เซ็กส์เดือนละกี่ครั้ง 'มาก' หรือ 'น้อย' เท่าไรถึงเรียกว่าพอดี
'เซ็กส์' ไม่เหมือนกินข้าวนะคะ ที่กินมากไป ไขมันก็สลอนหน้ามาประจานตัวเอง กินน้อยไปก็เป็นบักโกรก เซ็กส์นั้นมีมากไปไม่ทำให้อ้วน แต่อาจหน้าคล้ำ ซึ่งก็คล้ายตอนคุณขี้เกียจทาครีมกันแดด ถ้ามีน้อยก็ไม่ทำให้ขาดสารอาหาร แต่ไม่แน่ใจว่าแฟนสาวจะเซ็งหรือเปล่า หรือเธอจะว่ากำลังดีแล้ว? มันคือเป็นปัญหาโลกแตกในหัวอกหนุ่มหลายคน เรื่องความถี่ในการมีเซ็กส์ เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่า ‘มาก’ หรือ ‘น้อย’ และที่สำคัญยิ่งไปกว่าคือ เท่าไหร่ถึงจะ ‘มากไป’ หรือ ‘น้อยไป’
ผัวเมียคู่หนึ่งนั่งแช่น้ำอยู่ด้วยกันในอ่างจากุซซี่ ตามคำแนะนำในเอกสารที่แนบอยู่ในกล่อง Kama Sutra Kit ที่เพื่อนซื้อมาฝากจากเมืองนอก “ปรนเปรอคู่ของคุณ” ผัวหรี่ตา เพ่งแผ่นกระดาษ อ่านออกเสียงช้าๆ “นวดหนังศีรษะเธอ”...“นวดข้อมือเธอ”...“ตบบั้นท้ายเธอ”...เขาขมวดคิ้ว “ผมไม่เข้าใจ ผมควรจะทำทั้งหมดในเวลาเดียวกันเรอะ แล้วจะทำได้ไง ผมต้องมีสี่มือนะนั่น” ฝั่งเมียหยิบไปอ่านบ้าง เธองงแตกเหมือนกัน ทั้งคู่เห็นร่วมกันว่าควรโยนกล่องคู่มือทิ้งซะ รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า สองทุ่มเมียต้องสไกป์คุยกับลูก ผัวต้องเช็กราคาหุ้นก่อนปิดตลาด
ถ้าคุณโยนไอ้กล่องบ้านี่ไปให้คู่รักวัยละอ่อน พวกเขาคงอ่านไม่จบด้วยซ้ำ แต่ก็สามารถทำตามได้แบบพลิ้วๆ จบค่ำคืนแบบสุดสวิง พรุ่งนี้ก็มีอีก ตกเย็นก็อีก รุ่งขึ้นเอาอีก หาวิธีพลิกแพลงไปมาได้ไม่มีเบื่อ ผัวเมียคู่นั้นก็เถอะ ลองให้พวกเขานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป พวกเขาก็อาจทำได้พลิ้วเหมือนกัน คนเราในช่วงวัยรุ่นตอนปลายจนถึงผู้ใหญ่ตอนต้นไม่เคยข้องใจว่าตัวเองมีเซ็กส์มากหรือน้อยไป เซ็กส์ก็คือเซ็กส์ มีก็คือดี และพวกเขาไม่ค่อยเจอปัญหาสตาร์ทเครื่องไม่ติด
พออายุมากขึ้น เรามีเซ็กส์น้อยลง ใครๆ ก็รู้ ผลสำรวจจาก GSS หรือ General Social Survey โดยมหาวิทยาลัยชิคาโกคอนเฟิร์มว่า ชายหญิงอายุระหว่าง 18-24 ปีมีเซ็กส์เฉลี่ยเดือนละ 7-10 ครั้ง อายุ 25-29 ปีลดเหลือ 8 ครั้ง อายุ 30-49 ปีเหลือเดือนละ 6 ครั้ง และอายุ 50-59 ปีมีเซ็กส์เฉลี่ยเดือนละแค่ 4 ครั้ง (แหม ยังกะถูกลงโทษ) GSS วิเคราะห์และสรุปว่า โดยเฉลี่ยแล้วมนุษย์มีเพศสัมพันธ์ลดลงทศวรรษละประมาณ 20% ดิฉันพบว่าตัวเลขแห้งๆ นี้อาจนำไปสู่บทสรุปที่แห้งแล้งเกินไปที่ว่า คนเราพอแก่ลง เซ็กส์ก็เสื่อมลงตามสังขาร ดิฉันรับไม่ได้ค่ะพูดเลย และเชื่อว่าหลายคนฟังเลขพวกนี้แล้วตกใจ ตายละหว่า เราอายุสี่สิบแล้วยังมีเซ็กส์วันเว้นวันอยู่เลย เราเข้าขั้นหื่นเกินไป จะกลายเป็นคนเสพติดเซ็กส์ไหมเนี่ย หรือถ้าใครได้เลขน้อยกว่านี้ก็จะเริ่มนอยด์ หรือเราจะเซ็กส์เสื่อม ใจเย็นๆ นะคะ ผลการสำรวจไม่ใช่ทุกสิ่ง นี่เป็นตัวเลขที่ผู้คนให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศที่เกิดขึ้นจริงของพวกเขา แต่เราไม่ได้พูดกันถึง ‘ความต้องการ’ เลยจริงไหมคะ ถ้าคุณมีเซ็กส์เดือนละ 10 ครั้งแต่ในใจกลับต้องการสัก 20? ถ้าคุณมีเดือนละ 2 ครั้งแต่ใจอยากมีแค่ครั้งเดียวล่ะ? แต่ละคนเหมือนกันซะที่ไหน
ดิฉันรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อ ‘ปลาย’ เธอเป็นผู้จัดการใหญ่ในบริษัทเอกชน ตั้งแต่เธอมีลูกตอนสามสิบต้นๆ จนถึงวัยปลาย 40 ในวันนี้ เซ็กส์ถูกลดลำดับความสำคัญไปตามสถานการณ์ที่บังคับว่าลูกต้องมาก่อน และมันก็ลดลงไปเรื่อยๆ จากเคยมีอาทิตย์ละสามครั้ง เหลือครั้งเดียว และก็ลดลงเรื่อยจนต้องเปลี่ยนหน่วยนับไปเป็นหลักเดือน เมื่อพูดถึงลูกก็ย่อมหมายถึงภาระและปัญหาอีกเก้าล้านอย่างที่คุณและคู่ชีวิตจัดการไม่จบไม่สิ้น “คือแบบ..บางทีเขาชวน เราก็โอเคนะ อาบน้ำอาบท่าเสร็จ อยู่ๆ เสียงลูกสตาร์ทรถก็ดังกระหึ่ม แล้วมันก็ซิ่งออกไปเลย ใครอนุญาตให้มันเอารถพ่อไปเนี่ย แล้วมันจะกลับกี่โมง จะรับโทรศัพท์ไหม อารมณ์มันก็หมดน่ะ”
เช่นเดียวกับพ่อแม่แทบทุกคู่ ลูกก้าวเข้ามาในชีวิตเหมือนเป็นสัญลักษณ์แสดงจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัยคู่รักตัวติดกัน ตอนนี้เพียงแค่โอบเอว จูบหัวไหล่ หรือบีบฝ่ามือให้กำลังใจกันเบาๆ ก็ถือเป็นการแสดงความใกล้ชิดมากที่สุดแล้วที่หาได้ในชีวิตประจำวัน เซ็กส์ที่เคยเป็นกิจกรรมเพื่อความสนุกตื่นเต้นล้วนๆ กลายเป็นกิจกรรมที่จะทำต่อเมื่อมีวาระซ่อนเร้น เช่น เพื่อผดุงครอบครัว รักษาชีวิตสมรส ต่อยอดโปรเจ็กต์ขอถอยรถคันใหม่ หลีกเลี่ยงการทะเลาะ ฯลฯ
“มันโอเคไหม” พี่ปลายถามซื่อๆ
“แล้วพี่โอเคไหม สามีพี่โอเคไหม” ดิฉันย้อนซื่อพอกัน และก็ดังคาด พี่ปลายไม่รู้ พวกเขาไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลยด้วยซ้ำ มันน่าแปลกไหมที่คนเรายิ่งโต ยิ่งอธิบายอะไรต่อมิอะไรในโลกได้กว้างไกล มีความรู้พอกพูนถึงดวงดาวในกาแล็กซีอื่น แต่กลับรู้น้อยลงเรื่อยๆ เมื่อพูดถึงคนใกล้ตัวที่สุดของเราและสิ่งที่อยู่ในใจของเขา
ดิฉันยังไม่เคยมีลูก ยังไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับเพศตรงข้ามนานเกิน 10 ปี ดิฉันพูดไม่ได้ว่าเข้าใจความรู้สึก พูดไม่ได้ว่าใครผิดหรือถูก แต่ดิฉันหรือแม้แต่เด็กประถมก็พูดได้ว่า ไม่ปกติแน่ ถ้าสามีภรรยาไม่รู้ใจกันและกัน ไม่ว่าจะด้วยภาษาพูดหรือภาษากาย และหากไม่รู้ใจกันนานพอ มันก็จะทำให้พวกเขาไม่รู้วิธีสัมผัสกันและกันอีกต่อไป
คู่ชีวิตสูงวัยบางคู่อาจมีความสุขดีที่ได้มีเซ็กส์กันปีละครั้งในวันครบรอบแต่งงาน และบางคู่ที่ลูกหลานย้ายออกไปมีครอบครัวตัวเองหมดแล้ว ก็อาจกลับมาเซ็กส์สะบึมกันใหม่ กลายเป็นกุ๊กกิ๊กอาทิตย์ละสองครั้ง คู่รักวัยเยาว์อาจโอเคกับความถี่แบบวันเว้นวัน หรือเด็กมหาวิทยาลัยบางคู่อาจฟินสุดๆ กับการได้ช่วยกันแก้สูตรเคมี จนการมีเซ็กส์สองเดือนครั้งเป็นเรื่องที่โอเคแล้ว คำตอบก็คือมันไม่มี Norms สำหรับเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ พฤติกรรมเซ็กส์คนยุคปัจจุบันถูกหล่อหลอมขึ้นจากสังคมและวัฒนธรรมในระดับที่พอๆกับ (หรืออาจมากกว่า) สัญชาตญาณความต้องการแต่กำเนิด เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องเดียวกับรสนิยม คนบางคนดมกางเกงในแฟนแล้วฟิน ถ้าแฟนชอบให้ดมเหมือนกัน เรื่องมันก็แฮปปี้เอนดิ้งจริงไหมคะ คีย์เวิร์ดของคำถามจึงอยู่ที่ว่าคุณสองคน ‘แฮปปี้’ กับชีวิตเซ็กส์ที่เป็นอยู่หรือยัง และคำตอบของทั้งคู่มันตรงกันไหม
ผู้จัดการสาวใหญ่กลับไปทบทวนตัวเองจนพบว่าเธอมีความสุขดีกับเซ็กส์นานๆ ครั้งอย่างที่เป็นอยู่ เธอพบว่าเวลาที่เขาจูบเธอเบาๆ คืนที่เธอกลับบ้านดึก ทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ เทียบไปแล้วเธอชอบมากกว่าการมีเซ็กส์ที่ต้องใช้เวลานาน ต้องล้างหน้าแปรงฟันกันก่อน (เป็นข้อตกลงร่วมกัน) และตั้งแต่เขาลงพุง เธอก็รำคาญเสียงไขมันหน้าท้องของเขาย้วยมากระทบท้องน้อยของเธอดังแปะๆๆ เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม “ไม่ซีเรียสหรอกนะ แต่คิดว่านานๆ ทีดีกว่า” นั่นคือคำตอบของพี่ปลาย จากนั้นเธอก็ตัดสินใจถามหาคำตอบจากสามีเช่นกัน เธอว่าเธอพร้อมจะปรับตัวหากความต้องการของเขาไม่ตรงกับเธอ ไม่ว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ตาม
“แล้วเขาว่าไง” ดิฉันรู้สึกตื่นเต้น
“ก็เลยได้ไอ้กล่องบ้านี่มาไง” พี่ปลายมองซ้ายมองขวา แล้วหยิบกระดาษคู่มือจากกล่องกามาสุตรามาให้ดิฉันช่วยพิจารณา เธอมั่นใจว่าดิฉันช่วยได้แน่ ดิฉันก็เคยมั่นใจตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าต้องมานั่งเกาหัวแกรกๆ ให้เป็นที่น่าเวทนาเช่นนี้ มันต้องมีความผิดพลาดในการแปลมาจากภาษาอินเดียแน่ๆ