ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง คนหล่อ คนตลก หรือคนบ้า?

ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง คนหล่อ คนตลก หรือคนบ้า?

ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง คนหล่อ คนตลก หรือคนบ้า?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนรุ่นผม (แน่นอน ไม่ใช่รุ่นใหม่) เรารู้จักผู้ชายคนนี้จากภาพยนตร์เรื่อง รองต๊ะแล่บแปล๊บ (พ.ศ.2535) เขาคือนักแสดง/นายแบบหนุ่มลูกครึ่งที่หล่อสูสีตีคู่มากับทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, โดม-ปกรณ์ ลัม...


ใช่แล้ว ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง เคยเป็นพระเอก! ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักแสดงตลกที่มีลูกบ้าเต็มเหนี่ยวอย่างที่คนรุ่นถัดมารู้จัก มันพลิกผันกันไปได้ไง เราจะคุยกัน ส่วนชีวิตส่วนตัว ตั๊กเคยเป็นหนุ่มเจ้าชู้ ก่อนจะกลายมาเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งที่รักลูกรักเมียสุดหัวใจอย่างทุกวันนี้ ภรรยาของเขาเป็นชาวต่างชาติ และตัวตนของเขาก็เติบโตมาจากบทบาทเก่าๆ ที่เราจำได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตั๊กทำให้เราเห็นแล้วว่า ชีวิตนั้นไม่ได้มีบทบาทเดียว และไม่ต้องหัวเราะนำก่อนเสมอไป อาจจะเริ่มต้นด้วยน้ำตาก็ได้... แต่สำหรับเขา ตอนจบขอให้มันมีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะเล็กๆ ก็พอ

นี่คงเป็นคำถามที่หลายคนอยากถาม คุณเป็นคนตลกหรือเป็นคนบ้ากันแน่
ผมว่าผมเป็นทั้งสองอย่าง มันเป็นบุคลิกส่วนตัวครับ เวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทจริงๆ ผมก็จะเป็นแบบที่คุณเห็นนี่แหละ ค่อนข้างจะโผงผาง เอะอะ โวยวาย ลุคหล่อไม่ค่อยมี นั่นแหละตัวตนของผมจริงๆ แต่แรกๆ ตอนเข้าวงการคนจะเห็นว่าผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ซึ่งผมก็เครียดนะ คือผมไม่อยากดูหล่อตลอดเวลา มันไม่ใช่ผมเลย

พอผมกลับจากเมืองนอก พี่จ๊อบ-นิธิบอกผมว่า เฮ้ย เอ็งลองปรับเปลี่ยนบุคลิกของเอ็งดีกว่า ลองเป็นตัวของตัวเองดู ก็เลยเกิดการพลิกบุคลิกของตัวเองมาเป็นอย่างที่หลายคนเรียกว่าบ้า แล้วก็บวกกับเรามาเล่นตลกด้วย ก็เลยเป็นบ้าบวกตลก ก็ดีนะ เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่ยังไม่มีใครมี แรกๆ คนดูก็ยังไม่เก๊ต เฮ้ย ผมเป็นคนบ้าหรือเปล่า เอะอะโวยวาย ฉีกเสื้อออกทีวีตลอด พูดจาก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง โดนด่าอยู่เหมือนกัน แต่เราเองก็ต้องปรับตัวด้วยครับ ปรับตัวให้เข้ากับงาน ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปบ้าเอะอะโวยวายตลอดเวลา กลายมาเป็นบุคลิกของผมเองจนทุกวันนี้ ซึ่งนี่แหละตัวตนของผมจริงๆ ถ้าให้ใครสักคนพูดถึงตั๊ก- บริบูรณ์ เขาต้องนึกถึงความสนุกสนาน ความบ้า ความน่ารัก

แต่คุณก็นับว่าเป็นคนหล่อนะ เคยเป็นถึงพระเอกไม่ใช่เหรอ
แค่แรกๆ เท่านั้นแหละครับ อู้หู หล่อ เท่ หน้าลูกครึ่ง ถ่ายแฟชั่น ผมเคยเป็นพระเอกมาก่อน แต่พอเราได้มาเจอทางของเรา และมันเป็นทางที่มาจากบุคลิกจริงๆ ของเราเอง จากพระเอกมารับบทตลก ผมว่าผมอินมากกว่า

เป็นข้อพิสูจน์ว่าสุดท้ายตลกก็เป็นพระเอกไม่ได้
ไม่จริงนะครับ ตลกเป็นพระเอกได้ พี่หม่ำยังเป็นพระเอกได้เลย ใช่ไหมครับ
อืม... แต่ก็ส่วนน้อย ส่วนมากจะเป็นตัวเสริม เป็นตัวสอง ตัวสาม คอยตามประกบพระเอกมากกว่า วงการบ้านเราไม่เหมือนเมืองนอก อย่างจิม แคร์รีย์ เป็นได้ทั้งพระเอกหนังตลกหนังดราม่าเลย

ให้มองตัวเอง คุณว่าคุณตลกตรงไหน
ผมว่าผมเป็นคนที่ไม่ตลกนะ แต่ที่คนรู้สึกตลกเพราะว่ามันมาจากความไม่ตลกแล้วมาเล่นตลกนี่แหละ จังหวะทั้งถูกมั่ง ไม่ถูกมั่ง บางทีก็เล่นได้ บางทีก็ฝืด แต่ว่ามันตลกเพราะฝืดนี่แหละ มันต้องปล่อยไปตามแบบธรรมชาติมันถึงจะตลกนะผมว่า เพราะผมเป็นธรรมชาตินี่แหละ ไม่ว่าจะเล่นผิดเล่นถูกคนดูเลยชอบ ผมชอบทำในสิ่งที่เขาไม่ทำกัน ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่า ฉากงานวัด คนอื่นเขามักจะถอดรองเท้าไว้ที่หน้าโบสถ์ เพื่อที่จะไปเวียนเทียนกัน แต่ผมต้องทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใคร เอาแบบกุญแจมาล็อกรองเท้าแตะไว้กับกลอนประตูเพื่อกันรองเท้าแตะหาย อันนี้มันคือสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน เกิดเป็นมุกตลกในแบบของผม ซึ่งมาจากความบ้าของผมเองที่ชอบทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน

ความตลกของคุณมีผลในการจีบผู้หญิงไหม
มีนะครับ ก็ได้ตลอดนะ เฮ้ย! (หัวเราะ) หมายถึงแต่ก่อนนะ เวลาจะเข้าไปจีบผู้หญิง ถ้าเกิดไปแบบมาดนิ่งๆ หล่อๆ มักจะไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีลูกล่อลูกชนที่ดี น่ารักใสๆ ผู้หญิงจะชอบมากกว่าผู้ชายที่มีฟอร์ม คือเขาสามารถสัมผัสได้ง่ายกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องจีบหญิงเท่านั้นหรอกครับ เรื่องงานเองก็ด้วยครับ เวลาผมไปคุยงานหรือไปเสนองาน ถ้าผมนั่งนิ่งๆ พูดน้ำเสียงธรรมดาๆ เสนองานไปเขาไม่เอาเลยนะ แต่ถ้าผมไปเสนองานแล้วพูดเหมือนเล่นในรายการ มันก็จะมีความน่าตื่นเต้น ที่ทำให้เขาสนใจเราเขาก็ซื้อ

คุณจีบภรรยาของคุณยังไง ใช้อารมณ์ขันในการจีบหรือเปล่า
เปล่าเลยครับ ผมใช้ความหล่อ ความเท่ แต่แค่ตอนแรกๆ นะ แล้วต่อมาพอมีโอกาสพาเขาออกไปกินข้าว เราเองก็เริ่มๆ แล้ว ตัวตนเริ่มออก คือผมไม่สามารถนั่งหล่อตลอดเวลาได้อ่ะ

สรุปแล้ว คุณจีบภรรยาติดเพราะคุณเป็นคนตลก
ความเสมอต้นเสมอปลายมากกว่านะครับ แต่ผมก็จะมีทริกในการจีบ เราจะไม่รุกเขาอยู่ฝ่ายเดียว เราต้องมีจังหวะในการถอยด้วย ถ้าเกิดเราไปรุกตลอด เขาอาจจะกลัวเรา เราต้องรุกบ้าง ถอยบ้าง ปนกับความน่ารักด้วย ทีเล่นทีจริงบ้าง

แล้วภรรยาของคุณว่ายังไง อย่างเวลาเห็นคุณฉีกเสื้อกลางรายการอย่างนี้
แรกๆ เขาก็ด่าครับ ยูไปทำอะไรแบบนี้ ผมก็ตอบไปว่า เฮ้ย นี่แหละมันคือสิ่งที่ฉันเป็น บุคลิกของฉัน แต่ว่าผมเองก็มีลิมิต แต่โดยส่วนตัวเวลาที่ผมอยู่กับครอบครัว ผมแทบไม่ตลกเลยนะ ผมก็เป็นคนปกติธรรมดาๆ นี่แหละ ไม่ใช่อยู่กับเมียต้องเล่นตลกให้เมียดู แต่ผมชอบทำให้คนรอบข้างมีเสียงหัวเราะ มันทำให้มีความสุขนะที่ได้เห็นคนรอบข้างเราได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ผมมองว่าการที่เราจะเล่นตลกแล้วทำให้คนหัวเราะได้ คนในที่นี้หมายถึงคนจริงๆ ไม่ได้หมายถึงคนดูอย่างเดียว ผมหมายถึงตากล้อง ทีมงาน ให้เขาหัวเราะได้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก

พอมาเป็นพ่อ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับ
เปลี่ยนเยอะมากเลยครับ ผมเคยบอกกับเมียว่าจะไม่แต่งงาน จะไม่มีลูก แต่พอมาทุกวันนี้ คิดว่าตัดสินใจช้าไปนิดหนึ่ง มีลูกช้าไปหน่อย ผมไม่อยากมีลูกเพราะว่าเราเองก็เห็นสังคมว่ามันเป็นอย่างนี้ ลูกจะโตมาในสังคมแบบนี้เหรอ และโดยส่วนตัวผมเอง ผมก็ไม่มีพ่อมีแต่แม่ แล้วผมก็เป็นคนเบื่อง่าย ใจแข็ง แล้วก็ไม่ชอบไปง้อผู้หญิง ผมก็เลยกลัวว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น กลัวจะเลี้ยงน้องได้ไม่ดี แต่ว่ามันคือความคิดที่ผิดนะครับ

วันหนึ่งเมียผมเดินมาหาผมบอกว่าเขาอยากมีลูก ผมบอกผมไม่เอา เราอยู่กันแค่สองคนพอแล้ว หลังจากวันนั้นเขาก็ดูซึมเศร้าไปเลย แล้วเขาก็บอกกับผมว่า ในชีวิตนี้เขาไม่ต้องการเงินจากผมเลยนะ เขาขอเพียงแค่ลูกอย่างเดียว ขอได้ไหม ผมบอกไม่เอาๆ จนวันหนึ่งมานั่งคุยกันใหม่ ตัดสินใจกันใหม่ แฟนผมเขาเป็นคนมาเลเซีย ผมก็ไปดึงเขาให้ย้ายมาอยู่กับผม เขามาอยู่เมืองไทย ไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร มีแต่ผมแค่คนเดียว ผมก็เลยตัดสินใจมีลูก หลังจากนั้นมาเขามีความสุขมาก ผมเองก็มีความสุขมาก ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เมียคนนี้

นอกจากจะมีลูกแล้ว คุณยังกลายมาเป็นเจ้าของบริษัทด้วย
มันถึงวัยแล้วครับ แล้วเราก็ต้องมองการณ์ไกลไว้ เราเข้ามาในวงการบันเทิง สมัยก่อนเรายังไม่ดัง เราก็ต้องหาหนทางทำให้มันดังให้ได้ ทำให้มันสุดความสามารถก่อน ทำมาเรื่อยๆ จนทุกคนเริ่มจะรู้จักเราแล้ว ตอนนี้เราเองก็ต้องมองข้ามช็อตแล้ว ถึงวันที่เราต้องมาเปิดบริษัท ถึงวันที่เราต้องมาจ้างเขาบ้างแล้ว ไม่ใช่เขามาจ้างเราอย่างเดียว

แต่ก็ยังคงเป็นรายการบันเทิงที่ให้อารมณ์ขันอยู่
ใช่ครับ ผมมองว่าเสียงหัวเราะมันสามารถเสพได้ง่ายกว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวบ้านทั่วๆ ไป หรือคุณจะรวยล้นฟ้า สุดท้ายทุกคนก็ต้องการหัวเราะ ต้องการอารมณ์ขัน ทำรายการเครียดๆ ถามว่าคนดูไหม ดู แต่ถ้าเกิดมีตลกมาแทรกมันก็จะยิ่งน่ารักกันมากขึ้น เครียดบวกตลกด้วยก็ยิ่งสนุกไปกันใหญ่

ถ้าย้อนกลับไปรีวิวชีวิตตั้งแต่ต้น คิดว่าตัวเองเดินมาถูกทางหรือยัง
ผมคิดว่าผมเป็นคนสู้ชีวิต ผมมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้มา มันไม่ใช่ได้มาง่ายๆ แล้วยิ่งมาทำบริษัทของตัวเอง ทุกคนเหนื่อยกันหมด ทุกคนสู้กันหมด ไอ้สิ่งนี้แหละผมจะสอนกับลูกผมว่า ลูกต้องสู้นะ ถ้าหนูอยากจะมีชีวิตที่ดี อยากจะเป็นคนที่พิเศษ ทุกคนก็เป็นคนที่ดี ทุกคนน่าสนใจเหมือนกันหมด แต่ว่าคุณจะเป็นคนที่พิเศษหรือเปล่า อันนี้แหละที่คุณต้องสู้ คุณต้องสร้างความพิเศษนั้นด้วยตัวเอง

ถ้าชีวิตคุณเป็นหนัง มันเป็นหนังประเภทไหน
หนังตลกสิครับ แต่อาจจะไม่ใช่ตลกแบบที่ผมเล่นในรายการโทรทัศน์ เป็นตลกที่ดูขื่นๆ หน่อย จากที่ไม่เคยมีอะไร จนมาก และไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรด้วย จนมาถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ผมอายุ 35 ปีแล้ว ทำได้เท่านี้ มันตลกมากนะ แต่ผมก็แฮปปี้ ภาคภูมิใจมากนะครับ

“ผมว่าผมเป็นคนที่ไม่ตลกนะ แต่ที่คนรู้สึกตลกเพราะว่ามันมาจากความไม่ตลกแล้วมาเล่นตลกนี่แหละ จังหวะทั้งถูกมั่ง ไม่ถูกมั่ง บางทีมันตลกเพราะมันฝืดน่ะ”

“ตอนจีบภรรยา ผมใช้ความหล่อ ความเท่ ตอนแรกๆ นะ ต่อมาพอมีโอกาสพาเขาออกไปกินข้าว เราเองก็เริ่มๆ แล้ว ตัวตนเริ่มออก คือผมไม่สามารถนั่งหล่อตลอดเวลาได้อ่ะ”

“ผมชอบทำให้คนรอบข้างมีเสียงหัวเราะ คนในที่นี้หมายถึงคนจริงๆ ไม่ได้หมายถึงคนดูอย่างเดียว ผมหมายถึงตากล้อง ทีมงาน ให้เขาหัวเราะได้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook