"หวายไล่ผีของพ่อ" โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
ประสบการณ์การใช้ "หวายไล่ผี" ที่สืบทอดจากพ่อ ทำให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการ "ดีลกับผี" ต่างคนต่างอยู่ มาทางไหนไปทางนั้น!
พ่อเล่าให้ฟังว่า มีคนมาหา ขอให้พ่อช่วยไปไล่ผีให้หน่อย
Me : ผีอะไรหรือพ่อ
พ่อ : ผีเมียเก่า
Me : มันเป็นยังไง
พ่อ : อ้าย x คนบ้านใต้ เมียตายไปพักใหญ่แล้ว แต่มันว่าผียังคอยมาหา มาอยู่ด้วย จนไม่ได้หลับได้นอน ต้องมาขอให้พ่อไปช่วยไล่และจุดเทียนให้
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงราวๆ พ่ออายุใกล้ 80 ปีแล้ว ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นปู่จารย์ของหมู่บ้านอยู่ แต่ก็เริ่มเดินเหินไม่คล่องแคล่วเท่าเก่า จึงไม่รับงานไกลๆ อีก และถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ไปทำพิธีต่างบ้าน
พ่อเคยว่า เมื่อคนเราแก่ชราลง เรี่ยวแรงกำลังถดถอย ต่อให้มีคาถาอาคมเต็มตัว แต่ถ้าเจอภูติผีปีศาจที่มีความประสงค์ร้าย ก็อาจจะพลั้งพลาดได้อยู่ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการได้เปรียบ-เสียเปรียบ อันเนื่องมาจาก “ที่ตั้ง” ของแต่ละฝ่าย
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าเราเข้าไปในเขตเขา เราก็จะเสียเปรียบแต่แรก เพราะเขาย่อมมีฤทธิ์จากสิทธิ์ ทำให้เพิ่มพลังอำนาจได้เต็มที่ แต่ถ้าเขาเข้ามาในเขตเรา ตัวเราก็จะมีฤทธิ์อำนาจที่จะถือสิทธิ์ต่างๆ ได้เต็มที่เช่นกัน
นึกภาพเหมือนในหนังผีไทย ที่หมอผีจะทำวงล้อมสายสิญจน์เอาไว้เวลาทำพิธี นั่นเองคือรั้วแห่งเวทมนตร์
ทีนี้ว่า แต่ไหนแต่ไรมานั้น เวลามีคนประสบปัญหาเรื่องภูติผีปีศาจ ถูกผีเบียดเบียนรังแก หรือทักขอกินเหล้ากินไก่ ทำให้ป่วยไข้ ดวงตก ถูกผีสิง ฯลฯ พ่อก็จะเป็นคนไปขับไล่ให้ตามคำขอ ไม่มีเกี่ยงงอนว่าใกล้ไกล เพียงให้เจ้าภาพตระเตรียมสิ่งของต้องใช้ไว้ครบครันเท่านั้น
แต่พออายุมากขึ้น พ่อก็เริ่มรับงานน้อยลง ปฏิเสธไปตามความเหมาะสม แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ เวลาใครมาหา ก็จึงจะให้เครื่องรางบ้าง ยันต์บ้าง เทียนมนตร์บ้าง ให้ไปใช้แทนตัว ซึ่งหลายคนก็จะกลับมาบอกว่าได้ผลดีอยู่ไม่น้อย
แต่ในบางครั้ง ที่ยากจะปฏิเสธ เพราะเห็นๆ กันอยู่ หรืออยู่กันไม่ไกล ดั่งชายที่มาขอให้ไปไล่ผีเมีย พ่อก็จะไปทำพิธีให้ และเหตุการณ์หลังสุดนี้เอง ทำให้ฉันได้มีโอกาสรู้จัก “หวายไล่ผี” ของพ่อ
พ่อ : ตอนนั้น อ้าย x เขาว่า พอตกกลางคืน จะหลับตานอน ผีเมียก็จะเข้ามาหา ตกค่ำยามแลงเปิดประตูเข้าห้องนอน บางทีก็จะเห็นร่างเมียนอนบนสะลีอยู่ หนักเข้าก็คือมาอยู่มานอนด้วยทุกคืน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนมาหาพ่อก็คือซูบผอมไปหมดแล้ว
Me : แล้วพ่อช่วยเขายังไง
พ่อ : ก็ต้องไปไล่ให้ ว่าผีอยู่ส่วนผี คนอยู่ส่วนคน ทำเทียนให้เขาไปจุด แล้วก็เอาหวายไปไล่
หวายที่พ่อพูดถึงนั้น เป็นลำหวายเส้นอ่อนขนาดเล็กสักนิ้วก้อย ความยาวประมาณฟุตกว่าๆ ลงอักขระเป็นตัวคาถาคำเมืองเอาไว้
พ่อ : หวายนี้ทำไว้หลายรุ่น พ่อได้วิชามาจากครูบา พวกผีอันธพาลร้ายๆ เจอหวายนี่ฟาดเข้าไปเป็นอันหนีหมด
พูดพลางหัวเราะชอบใจ
Me : แล้วผีเมียของอ้าย x เขาไปเลยหรือพ่อ
พ่อ : ก็น่าจะไปเลยนะ เพราะหลังจากพ่อไปไล่ให้ ก็กินได้นอนหลับ กลับมาเป็นปกติ ร่างกายกลับมาแข็งแรงอ้วนท้วน ตอนนี้ก็คงมีเมียใหม่ไปแล้ว
ฉันได้มีโอกาสพิจารณาดูหวายของพ่อ เท่าที่ดูเป็นหวายเส้นที่ทำใหม่ไม่นานนัก
พ่อบอกว่า เคยทำไว้หลายเส้น บางเส้นยาวเป็นวา ขึ้นอยู่กับขนาดของหวายที่ได้มา แต่หลายอันก็มีคนมาขอบูชาไปบ้าง จึงให้เขาไปก็มี และหลังๆ ก็ไม่ได้คิดจะไปไล่ผีที่ไหน อีกลำหวายก็หายาก จึงไม่ค่อยได้ทำอีก
เมื่อเห็นฉันมีทีท่าสนใจ พ่อก็บอกว่า “เดี๋ยวจะสอนวิธีทำให้ ส่วนอันนี้เอาไปไว้ใช้เลย”
และแล้ว ฉันจึงได้รับหวายไล่ผีของพ่อมาตั้งแต่นั้น โดยหลังจากนั้นพ่อก็เอาสมุดจดคาถามาให้ และสอนวิธีทำเชือกคล้องคอผี การกำกับคาถา การตีผี และวิธีใช้หวายโดยละเอียด
ตอนนั้นก็ยังอดนึกขันในใจไม่ได้ ลูกบ้านอื่นเขาอาจจะได้บ้านรถที่ดินเป็นมรดก ส่วนของฉันนั้นได้วิชาไสยศาสตร์กับหวาย ว่าแต่ว่า ชีวิตนี้จะได้ใช้ไหม สมัยนี้ยังมีผีให้ไล่แบบเดิมๆ อีกหรือ
แต่แล้ววันหนึ่ง ก็ได้มีโอกาสใช้หวายไล่ผีบ้าง อย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นตอนที่พ่อเสียไปแล้ว และในบ้านของเราก็มีครอบครัวของพี่ชายเข้ามาอยู่เพิ่ม
คืนหนึ่ง ขณะกำลังนั่งทำงานอยู่ชั้นบน หลานสาวคนหนึ่งก็โทรมาเรียก บอกว่ามีผีเข้าบ้าน น้ำเสียงดูหวาดกลัวและกังวลใจ
ถามไถ่ได้ความว่า หลานว่ากำลังจะเข้านอน ก็รู้สึกว่ามีคนตัวดำๆ ร่างสูงจนเกือบจรดเพดาน ผ่านวูบเข้ามาในตัวบ้าน จะว่าผีอำก็ยังไม่ได้หลับ และมีเหตุการณ์อีกสองสามอย่าง ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่มาไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ
ในชั้นแรก ก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะในบ้านเรานั้น โดยทั่วไปจะไม่มีวิญญาณสัมภเวสีตนใดเข้ามาได้ เว้นแต่ที่ก่อนตายเคยมาทิ้งรอยเท้าไว้ เช่น เคยมีกรณีผีมาเดินในน้ำข้างบ้าน และวิญญาณบางดวงเป็นผู้เคยมาทำงานที่บ้านเรา
แล้วก็นึกได้ หรืออาจเป็นวิญญาณของชายคนหนึ่ง ซึ่งเคยมาช่วยงานที่บ้าน แล้วสิ้นชีวิตกระทันหัน แต่มีเรื่องบางอย่างตกค้างกันอยู่กับพี่ชาย ผู้เป็นพ่อของหลาน
ในที่สุดก็เลยตัดสินใจลงไปหาหลานสาวที่เรือนหลังเล็ก (บ้านเราเป็นอาคารเชื่อมต่อกัน มีส่วนสองชั้นและชั้นเดียว คั่นด้วยโถงกลาง) และคว้าหวายของพ่อติดมือไปด้วย
ต้องบอกว่า บรรยากาศเวลามีสิ่งแปลกปลอมนั้น เป็นของที่มีมวล ซึ่งถ้ามีประสบการณ์พอก็จะรู้ได้
มันเป็นมวลหนักทึบๆ และมีกลิ่นสาปสางแปลกๆ ซึ่งเมื่อเห็นสีหน้าหวั่นไหวของหลานก็พอเข้าใจได้ ว่าทำไมถึงกลัว
หลานเล่าให้ฟังว่า มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นมาหลายวัน แต่วันนี้เป็นครั้งที่เห็นว่ามีเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏ จนรู้สึกไม่ดีมากๆ
ฉันนึกถึงสิ่งที่พ่อสอนไว้ แล้วจึงบอกหลานว่าไม่ต้องกลัว
จากนั้นก็ออกเดินรอบบ้าน ใช้หวายไล่ฟาดขวับๆ ไปตามประตูหน้าต่าง บริกรรมคาถาที่พ่อสอนให้ พลางบอกสิ่งที่ไม่เห็นตัวย้ำๆ ไปว่า
“ต่างคนต่างอยู่นะ! มาทางไหนไปทางนั้น!”
ไม่น่าเชื่อว่า เพียงครู่เดียวกลิ่นสาปสางก็จางหายไป และบรรยากาศก็ค่อยๆ คลี่คลายขึ้น มวลหนาหนักสูญสลาย คล้ายๆ เหตุการณ์ที่ตลิ่งชัน (เล่าไว้ในตอนที่ 4 คืนประหลาดที่ตลิ่งชัน) และฉันก็สัมผัสได้ว่า สิ่งแปลกปลอมที่ไม่ได้รับเชิญได้ล่าถอยกลับไป
วันรุ่งขึ้น หลานบอกว่า หลับสบายดี ปลอดโปร่งใจขึ้นมาก และตั้งแต่นั้นวิญญาณตนนั้นก็หายไปนาน (มีกลับมาช่วงสั้นๆ เมื่อไม่นานมานี้หนสองหน แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรุนแรงอะไร)
ถึงวันนี้ หวายที่ได้ลองใช้ก็ยังอยู่ในห้องทำงาน อีกส่วนอยู่ในห้องพระ
บันทึกเรื่องนี้เอาไว้เพราะเห็นว่า เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งกับการใช้เครื่องมือที่สืบทอดจากพ่อ ซึ่งทำให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการ “ดีลกับผี”