ โชกุน ซึ่งพวกเขาได้สาบานตนไว้อย่างจงรักภักดี ในขณะที่พวกอัศวินยึดมั่นในระบบตำแหน่งอัศวิน พวกซามูไรก็เชื่อในกฎที่เรียกว่า บูชิโด วิถีแห่งนักรบ ซึ่งให้ความสำคัญที่เหนือสิ่งอื่นใด ความจงรักภักดี, ความกล้าหาญ, ความทรหดอดทน และความเสียสละ ตรงข้ามกับอาวุธสมัยใหม่ที่ชาติตะวันตกหยิบยื่นให้กับญี่ปุ่นในตอนนี้ ซามูไรดูเหมือนจะอยู่ผิดยุคสมัยสำหรับผู้สนุบสนุนความก้าวหน้า ความกระหายที่จะได้มาซึ่งสิ่งทันสมัยใหม่ๆ ทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับซามูไรกับดาบแห่งตำนาน และความยึดมั่นในเกียรติยศแบบโบราณ ดังที่ในเรื่องนี้ยกตัวอย่างหัวหน้าซามูไรคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ คัตสึโมโต้ (รับบทโดยเคน วานาทาเบ้) และนักรบผู้อุทิศตนอีกไม่กี่คน สิ่งที่ท้าทายคัตสึโมโต้ก็คือการรักษาไว้ซึ่งหลักการของตน ท่ามกลางสังคมที่ไม่เห็นคุณค่าของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว การดิ้นรนของเขา และโดยเฉพาะเมื่อรวมเข้ากับทางเดินแห่งจิตวิญญาณที่ไม่เต็มใจของอัลเกร็น กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจซวิค ผมได้ค้นพบคุณค่าที่สำคัญของวัฒนธรรมซามูไรตลอดมา ในความน่าชื่นชมและความสัมพันธ์กัน เขากล่าวอธิบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเข้าใจที่ว่า ความรุนแรงและความเวทนาเห็นใจนั้น ย่อมอยู่เคียงข้างกัน และบทกวี ความงาม และศิลปะ เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกฝนของนักรบ เพื่อเป็นนักดาบและสร้างพลังให้กับร่างกาย และเช่นกันที่ผมสนใจในความเป็นไปได้ที่ไม่คาดฝัน กับการเกิดใหม่ของวิญญาณแห่งผู้ที่มีชีวิตที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้น้อยที่สุด กับการกล่าวถึงความปรารถนาของเขาที่จะผสานองค์ประกอบเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เขาบอกว่า เรื่องของเราเป็นการผจญภัยที่โรแมนติค ด้วยการบรรยายเป็นคำพูดที่กว้างที่สุด และในเวลาเดียวกันก็เป็นนิยายผจญภัยของคนๆ หนึ่ง ความท้าทายในการสร้างเรื่อง ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่งคนสำคัญ และภูมิทัศน์ภายในเป็นตัวสะท้อนของผืนผ้าใบแห่งตำนาน ตัวละครคัตสึโมโต้นั้นทำให้ผมประทับใจพอๆ กับตัวละครของอัลเกร็น ซวิคกล่าวต่อ โดยส่วนตัวแล้วผมเข้าใจสถานการณ์ของเขา และมองออกว่ามันมีหลายสิ่งที่เป็นเหมือนกับองค์ประกอบหลายอย่างของชีวิตสมัยใหม่ กฎของซามูไรได้ถูกคัตสึโมโต้และผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขายึดมั่นไว้อย่างเต็มไปด้วยพลัง และมันก็เห็นได้ชัดในกรณีของทากะ น้องสาวม่ายของคัตสึโมโต้ ผู้สูญเสียสามีให้กับสงคราม ซึ่งถูกจับให้อยู่ในที่ใกล้ชิดกับอัลเกร็น ภายใต้ภาวะที่แสนขมขื่น ทากะ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงสาวชาวญี่ปุ่น โคยูกิ ได้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้ชายแปลกหน้าชาวอเมริกัน ล่วงรู้ถึงความซับซ้อนของอารมณ์ที่เธอมีต่อเขา จนกระทั่งเขาได้ตระหนักว่าเธอนั้นก็มีความเป็นซามูไรมากพอๆ กับชายชาตรีที่อยู่รอบตัวเธอ ผู้อำนวยการสร้าง พอลล่า แวกเนอร์ ซึ่งได้ร่วมกับครูซบริหารงานให้กับ Cruise/Wagner Productions ให้ความเห็นว่าความกระตือรือร้นของครูซที่มีต่อหนังเรื่องนี้ และความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของเขาในการร่วมงานกับซวิคและเฮิร์สโควิทซ์ มีส่วนเป็นอย่างมากกับวิสัยทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์และมีศรัทธาของซวิคซึ่งมีต่อตัวละครของ ร้อยเอกเนธาน อัลเกร็น เอ็ดสามารถผสานความเป็นตำนานของเรื่องและงานแอ็คชั่นไว้กับการเดินทางเยี่ยงวีรบุรุษ ของตัวละครที่มีพลังตัวนี้ เธอกล่าว และเสริมว่าความซับซ้อนของหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดแก่ Cruise/Wagner Production ซึ่งได้ดำเนินงานและสร้างให้เป็นภาพยนตร์ที่มีรูปแบบที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ได้กล่าวว่า หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่มีหลายระดับ The Last Samurai เป็นการรวมไว้ของตัวละครที่เข้มข้นและซับซ้อน งานแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ และโดยเฉพาะตัวของ ร้อยเอกอัลเกร็น ซึ่งได้เดินทางมาแสนไกล เป็นต้น เพื่อค้นพบตัวเองและคุณค่าของตน หนังเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นกับ Radar Pictures เมื่อต้นทศวรรษ 90 ด้วยเรื่องราวของชายอเมริกันที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน เราสะดุดกับความคล้ายคลึงกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงของอเมริลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นตะวันตกของญี่ปุ่น สก็อต ครูพฟ์ แห่ง Radar Pictures ให้คำอธิบาย และรู้ว่ามันมีเรื่องราวที่ควรบอกเล่า เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกทำลายโดยความสมัยใหม่ ของทั้งสองวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราได้ตัวเอ็ด ซวิค มา ทอม เอ็งเกิลแมน กล่าว ตัวเขาเองในตอนนั้นก็อยู่ที่ Radar Pictures ผมรู้จักเขามาหลายปีในฐานะเพื่อน และเพื่อนบ้าน เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำงานนี้ เพราะความสมบูรณ์ของเนื้องาน และความสนใจของเขาในมุมมองของวีรบุรุษอเมริกันตะวันตกในมิติใหม่ ครูพฟ์ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เอ็ดยังได้แนะนำให้จอห์น โลแกนมาทำงานด้วย และมันกลับกลายเป็นว่าจอห์น ก็เคยศึกษาเกี่ยวกับการล่มสลายของซามูไร เช่นเดียวกับเอ็ด ในท้ายที่สุด ความอดทนของเรากับหนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นรางวัล ที่มิใช่เพียงภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นความสามารถอันเหลือเชื่อของเอ็ดในการสร้างงานภาพยนตร์อีกด้วย ซวิคและโลแกน ผู้เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์จากการเขียนบทให้กับเรื่อง Gladiator เห็นพ้องกันว่าช่วงปฏิวัติของซามูไรในปี 1876-1877 จะเป็นการอ้างอิงถึงเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และเร้าใจของประวัติศาสตร์ให้กับภาพยนตร์ การเขียนบทพระเอกของเรื่องร่วมกับเอ็ด โลแกนย้อนความทรงจำว่า เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ท้าทายที่สุดของเรื่อง ตอนเราทำงานร่วมกัน ตัวละครร้อยเอก อัลเกร็น มีตัวตนขึ้นมาอย่างผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์อย่างแท้จริง อย่างชายผู้สูญเสียศรัทธา เอ็ด มาร์แชล และผม อยากให้เขาเป็นตัวแทนของคนที่บาดเจ็บทางใจอย่างมาก ไม่ใช่พระเอกหนังสต็อกทั่วไป เราพยายามเขียนให้เขาเป็นผู้ที่ไร้หนทาง ที่ต้องออกค้นหาเพื่อการก้าวต่อไปข้างหน้า ซึ่งก็มีเพียงการสนองตอบระหว่างเขาและเหล่าซามูไร กับความเคารพที่เพิ่มพูนของเขาที่มีต่อกฎแห่งนักรบ ที่เขาได้พบที่ๆ เหมาะกับตัวเขาในโลกใบนี้ เฮิร์สโควิทซ์ ซึ่งมาร่วมทีมผู้เขียนบทในภายหลัง เสริมว่าในขณะที่เรื่องราวและตัวละครนั้นเป็นแบบนวนิยายอย่างแท้จริง ทีมผู้สร้างได้พยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมจริงให้มากที่สุด การสร้างความรู้สึกที่ซื่อตรงต่อยุคสมัยประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และต่อกฎและคุณค่าของเหล่าซามูไร เราพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้องและด้วยความเคารพ เราปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อกับนักการศึกษา และผู้เขียนบทภาพยนตร์ในญี่ปุ่น รวมทั้งลงชื่อผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน เราต้องการให้ทุกอย่างถูกต้อง สำหรับแกนของเรื่องซึ่งดำเนินไปของ The Last Samurai นั้น เฮิร์สโควิทซ์เชื่อว่ามันไม่ได้เพียงแต่เป็นความจริง แต่ยังไร้กาลเวลา เรื่องของคนที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียทั้งเกียรติยศ และความมั่นใจ และการเดินทางที่ตามมาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีกลับคืน เพื่อให้เชื่อมั่นในตนเองอีกครั้ง เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับประวัติศาสตร์ทุกยุค แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ ในเวลาที่เราถูกแวดล้อมไปด้วยการประนีประนอมของชีวิตในยุคปัจจุบัน ในขณะที่เรื่อง The Last Samurai เผยโฉมนั้น บรรดาผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ที่สร้างความสะเทือนทั้งทางกายภาพ อารมณ์ และจิตวิญญาณ ของยุคสมัยที่แปลกตาร่วมไปกับร้อยเอก อัลเกร็น อย่างที่ซวิคกล่าวไว้ว่า เมื่อเขาได้ค้นพบมัน คุณจะได้พบด้วย เมื่อเขาเคลื่อนที่ไปกับมัน คุณก็เช่นกัน

descriptionPartnerTitle

descriptionPartner
PartnerTitle

 

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ ฝันที่เป็นจริงของผู้กำกับ THE LAST SAMURAI

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook