อย่าขอซี้ซั้ว เทพเจ้าฮินดู องค์ไหนขอพรเรื่องอะไร

อย่าขอซี้ซั้ว เทพเจ้าฮินดู องค์ไหนขอพรเรื่องอะไร

อย่าขอซี้ซั้ว เทพเจ้าฮินดู องค์ไหนขอพรเรื่องอะไร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สายมูเตลูฟังทางนี้ เทพเจ้าฮินดูนั้นอย่าได้ขอพรซี้ซั้ว เพราะแต่ละองค์โดดเด่นในเรื่องต่างกัน เพราะฉะนั้น ก่อนจะตามใครไปขอพร ขอให้ทำความรู้จักก่อนว่าเทพเจ้าของฮินดูแต่ละองค์นั้นสามารถขอพรในเรื่องใดได้ หรือแม้แต่มองดูให้ดี ๆ ว่าเทพองค์นั้นคือเทพอะไร เพราะหากขอพรผิดองค์ อาจไม่ใช่แค่ไม่สมหวังในเรื่องที่ขอ แต่กลับตาลปัตรโชคร้ายไปเลยก็เป็นได้

การขอพรนั้นจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ เป็นเรื่องของความเชื่อ โดยเฉพาะสังคมไทยนั้น มีรากเหง้าความเชื่อแบบพุทธ พราหมณ์ ผี ผสมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ความเชื่อจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติเหล่านั้น นำมาซึ่งพิธีกรรม หลายพิธีถูกนำมาผนวกรวมกัน จนแยกไม่ออกว่าอันไหนพิธีพุทธ อันไหนความเชื่อพราหมณ์ และอันไหนคือเรื่องของผีสาง

 

ความรัก คือความต้องการหนึ่งที่มนุษย์ต้องการ

เรื่องหลัก ๆ ที่คนเรามักจะของพรต่อเทพเจ้า หนีไม่พ้นเรื่องาน เรื่องเงิน สุขภาพ และความรัก โดยเฉพาะความรัก ถือเป็นความต้องการหนึ่งที่มนุษย์ต้องการ ตามทฤษฎีลำดับความต้องการของมาสโลว์ (Maslow) ได้แบ่งระดับความต้องการของมนุษย์เป็นเป็นพีระมิด 5 ขั้น

5 ขั้นความต้องการของมนุษย์ คือ ระดับฐานรากคือความต้องการทางร่างกาย (ปัจจัย 4) ขยับขึ้นมา มนุษย์ต้องการความปลอดภัย อีกขั้นมนุษย์ต้องการสังคม ขยับขึ้นมาอีก มนุษย์ต้องการเกียรติยศชื่อเสียง และขั้นสูงสุดของความต้องการของมนุษย์ คือ ความสมหวังในชีวิต

ความรัก จัดอยู่ในความต้องการด้านสังคม เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อต้องเข้าสังคม ย่อมต้องการการมีตัวตน ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการความรัก ต้องการการยอมรัก จึงไม่แปลกที่มนุษย์จะขอพรเรื่องความรัก เพราะรู้สึกว่าตนเองขาด

ส่วนการขอพรเรื่องความรักนั้น หลายคนเชื่อ แต่ก็มีคนอีกส่วนที่ไม่เชื่อ อาจด้วยประสบการณ์ของตัวเอง หรือคำบอกเล่า ความเชื่อของคนที่ไม่เชื่อ กล่าวว่าการขอความรักทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม อาจได้เจ้ากรรมนายเวรมากกว่าได้เนื้อคู่ ส่วนในเวลาที่เหมาะสม เนื้อคู่จะมาเอง

 

ว่าด้วยเรื่องของ พระตรีมูรติ

ข่าวดังเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ การที่ประชาชนจำนวนมากแห่แหนไปทำพิธีบวงสรวง (เข้าใจว่า) เทพตรีมูรติ ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จุดประสงค์ในการขอพรครั้งนี้เป็นเรื่องของความรัก เนื่องจากในวันที่ทำพิธีกันใกล้เข้าสู่เทศกาลวันวาเลนไทน์ ทำให้หลายต่อหลายคนอยากจะเจอคู่แท้ อยากจะมีความรัก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใด

แต่สิ่งที่ผิดกลับกลายเป็นว่า เทพที่ไปนั่งทำพิธีขอพรกันนั้น ไม่ใช่พระตรีมูรติอย่างที่เขากล่าวอ้าง แต่เป็นปางหนึ่งของ “พระศิวะ” ที่เป็นหนึ่งในเทพตรีมูรติเท่านั้น ซึ่งหากสังเกตดี ๆ จะพบว่าเทวรูปสักการะหน้าห้างนั้นมี 5 เศียร ไม่ใช่ 3 เศียร จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่เทวรูปนั้นจะเป็นพระตรีมูรติ (ตรี แปลว่า สาม) พระตรีมูรติจึงมี 3 เศียรเท่านั้น ส่วนเทวรูปที่อยู่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คือ พระศิวะ 5 เศียร หรือพระศิวะปางปัญจมุขี

เทพตรีมูรติ ที่หลายคนเข้าใจว่าสามารถไปขอพรเรื่องความรักได้นั้น หลายต่อหลายคนรู้แต่เพียงชื่อ แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วพระตรีมูรติคืออะไรกันแน่ โดยพระตรีมูรตินั้น เป็นเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาฮินดู (พราหมณ์เดิม) ประกอบด้วย เทพ 3 องค์ คือ พระพรหม (เป็นผู้สร้าง) พระวิษณุ (เป็นผู้ปกปักรักษา) และพระศิวะ (เป็นผู้ทำลาย)

 

เทพปกรณัมฮินดูก็ขึ้นชื่อลือชาไม่แพ้เทพปกรณัมกรีก-โรมัน

หากใครได้มีโอกาสศึกษาตำนานเทพของทั้งฝั่งวัฒนธรรมตะวันตก และฝั่งวัฒนธรรมตะวันออก จะพบว่าเทพเจ้านั้นไม่ได้ต่างจากมนุษย์มากเท่าไรนัก เทพเจ้าของทั้งกรีก-โรมัน และของฮินดู ยังเต็มไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลง กิเลส ตัณหา

ตามตำนานของเทพเจ้าฮินดูนั้น เทพหลายองค์มีชื่อเลื่องลือไปในทางลบพอ ๆ กับทางบวก (เผลอ ๆ อาจมากกว่า) ยกตัวอย่างเช่น พระอินทร์ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยนับถือบูชา รู้จักกันอีกชื่อว่า ท้าวสหัสนัยน์ หากแปลเป็นภาษาไทยก็คือ ท้าวพันตา (มีดวงตา 1,000 ดวง) ชื่อนี้มีที่มา เริ่มแรกนั้นตาทั้งหนึ่งพันของพระอินทร์ไม่ใช่ดวงตา แต่เป็นอวัยวะเพศหญิงต่างหาก!

ตามตำนานเล่าว่า พระอินทร์เป็นเทพที่เจ้าชู้มาก นอกเหนือจากชายาใหญ่ พระอินทร์มักจะลักลอบไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นอยู่เป็นนิจ ที่มาของชื่อท้าวสหัสนัยน์เกิดขึ้นเมื่อพระอินทร์ลักลอบเป็นชู้กับภรรยาของฤๅษีตนหนึ่ง (แม้แต่ฤๅษียังมีภรรยา) พอฤๅษีตนนั้นจับได้จึงสาปพระอินทร์ที่เป็นชู้กับภรรยาตนเอง ให้มีอวัยวะเพศหญิงติดเต็มร่างกาย แต่ต่อมาได้บรรเทาคำสาป เปลี่ยนให้อวัยวะเพศหญิงนั้นกลายเป็นดวงตาแทน

ไม่เพียงเท่านั้น ตามเรื่องรามเกียรติ์ พระอินทร์ยังมีศักดิ์เป็นบิดาของกากาศ (น้าของหนุมาน น้องนางสวาหะ) แน่นอนว่าไปลักลอบมีความสัมพันธ์กับภรรยาของผู้อื่นอีกตามเคย

หรือตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือเรื่องราวของนนทก ยักษ์ตนหนึ่งที่มีหน้าที่ตักน้ำล้างท้างเหล่าทวยเทพที่เข้าเฝ้าพระอิศวร (พระศิวะ) นนทกถูกเหล่าทวยเทพกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา การที่นนทกจะรู้สึกจะรู้สึกเคียดแค้นเทวดาเหล่านั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เหล่าเทวดาเหล่านั้นเป็นถึงเทพ แต่รังแกผู้ที่ด้อยกว่า และที่สำคัญก็ไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายใครทั้งนั้น

และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือหนึ่งในเทพตรีมูรติอย่างพระศิวะเองก็เคยมีเรื่องกรณีใกล้เคียงกัน เป็นตำนานกำเนิดศิวลึงค์และโยนีของพระศิวะและพระอุมา ตำนานเล่าว่า เกิดมาจาการการที่ทั้ง 2 พระองค์กำลังเสพสมกันกลางท้องพระโรง บังเอิญว่าทวยเทพที่มาเข้าเข้าเฝ้ามาเห็นเข้าจึงพากันติฉินนินทา ทำให้พระศิวะโกรธ จนประกาศก้องทั่วสรวงสวรรค์ ว่าจะให้ศิวลึงค์เป็นเครื่องบูชาแทนพระองค์ บรรดามนุษย์และทวยเทพจะต้องกราบไหว้บูชา

 

เทพแต่ละองค์โดดเด่นเรื่องใด

พระพรหม พระพรหมนั้นมี 4 พักตร์ (พรหม 4 หน้า) พระพักตร์แต่ละทิศจะขอพรได้ไม่เหมือนกัน การไหว้ให้ครบทุกพักตร์จะเป็นการได้รับพรครบทุกประการ

  • พักตร์ที่ 1 ขอพรเกี่ยวกับเรื่องงาน อำนาจ ความก้าวหน้าในชีวิต ขอพรให้บิดา
  • พักตร์ที่ 2 ขอพรเรื่องเงินทอง ทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่
  • พักตร์ที่ 3 ขอพรเรื่องสุขภาพ ความรัก คู่ครอง ขอพรให้มารดา
  • พักตร์ที่ 4 ขอพรเรื่องโชคลาภ และขอบุตร

พระวิษณุ หรืออีกชื่อก็คือ พระนารายณ์ ซึ่งเป็นเทพแห่งการปกปักรักษา ด้วยพระวิษณุปรารถนาจะให้ทุกสรรพสิ่งบนโลกพ้นจากสิ่งชั่วร้าย และอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข จึงเน้นขอพรให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข เพราะมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ดังที่พระวิษณุ (พระนารายณ์) อวตารลงมายังโลกมนุษย์ เป็น “พระราม” จากวรรณคดีเรื่องรามายณะหรือรามเกียรติ์ เพื่อปกป้องโลกให้รอดพ้นจากวายร้ายคือยักษ์ทศกัณฐ์

พระศิวะ มีหลายปาง การบูชาในแต่ละปางก็แตกต่างกัน หากเป็นปางปกติ พระศิวะจะเป็นเทพขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นสิริมงคล อย่างไรก็ดี หากศึกษาตำนานของพระศิวะจริง ๆ จะพบว่าพระศิวะกลัวพระอุมาผู้เป็นชายามาก โดยเฉพาะพระอุมาที่เป็นปางพระกาลี ซึ่งพระศิวะเองก็ยังเคยโดนพระชายาสาปแช่งเช่นกัน

พระตรีมูรติ เทพสูงสุดทั้งสามของฮินดู มารวมองค์เป็นหนึ่งเดียว มีอานุภาพในการประทานพรที่ยิ่งใหญ่มาก จึงไม่จำเพาะอยู่ที่เรื่องของความรักเท่านั้น จริง ๆ การกล่าวกันว่า “พระตรีมูรติ” เป็นเพียงเทพเจ้าผู้ประทานความสมหวังในด้าน “ความรัก” เท่านั้น เป็นการไม่ให้เกียรติ และลบหลู่เทวานุภาพของ “พระตรีมูรติ” เลยด้วยซ้ำ หากขอพรด้วยความตั้งมั่นและประพฤติตนเป็นคนดีแล้ว พระตรีมูรติผู้ยิ่งใหญ่ สามารถให้พรผู้ศรัทธาได้ตามที่ขอ

พระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ขอพรแล้วได้ดั่งใจหวัง ทั้งเรื่องค้าขาย ร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง และที่สำคัญคือเรื่องสติปัญญา เพราะนอกจากเป็นเทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรค ยังเป็นองค์เทพอุปถัมภ์แห่งศิลปวิทยาการ และศาสตร์ทั้งปวงด้วย

พระกามเทพ กามเทพไม่ได้มีเฉพาะวัฒนธรรมตะวันตก แต่ฮินดูก็มีกามเทพเช่นกัน กามเทพเป็นเทพแห่งความรัก แปลตรงตัวเลย กาม หมายถึง ความรัก ความปรารถนา ถ้าอยากมีความรักลองขอพรจากพระกามเทพดู

พระสุรัสวดี เป็นชายาของพระพรหม เป็นเทวีผู้อุปถัมภ์ความรู้ ศิลปะ ดนตรี ปัญญา และการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่ต้องการขอพรเรื่องการเรียน การสอบแข่งขัน ขอได้กับพระสุรัสวดี

พระลักษมี เป็นชายาของพระวิษณุ (ที่อวตารลงมาเป็น “นางสีดา” ในรามเกียรติ์) เป็นเทวีแห่งความมั่งคั่ง โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง

พระอุมา เป็นชายาของพระศิวะ ปางปกติ (ด้านอ่อนโยน) พระอุมาเป็นเทวีแห่งแห่งอำนาจบารมี วาสนาอันสูงสุด ความอุดมสมบูรณ์ ความรัก การอุทิศตน แต่พระอุมามีปางโหดร้าย ชื่อว่าพระแม่กาลี หากปางนี้ปรากฏจะมีเทวานุภาพอันแรงกล้า สร้างความวิบัติอย่างรุนแรง และเด็ดขาด แม้แต่พระศิวะเองยังกลัวพระอุมาในปางโหดร้ายนี้

เพราะฉะนั้น การขอพรจากเทพเจ้าอย่าสักแต่ว่าขอ อย่าเพิ่งเชื่อต่อ ๆ กันมาว่าองค์นั้นดีอย่างนั้น องค์นี้ดีอย่างนี้ ขอเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ ขอให้ศึกษาดูดี ๆ ก่อนว่าแต่ละองค์คือเทพอะไร และเทพองค์นั้นมีเทวานุภาพอย่างไร อย่าขอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ศึกษา อาจได้ความวิบัติมากกว่าพร

ข้อมูลบางส่วนจาก สยามคเณศ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook