เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ "การส่งวิญญาณ" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ "การส่งวิญญาณ" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ "การส่งวิญญาณ" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ ตอน  การส่งวิญญาณ

หลังจากเรื่องของ “ตุ๊กตาคุณไสย” ผ่านไป ฉันก็หวนกลับมามอง “หนังสือตำราไสยศาสตร์” ด้วยมุมมองใหม่อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือฉันเชื่อมากขึ้นว่า พลังของไสยศาสตร์มีอยู่จริง

อันที่จริง ไม่ใช่ว่า “ไม่เชื่อ” เพราะมีชีวิตภาคหนึ่งอยู่กับสิ่งเร้นลับมาตลอด แต่เป็นเพราะว่าฉันเองมีความคิดเช่นกันว่า คนเราควรหมั่นตรวจสอบตัวเอง พิจารณาตัวเอง ว่าเรายังแยกแยะมีวิจารณญาณได้อยู่หรือไม่ เราหลงทางไปหรือยัง ที่สำคัญ เราแยกความคิด ความมโน อัตตา การมีศรัทธาอย่างมืดบอดและมีเหตุผล ออกได้จริงหรือไม่

เหตุการณ์เรื่องตุ๊กตาคุณไสย ยังบอกฉันอีกอย่างว่า ไสยมืดเป็นของแท้ แต่เจตจำนงที่ชัดเจนสว่างไสว เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในตัวมันเอง

พร้อมกันนั้น ในเวลาต่อมาก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ มากขึ้น ซึ่งบางส่วนก็ไม่แน่ใจว่าเพราะฉันเปิดกว้างเกือบหมดใจ หรือเพราะมันเป็นไทม์ไลน์ชีวิต เป็นจังหวะเวลา

ฉันได้พบว่า ตัวเองสามารถอ่านดวงชะตารู้วันมรณะของคนเป็นได้อย่างแม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ

บทพิสูจน์เหล่านั้นอยู่ในบันทึกการพยากรณ์จำนวนมาก และมีพยานหรือญาติพี่น้องของผู้ตาย และก็เริ่มได้เข้าเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความตายของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

จนอดไม่ได้จะคิดถึงชีวิตของพ่อ และสิ่งที่พ่อได้ถ่ายทอดไว้

พ่อเคยเล่าว่า ในช่วงสมัยหนึ่ง ตอนที่พ่อยังแข็งแรงอยู่มาก (พ่อเสียชีวิตตอนอายุ 85 ปี) พ่อมีงานอย่างหนึ่งที่ผู้คนมักมาร้องขอ คือการจุดเทียนให้กับผู้ป่วยไข้

สำหรับทางเหนือล้านนาบางแถบถิ่น เช่นแถวที่เราอยู่นั้น หากสมาชิกครัวเรือนที่เป็นผู้สูงอายุมีอาการป่วยไข้หนักหนา หรือป่วยเรื้อรังจนทุกข์ทรมาน บางครั้งญาติผู้ป่วยจะมาสอบถามกับพ่อ ว่าผู้ป่วยจะยังหายได้ หรือจะไม่มีทางรักษา

การพอจะรู้แนวทาง จะช่วยในการตัดสินใจเตรียมตัวรับมือในด้านต่างๆ รวมทั้งการทำให้วาระสุดท้ายของผู้ป่วยเป็นไปโดยสงบงาม

ในบางคน เมื่อพิจารณาร่วมกันดีแล้ว ญาติจะขอให้พ่อช่วยจุดเทียนให้ ว่าหากผู้ป่วยยังสามารถไปได้ต่อบนเส้นทางโลกมนุษย์ ในสามวันเจ็ดวัน อาการจะดีขึ้น แต่หากไม่ไหว มักได้เสียชีวิตลงในสามวัน

พ่อเล่าว่า ส่วนใหญ่จะเพียงผ่านคืนนั้นไปถึงเช้าเท่านั้น

มีรายหนึ่ง ญาติมาขอว่าผู้สูงอายุในบ้านทุกข์ทรมาณมาก จะไปก็ไม่ไปสักที พ่อไปดูถึงที่บ้านก็ให้เวทนา จึงกลับมาทำเทียนให้ไปจุดไว้หัวนอน รุ่งเช้าพ่อไปตลาด ได้ยินคนที่ตลาดพูดกันว่า ผู้ป่วยนั้นเสียชีวิตแล้ว

คือการสิ้นเวรกรรม ได้จากไปตามวาระเวลา

เคสที่พ่อไปจุดเทียนให้มีค่อนข้างมาก และทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งก็มีความนับถือศรัทธาในตัวพ่อ ทำให้พ่อได้ชื่อว่าเป็นปู่จารย์ที่มีวิชา

แต่กระนั้นก็ตาม ฉันเองไม่ได้คิดว่าวันหนึ่ง ตัวเองจะต้องได้มาทำอย่างเดียวกับพ่อ

ทำไมการจุดเทียนจึงสามารถใช้ส่งดวงวิญญาณได้?

สิ่งนี้ พ่อได้สอนเอาไว้ว่า คนเรานั้นมีกายเนื้อและมีจิตวิญญาณ และในสิ่งที่ซับซ้อนของคำว่าจิตวิญญาณ ยังมี“เจตภูติ” หรือ “กายทิพย์” แฝงอยู่อีก

คิดเทียบภาษาวิทยาศาสตร์ มันอาจจะใกล้เคียงกับคำว่า จิตใต้สำนึก และจิตไร้สำนึก ก็ได้ เพียงแต่มันไม่ใช่ความคิด มันเป็นมวลพลังงาน

เมื่อสังขารร่างกายเสื่อมโทรมลง แต่ดวงจิตภายในและกายทิพย์อาจเป็นอีกเรื่อง พลังงานสำหรับเชื่อมต่อกับโลกมนุษย์อ่อนแอ แต่พลังงานที่เชื่อมต่อกับมิติอื่นๆ ยังคงเข้มแข็งก็ได้ การจุดเทียนคือการส่วนผสมขององค์ประกอบการบรรจุพลังงานอีกชุดหนึ่ง ที่จะเข้าไปเจรจาสื่อสารกับพลังงานทิพย์เหล่านั้น

เทียนยันต์ จึงจะประกอบไปด้วยอักขระคาถาที่เป็นประตูเชื่อมสัญญาณ เหมือนการเขียนโคดลงไปในระบบให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นตัวป้อนรหัสพาสเวิร์ด เปิดโปรแกรมบางอย่าง พอเกิดการจูนเชื่อมผ่านเราเตอร์ ( Router ) จนถึงรับ-ส่งวงสัญญาณ Wi-Fi กันได้แล้ว เมื่อโลกคู่ขนานอันเป็นอีกเลเยอร์ของมิติเปิดขึ้น เราก็จะสื่อสารกับดวงวิญญาณหนึ่งๆ ได้

สารที่ส่งไปถึงดวงจิตวิญญาณนั้น คือสิ่งที่ผ่านไปกับมนตรา ภาษา กระแสเสียง กระแสคลื่น ให้ดวงจิตวิญญาณได้รับรู้ความปรารถนาดี ความรัก ความห่วงใย และการชี้บอกทางที่ควรไปหากถึงเวลาต้องไป และเมื่อดวงจิตวิญญาณเหล่านั้นได้รับสาร ก็มักจะปล่อยวางร่างเนื้อได้ เพราะเข้าใจแล้วว่า มันถึงเวลาต้องไป

เมื่อคนเรามาเกิด คือการชุมนุมของธาตุทั้งหลาย เมื่อคนเราตาย คือการสลายของเหล่ามวลธาตุ แต่ในโลกอันคู่ขนาน ตามความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ดวงจิตวิญญาณยังอยู่ เราแค่เปลี่ยนพื้นที่ในการดำเนินชีวิต และบางครั้งเปลี่ยนลึกถึงรูปลักษณ์ร่องรอย

เขียนมาถึงตอนนี้ ก็ยังอดคิดเองไม่ได้ว่า มันก็อาจจะคล้ายๆ การมีโลกแบบเมตาเวิร์ส (Metaverse) นั่นไง  เพราะถ้าไม่มีเครื่องมือให้เข้าไปถึง ก็ไม่อาจเข้าใจได้ลึกซึ้งหรอกว่า มันมีอยู่อย่างไร

ในชีวิตของพ่อ จึงมีการจุดเทียน จุดประทีป ให้กับคนเป็นและคนตายอยู่มากมาย ในชีวิตของฉัน พอวันหนึ่ง ก็จึงเป็นอย่างที่บอกว่า เหมือนเรื่องตลกร้าย ฉันเองก็เริ่มได้มีงานส่งวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ

มีตัวอย่างมาให้อ่านกัน จากบันทึกดวงชะตา และส่วนงานสายพิธีกรรมส่งวิญญาณ

(บันทึก)

27 พฤศจิกายน 2564

แจ้งบอกเจ้าชะตาผู้หนึ่งไปว่า

"ตรวจทางกาลจักรลัคน์จร เตือนถึงการพลัดพรากสูญเสียญาติผู้ใหญ่ จากตอนนี้ไปถึงมีนาคม 2565 จึงนับว่าเป็นช่วงสำคัญอยู่ไม่น้อยที่จะต้องดูแลญาติผู้ใหญ่ให้ดีๆ"

และ

"ดวงชะตาของคุณแม่ ท่านค่อนข้างจะอ่อนแอ และคุณ xx (ลูก) เองก็ดวงตกพอสมควร"

เจ้าชะตาตอบกลับมาว่า

"คุณแม่ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 อยู่ค่ะ"

จึงได้ส่งยันต์อุษณีย์ไปให้

(และได้รับข้อความต่อมาว่า)

“จากที่อาจารย์เคยให้ระวังในเดือนมีนาคม เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ คุณหมอแจ้งว่า คุณแม่มีเวลาอีก 3 เดือนค่ะ เนื้องจากก้อนที่ตับโตขึ้นเยอะมาก

ตอนนี้คุณแม่ยังรู้สึกตัวดีค่ะ ตอนกลางคืนจะมีไม่สบายตัว ผุดลุกนั่งลุกเดินบ้าง หลง เพ้อบางคืน

อยากจะเรียนสอบถามอาจารย์ว่า หากถึงเวลานั้นมีทางใดที่เป็นทางช่วยให้คุณแม่ไปอย่างสงบ โดยไม่เจ็บปวดมั้ยคะ

การจุดประทีป จะช่วยได้มั้ยคะ"

16 มีนาคม 2565

ออกคำพยากรณ์ไปให้บุตรสาวของผู้ป่วยว่า ดวงนี้ มีดาวอังคารเป็นดาวอายุ 

ในช่วงตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป เป็นช่วงสำคัญทางสุขภาพของเจ้าชะตาอย่างยิ่ง วันที่ 31 มีนาคม 2565 *จะเป็นอีกวันหนึ่งที่อาจจะมีวาระอาการกำเริบแทรกซ้อนได้

พิจารณาทางดวงกาลจักรลัคน์จร  เป็นได้ว่าเจ้าชะตาจะเริ่มมีปัญหาสุขภาพอย่างสำคัญมาตั้งแต่มิถุนายน 2564 ส่วนในดวงจรปัจจุบัน

วันที่ 7 เมษายน 2565  เจ้าชะตาอาจจะมีอาการทรุดลงได้อีก

พยากรณ์ว่า หากจะให้เจ้าชะตาจากไปโดยสงบ เหมาะจะใช้ฤกษ์ยามก่อนวันที่ 7 เมษายน 2565 โดยให้เป็นวันที่ดาวจันทร์อยู่ในฤกษ์ที่ดี

พิจารณาว่า วันที่ 24 มีนาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 18.59 น. เป็นต้นไป  เป็นวันที่ฤกษ์ยามดีสำหรับการทำมงคลให้แก่ดวงนี้

จึงจะจุดประทีปให้เจ้าชะตา ในวันที่ 24 มีนาคม 2565 ตรงกับวันจันทร์ เจ้าชะตาจะมีอายุ 70 ปี 4 เดือน 12 วัน

โดยการจุดประทีป เพื่อประสงค์ส่งบุญกุศลให้เจ้าชะตา ให้ได้รับความสะดวกสบาย สงบ ผ่อนคลายความเจ็บปวดเท่าที่จะทำได้ และให้ได้พักผ่อนในช่วงวาระบั้นปลายของชีวิตอย่างอบอุ่นกับลูกหลาน

(เบื้องหลังคำพยากรณ์)

ที่บอกไว้ว่า ให้ใช้ฤกษ์ยามก่อนวันที่ 7 เมษายน 2565 เพราะพิจารณาแล้วว่า ดวงชะตาจะสิ้นสุดเต็มที่ ไม่เกินวันที่ 7 เมษายนนี้แล้ว

และวันที่ดาวจันทร์เสวยฤกษ์ตรงตำแหน่ง คือวันที่ 3 เมษายน

วันที่ 5 เมษายน จันทร์จะยกเข้าเรือนมรณะ เสวยฤกษ์ในตรียางค์มรณะ จึงคิดว่า อย่างเต็มที่ ผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตประมาณวันที่ 4 - 5 เมษายน 2565 

3 เมษายน 2565

มีข้อความส่งมาว่า

08.35 น.

"แอดมินคะ มีเรื่องด่วนค่ะ ขอติดต่ออาจารย์ได้มั้ยคะ

คุณแม่น่าจะถึงวาระสุดท้ายแล้ว วันนี้อาจจะต้องให้มอร์ฟีนเพื่อหลับค่ะ อยากให้อาจารย์ดูวันเวลาของคุณแม่ค่ะ

เมื่อได้รับแจ้ง จึงเข้าไปดู และได้สนทนากับลูกสาวของผู้ป่วย

(บทสนทนา)

ข้าพเจ้า : “...จากช่วงคำทำนายเดิมนะคะ ที่ดูไว้ ว่าช่วงเวลาคุณแม่ อยู่ประมาณก่อน 7 เมษายน

สำหรับวันนี้ ดาวจันทร์ของคุณแม่จะอยู่ในเรือนที่ 7 ลัคนาจรของท่านเข้าเรือนมรณะอยู่ ตั้งแต่เวลา 08.39-10.40

เวลา 10.41 -12.53  เป็นช่วงศุภะของท่าน เวลาของวันนี้ ดีสำหรับท่านไปจนถึง 16.52 น.

ดังนั้น ช่วงที่ไม่ดีของท่าน จึงคือเวลา 08.39-10.40 และ 16.52 น. เป็นต้นไป"

บุตรสาวผู้ป่วย : "สวัสดีค่ะอาจารย์  สักครู่ปรึกษาคุณหมอ แจ้งว่าคุณแม่ไม่น่าจะดริปมอร์ฟีนได้  เนื้องจากเส้นเลือดมีปัญหาคือ คงต้องให้ท่านหมดเวลาไปเองค่ะอาจารย์ แต่ดูท่านหายใจลำบากมาก

...ถ้าเลยวันนี้ไปล่ะคะ อาจารย์"

ข้าพเจ้า : ”หากเลยวันนี้ไป วันที่ 4 เมษายนนี้ ดาวจันทร์ของท่านจะเข้าเรือนมรณะแล้วค่ะ"

บุตรสาวผู้ป่วย :"ค่ะอาจารย์  แต่ตอนนี้ไม่สามารถ คุมเรื่องเวลาได้เลยค่ะ  ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

อยากให้คุณแม่ไปในช่วงเวลาที่ดีของท่านค่ะ ถ้าเข้าเรือนมรณะ จะเป็นอะไรมั้ยคะ"

ข้าพเจ้า : หากท่านยังผ่านวันนี้ไปได้ ก็อาจจะได้ละสังขารวันที่ 4 เมษายนค่ะ

ช่วงเข้าเรือนมรณะ เป็นระยะที่ดวงชะตาอ่อนกำลังน่ะค่ะ สมมุติว่าท่านจากไปในช่วงดังกล่าว ก็เป็นไปตามวาระของท่าน และก็ใช้เวลาหลังจากนั้น ส่งท่านได้ค่ะ

ส่วนถ้าท่านจากไปในช่วงที่ผ่านจุดมรณะไป ก็ถือว่าท่านไปอย่างหมดห่วงค่ะ ส่งกำลังใจให้ครอบครัวและบุตรหลานนะคะ

...แล้วสามารถอยู่กับท่านได้ไหมคะตอนนี้

บุตรสาวผู้ป่วย :  "ตอนนี้ลูกอยู่ทุกคนค่ะ เปิดบทสวดมนต์ให้ท่านฟังค่ะ  ตอนนี้ท่านดูสงบกว่าเมื่อคืนค่ะ"

ข้าพเจ้า : ดีมากเลยค่ะ ถ้าอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว ก็ขอให้ทุกคนคิดในทางที่จะส่งผลดีแก่ท่านนะคะ ให้ท่านได้เข้าภาวะที่สงบมากที่สุด

ให้มองว่า หากท่านจากไป จะไปเพียงร่างกายที่เป็นการละสังขาร ส่วนดวงจิตวิญญาณของท่าน จะได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ภพภูมิใหม่ สู่สุคติ ให้ท่านไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว

และดวงวิญญาณของท่านอีกส่วนจะไปเป็นเทวดาบรรพบุรุษ ที่คอยปกป้องดูแลลูกหลานได้ค่ะ

ถ้าอย่างไร คืนนี้จะจุดประทีปให้ท่านด้วยนะคะ หากท่านยังอยู่ ก็จะได้ช่วยส่งดวงจิตของท่านให้สู่ความสงบมากขึ้น หากท่านจากไปในเวลาใดก็ตาม ก็จะได้เป็นการส่งพลังให้ดวงจิตวิญญาณของท่านเช่นกันค่ะ

ถ้าอย่างไร อัพเดทมาได้ตลอดนะคะ ขอให้เข้มแข็งนะคะ"

เวลา 16:13 .

เจ้าชะตาส่งสลิปโอนเงินเข้ามา 999 บาท แจ้งผ่านแอดมินของเพจเฟซบุ๊ก

“แอดมินคะ ขออนุญาตมอบค่าครู ที่อาจารย์กรุณาดูเวลาให้คุณแม่นะคะ"

16.14 น.

"ฝากอัพเดทให้อาจารย์ทราบนะคะ ตอนนี้คุณแม่ยังอาการคงที่เหมือนเมื่อเช้าค่ะ (ไม่รู้สึกตัว ไม่ลืมตา)"

อาทิตย์ลับขอบฟ้า จึงจุดประทีปส่งดวงวิญญาณให้กับผู้ป่วยไข้ตามที่ได้แจ้งกับบุตรสาวไว้

เวลา 21:12 น. 

ได้รับข้อความแจ้งว่า  "คุณแม่เสียแล้วนะคะ ในช่วงเวลา 20.30-20.40 ค่ะ

ท่านไปสงบค่ะ ลมหายใจค่อยๆ ห่างออกค่ะ"

จึงได้สอบถามว่ากำหนดการต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง

และขอหมายเลขบัญชี เพื่อจะร่วมทำบุญให้กับผู้เสียชีวิต โอนเงินไปให้บุตรสาว 1,900 บาท

แล้วลงท้ายบันทึกไว้ว่า

“นับว่าเป็นอีกครั้ง ที่ได้อยู่ร่วมรับรู้เรื่องราวไปกับเจ้าชะตาผู้ป่วยและลูกหลาน ในช่วงวันละสังขาร เช่นเดียวกับอีกหลายราย ที่ได้ส่งกันข้ามขอบฟ้า”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook