ครั้งแรกในรอบ 91 ปี ไอริชผับกลับมาเสิร์ฟเบียร์รสเลิศใน "วันศุกร์ประเสริฐ"

ครั้งแรกในรอบ 91 ปี ไอริชผับกลับมาเสิร์ฟเบียร์รสเลิศใน "วันศุกร์ประเสริฐ"

ครั้งแรกในรอบ 91 ปี ไอริชผับกลับมาเสิร์ฟเบียร์รสเลิศใน "วันศุกร์ประเสริฐ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผับในประเทศไอร์แลนด์ (Irish Pub) กลับมาเปิดให้บริการใน ‘วันศุกร์ประเสริฐ’ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบศตวรรษ หลังจากยกเลิกกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันหยุดของคริสเตียน

ในอดีต กฎหมายที่เกี่ยวกับสุราของประเทศไอร์แลนด์ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1927 โดยประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดตามร้านค้า และผับบาร์ใน 3 วันสำคัญทางศาสนาคริสต์ นั่นคือ ‘วันศุกร์ประเสริฐ’ (Good Friday) หรือวันที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ตรงกับวันศุกร์ในสัปดาห์เดียวกับอีสเตอร์ ต่อด้วย ‘วันคริสต์มาส’ (Christmas Day) หรือวันเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี และสุดท้ายคือ ‘วันนักบุญแพทริค’ (St Patrick's Day) หรือวันสิ้นชีพของนักบุญผู้ปกป้องคุ้มครองไอร์แลนด์ ตรงกับวันที่  17 มีนาคมของทุกปี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับสุราผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อย โดยประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามเดิม พร้อมกับอนุญาตให้ผับบาร์เปิดประตูต้อนรับนักดื่มได้ตั้งแต่เวลา 10.30-24.30 น. ขณะเดียวกันตามร้านค้าท้องถิ่นก็ได้รับอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมา คนไอริชจำนวนมากมักซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากักตุนก่อนหน้าวันสำคัญของศาสนาคริสต์ หรือไม่ก็เลือกซื้อตั๋วเดินทาง เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อยกเว้นสำหรับการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาบนรถไฟ เรือ และโรงแรม

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแสดงความยืดหยุ่นของคริสตจักรคาทอลิกในไอร์แลนด์ที่เห็นได้ชัด แม้ตามความเป็นจริงมันอาจจะเกิดจากการล็อบบี้ของอุตสาหกรรมที่อ้างว่า ‘ส่งเสริมการท่องเที่ยว’ ก็ตามที

นอกจากนั้น ทางด้านสหพันธ์วินท์เนอร์ (Vintners Federation) ของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นองค์กรการค้าที่มีผู้ประกอบการเป็นสมาชิกอยู่กว่า 4,000 ราย ได้ออกมาประมาณการว่า การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันศุกร์ประเสริฐจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผับไอริชมากกว่า 40 ล้านยูโร

“การท่องเที่ยวช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุด เช่น ช่วงเทศกาลอีสเตอร์อันสนุกสนานครื้นเครง” เดวิด สแตนตัน (David Stanton) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและความเสมอภาค กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook