สมมติว่า ถ้าจะเล่า เมาท์จักรวาลใน What If...? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

สมมติว่า ถ้าจะเล่า เมาท์จักรวาลใน What If...? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

สมมติว่า ถ้าจะเล่า เมาท์จักรวาลใน What If...? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอนเทนต์ใน Disney+ ที่เปิดตัวมาเข้าเดือนที่สามแล้ว แต่ความอร่อยของนางก็ไม่ได้ว่าน้อยหน้าแพลตฟอร์มอื่นๆเลยนะเธอ ด้วยความที่นางขนคอนเทนต์มาเอาใจแฟน Disney และคอหนังซุปเปอร์ฮีโร่แบบจัดหนักจัดเต็ม จึงมีซีรีส์สนุกๆ ให้ได้เมาท์กันออกอรรถรสไม่เว้นเลยนะเธอ และสัปดาห์นี้ เทยก็จะว่าด้วยเรื่องของ

What If..?

สมมติว่า

 

แม้ชื่อจะดูง่ายๆ งงๆ แต่จริงๆแล้ว นี่เป็นซีรีส์ที่เรื่องราวต่อเนื่องมาจากภาพยนตร์ใน MCU หรือจักรวาลมาร์เวล ซึ่งครั้งนี้ ตัวซีรีส์มาในรูปแบบ “การ์ตูน” และเป็นเรื่องราวที่ยืนอยู่บนคอนเซปต์เดียว ก็คือ “สมมติว่า” เรื่องราวมันไม่ได้เป็นในแบบที่เราเข้าใจกันในภาพยนตร์ที่ผ่านมา มันจะเป็นอย่างไร ตัวซีรีส์เลยเล่าสำรวจเรื่องราวของฮีโร่ที่เราคุ้นเคยกันดีจากภาพยนตร์มาร์เวล นำมาเล่าใหม่ บิดเส้นเรื่องให้มันพิสดาร อลังการ เป็นไปในเส้นทางที่เราไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ด้วยความยาวทั้งสิ้น 9 ตอน

 

แม้ว่าตัวซีรีส์จะมีความเป็นการ์ตูนตอนสั้น พูดถึงเรื่องราวสมมติ แต่มันก็มีเส้นเรื่องที่ยึดโยงกันอยู่ ด้วยตัวละครหลักตัวละครเดียวที่ผูกทุกเส้นเรื่องเข้าไว้ด้วยกัน ก็คือ “The Watcher” หรือผู้เฝ้ามอง ซึ่งเป็นตัวละครจากการ์ตูนมาร์เวลที่เคยปรากฏตัวมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Gaurdian of the Galaxy Vol.2 แต่ครั้งนี้ ฮีมารับหน้าที่คนเล่าเรื่อง ที่จะเล่าว่า สมมตินะ สมมติว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ มันจะไปจบแบบไหน

ความพิเศษที่แฟนๆมาร์เวลนางจะรู้กันดีก็คือการเล่นกับ “พหุจักรวาล” หรือ Multiuniverse ซึ่งมาจากซีรีส์ Loki ที่ได้เบิกทางเอาไว้แล้วว่าจักรวาลนั้นมันมีเส้นเหตุการณ์ที่คู่ขนานกันไปมากมายนับไม่ถ้วน เรายังมีตัวเราอีกคน อีกหน้าตา อีกเรื่องราวหนึ่ง ดำเนินเรื่องอยู่ในเส้นจักรวาลที่หลากหลายไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น เรื่องที่เราเคยรับรู้มา มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในร้อย เธอคือดวงดาวที่คอยนำพาเท่านั้นนะเออ

 

จริงๆแล้ว เรื่องพหุจักรวาลหรือ Multiuniverse จะว่าเป็นเรื่องแฟนตาซี ความหนังความละครมันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะเออ เพราะมันก็เป็นหนึ่งในทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ที่เขาก็วิจัยกันอร่อยเพื่อคำนวณหาว่าในจักรวาลที่เราอยู่นั้น มันมีที่มาที่ไปอย่างไร และหนึ่งในเหตุผลที่ได้รับการสนับสนุนอย่างหนึ่งก็คือเรื่องเส้นคู่ขนานนี่แหละเธอ ที่ทำให้จักรวาลนางแผ่ขยายออกไปได้เรื่อยๆ 

นอกจากความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ความพหุจักรวาล ยังถูกใช้ในศาสตร์ภาพยนตร์อีกนะเธอ ว่าบาป เห็นว่าการเรียนภาพยนตร์และการเล่าเรื่อง ก็มีการเอาเรื่อง Universe มาสอนเช่นกัน ทั้งยังเป็นรากฐานของการสร้างคอนเทนต์ สร้างการเล่าเรื่องที่มีมานานแล้ว ด้วยการตั้งโจทย์ด้วยคำพื้นฐานอย่างเช่นคำว่า

 

“สมมติว่า…”

ซึ่งจะเป็นการสร้างความเป็นไปได้ในการสร้างเรื่องราวแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำเดิมอีก ซึ่งจริงๆละครไทยก็ใช้บ่อยๆในการผลิตคอนเทนต์ซ้ำๆ แบบ “สมมติว่า เมียหลวง มาอยู่ในปี 2020” จะเป็นยังไงนะ ก็อาจจะมีการเติมเรื่องโซเชี่ยลมีเดีย ตบกันเป็นคลิปอะไรไปนั่นล่ะ ก็เป็นความเป็นไปได้มากขึ้นกว่าต้นฉบับเดิม

แน่นอนว่าทาง Marvel นางมีหรือจะไม่ใช้เทคนิคนี้ และเมื่อทาง MCU นางปู Phase 4 มาแบบนี้ ก็ยิ่งเข้าทาง การเลือก The Watcher ที่ต้นฉบับเดิม ฮีเป็นผู้เฝ้ามองจักรวาลและความเป็นไปมาเป็นผู้เล่าเรื่อง “สมมติ” ให้คนดูอย่างเราๆฟัง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ความสนุกก็คงอยู่ที่ในแต่ละตอน ผู้กำกับและทีมงานก็รับผิดชอบความเป็นไปได้ที่แตกต่างออกไป ในการใช้ตัวละครฮีโร่มาร์เวลที่เรารู้จักกันดี มาตะลุยความเป็นไปได้ที่แสนตื่นตา ไม่ว่าจะเป็น 

 

สมมติว่ากัปตันอเมริกากลายเป็นผู้หญิง

สมมติว่าทีชาล่ากลายเป็นสตาร์ลอร์ด

สมมติว่าทีมอเวนเจอร์สกลายเป็นซอมบี้

สมมติว่าหมอแปลกเข้าสู่ด้านมืด

หรือแม้แต่

สมมติว่าธอร์บุกโลกมาเพื่อปาร์ตี้?

 

ทุกความเป็นไปได้นี้ แค่เมาท์ก็สนุกแล้วเธอขา และไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางความสะเปะสะปะนี้ กลับมีโครงเรื่องหลักเชื่อมอยู่ด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ถูกผูกเข้ากับเรื่องราวหลักของจักรวาลมาร์เวล เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ

 

ความน่าสนใจของซีรีส์ ไม่เพียงแต่การใช้คำว่า “สมมติว่า” เพื่อสร้างเรื่องราว แต่ทว่าตัวซีรีส์ นางได้มีการใช้นักแสดงจากภาพยนตร์และซีรีส์มาร์เวลทั้งหมดมาพากย์ แม้อาจจะไม่นำมาได้ทั้งหมด แต่ก็เรียกได้ว่ามากันเกือบทั้งสตูดิโอจริงๆ ทำให้เราจะคุ้นเคยกับเสียงของตัวละคร เพราะเป็นเสียงต้นฉบับมาตั้งแต่ภาพยนตร์เลยแหละ ซึ่งในส่วนของพากย์ไทย ก็พีคยิ่งกว่า เมื่อทาง Disney+Hotstar นางก็ได้รวมรวมนักพากษ์จากภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่อง กลับมาพากย์ตัวละครเดิมของตัวเองในแต่ละตอนตามต้นทางซีรีส์ด้วย นั่นทำให้ซีรีส์ What If…? กลายเป็นซีรีส์ที่ใช้นักพากย์ถึง 50 คน ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์ซีรีส์เลยทีเดียวล่ะเธอ

ความพิเศษนางมากมายถึงเพียงนี้ พวกเธอคงไม่พลาดหรอกใช่ไหมล่ะ

สมมติว่าพวกเธอดูแล้ว ก็อย่าลืมมาเมาท์กันต่อด้วยนะเออ

เหยี่ยวเทย รายงาน

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ สมมติว่า ถ้าจะเล่า เมาท์จักรวาลใน What If...? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook