รีวิว Nook Simple Touch with GlowLight เครื่องอ่านอีบุ๊กจอสัมผัสพร้อมไฟในตัว

รีวิว Nook Simple Touch with GlowLight เครื่องอ่านอีบุ๊กจอสัมผัสพร้อมไฟในตัว

รีวิว Nook Simple Touch with GlowLight เครื่องอ่านอีบุ๊กจอสัมผัสพร้อมไฟในตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รีวิว Nook Simple Touch with GlowLight เครื่องอ่านอีบุ๊กจอสัมผัสพร้อมไฟในตัว

หลังจากเห็นคุณ mk ลง advertorial review เครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle Touch ผมก็เกิดอาการคันไม้คันมืออยากจะรีวิวเจ้า Nook Simple Touch with GlowLight บ้าง และพอดีว่าเพื่อนร่วมห้องผมมีเจ้า Kindle Touch อยู่ด้วย รีวิวคราวนี้จึงจะมีการเปรียบเทียบบ้าง แต่จะเน้นหนักไปทาง Nook นะครับ ส่วนของ Kindle นั้นสามารถอ่านรีวิวแบบละเอียดจาก รีวิว Kindle Touch และ รีวิว Kindle 3 ที่ผ่านมาครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวแรก ฝากด้วยแล้วกันครับ

alt text รูปลักษณ์ของ Nook Simple Touch with GlowLight (ซึ่งก็เหมือนกับตัว Simple Touch เฉยๆ) นั้นเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อ Nook แทน Kindle ครับ ด้วยความที่ตัวเครื่องหุ้มด้วยพลาสติกคล้ายๆ ยาง (ใครเคยจับ ThinkPad คงนึกออก) และเป็นสีเทาเข้มแกรไฟต์ (ได้ใจผม) ผมไม่ชอบสีเทาๆ ของเจ้า Kindle Touch เท่าไหร่น่ะครับ

(ซ้าย) Nook Simple Touch มีแค่ micro USB ไว้เชื่อมส่งข้อมูลเท่านั้น (ขวา) Kindle Touch มีช่องเสียบหูฟังพร้อมปุ่มล็อคเครื่องเพิ่มมา

alt text ในรูปอาจจะเห็นไม่ชัด แต่ว่า Nook Simple Touch มีปุ่มเปลี่ยนหน้าแบบ physical มาให้ด้วย (มีทั้งสองฝั่ง เป็นขีดๆ) ซึ่งผมว่าสะดวกดีเพราะไม่ต้องยกนิ้วโป้งบ่อยๆ ถึงแม้ว่าปุ่มจะแอบแข็งไปนิดนึง แต่เข้าใจว่าเป็นการกันกดพลาด ส่วนที่เป็นรูปตัว n ด้านล่างตรงกลางคือปุ่ม menu ครับ

ด้านหลังเครื่องจะบุ๋มลงไปตรงกลาง ซึ่งช่วยในการจับแบบไม่ใส่เคสนั้นสะดวกขึ้น ตรงกลางมีตัว n ขนาดใหญ่ และปุ่มล็อคเครื่องอยู่ด้านบน ซึ่งดีไซน์ตรงนี้ผมว่าดีกว่าของ Kindle เพราะใหญ่ดี และกดง่ายขึ้นเวลาใส่เคสแล้ว (เคส Nook ที่ผมซื้อมาจะรองรับปุ่มตรงนี้ด้วย จึงสามารถกดล็อคเครื่องได้จากเคสเลย) ซึ่งไม่มีปัญหาว่าจะกดพลาดไปเปิดล็อคจอบ่อยๆ เพราะ Nook นั้นต้อง Slide to Unlock อีกทีอยู่แล้ว

สเปคของ Nook Simple Touch ก็ไม่ต่างอะไรมากกับ Kindle Touch ครับ หน้าจอ E Ink ขนาด 6 นิ้ว หน่วยความจำภายใน 2 GB ซึ่งสามารถบรรจุคอนเทนต์ได้ 1 GB แต่จองไว้ให้คอนเทนต์ของ Barnes & Noble 750 MB เพราะฉะนั้นเหลือที่ว่างๆ ให้ผู้ใช้ sideload ได้จริงๆ แค่ 250 MB (ซึ่งก็ยังคิดเป็นหนังสือได้หลายร้อยเล่มอยู่) แต่ Nook รองรับ microSD ด้วย (สูงสุด 32 GB) จึงเรียกได้ว่าเรื่องความจุไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ส่วนแบตเตอรี่นั้นทาง Barnes & Noble ระบุว่าได้ราวๆ 2 เดือน ถ้าไม่เปิด GlowLight หรือ 1 เดือน ถ้าเปิดใช้ GlowLight ครับ สุดท้ายคือน้ำหนักเบามาก เพียงแค่ 197 กรัมเท่านั้น (ไม่รวม microSD นะครับ)

ส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Nook ผมว่าทำออกมาได้ดีมาก โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเข้าใจง่ายกว่า Kindle Touch พอสมควร (แต่คิดว่าคนใช้คล่องๆ แล้วก็คงพอๆ กัน) ที่ผมว่าแบบนั้นเพราะว่าในหน้าจออ่านนั้น Nook จะทิ้งรอยไว้ให้กดเรียกดูเมนูได้ (สามเหลี่ยมเล็กๆ ข้างล่างจอ) ซึงเมื่อกดแล้วจะสามารถเรียกใช้เมนูต่างๆ ของหนังสือได้ ทั้งการปรับขนาด สารบัญ ค้นหา หรือคั่นหนังสือได้ด้วย (bookmarking) ซึ่งตรงนี้เราสามารถกดที่มุมบนขวาของจอได้เลย เหมือนพับมุมหนังสือจริงๆ ซึ่งตรงนี้ผมหาฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันไม่เจอบน Kindle Touch ครับ (ใครเจอชี้แจงด้วย เพื่อนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน)

หน้า Home ของ Nook ทำออกมาได้สวยงามมาก

หน้า Library ก็มีให้เลือกแบบ Thumbnail ดูหน้าปกหนังสือได้ สวยไปอีกแบบ

สำหรับหน้าจอ แม้ว่าทาง Barnes & Noble จะบอกว่าหน้าจอของ Nook ดีที่สุด ผมกลับมองว่า Kindle Touch ให้ข้อความที่คมกว่ามากๆ (เห็นได้ชัด) ผมไม่แน่ใจว่าหน้าจอของ Nook Simple Touch with GlowLight มีเคลือบอะไรพิเศษอีกชั้นหรือเปล่า (เพื่อการกระจายแสง) เพราะดูแล้วข้อความนั้นคมไม่เท่าจริงๆ ครับ ที่ Nook ดูจะทำได้ดีกว่าคือการเปลี่ยนหน้าครับ ใน Kindle นั้นสังเกตได้ว่าจะเกิด ghost (เงาภาพ) หลังการเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ซึ่งไม่ค่อยเจอใน Nook ครับ (เพื่อนผมใช้ Kindle ตัวนี้มาก่อนผมราวๆ 4 เดือน แต่ผมก็ไม่คิดว่าจอมันจะเสื่อมสภาพเร็วขนาดนั้นนะครับ)

GlowLight ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Barnes & Noble ใช้งานได้เยี่ยมครับ ผมตัดสินใจซื้อตัวนี้ทั้งที่แพงกว่าตัวมาตรฐานอยู่ 40 เหรียญเพราะจะได้อ่านหนังสือในรถตู้-รถเมล์ยามค่ำคืนได้ ซึ่งนับว่าคุ้มครับ วิธีการเรียกใช้ก็ง่ายมาก เพียงกดปุ่ม Home (n) ค้างไว้ราว 2 วินาที และสามารถปรับความสว่างได้ตามความต้องการ

สำหรับการซื้อหนังสือ จะต้องสมัครสมาชิกของ Barnes & Noble และต่อ Wi-Fi ครับ ผมคงไม่ได้ซื้อหนังสือจากที่นี่เท่าไหร่ครับ เพราะต้องฝากเพื่อนซื้ออีกที

ไฟล์ pdf อ่านได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่หน้าจอขนาด 6 นิ้วก็คงจะเล็กเกินไปจริงๆ แม้ปรับขนาดตัวอักษรแล้วจะพอถูไถก็เถอะ (ในภาพเป็น pdf ครับ)

คีย์บอร์ดใหญ่สะใจดีครับ แต่ก็ไม่มีตัวช่วยสะกดคำเช่นเดียวกับ Kindle

สรุป

  • Nook Simple Touch with GlowLight เป็นเครื่องอ่านอีบุ๊กอย่างเดียวจริงๆ ครับ หากอยากฟังเพลงหรือหนังสือเสียงไปด้วยคงต้องหันไปพึ่ง Kindle Touch แทน (หรือใช้เครื่องเล่นเพลงส่วนตัวแทนซะ)
  • GlowLight ทำงานดีสุดๆ หากจำเป็นต้องอ่านหนังสือในที่แสงน้อย ผมแนะนำอย่างยิ่ง แต่ราคาก็แพงกว่าตัวปกติ $40 ซึ่งก็ต้องชั่งใจเอาเองแหละครับ
  • หน้าจอคมไม่เท่ากับ Kindle Touch ก็จริง แต่ถ้าไม่เอามาเทียบกันตรงๆ หรือเป็นผู้ใช้ Kindle มาก่อนคงดูไม่ออก
  • เสริมนิดหนึ่งว่า Nook for Mac ทำงานได้แย่มากถึงมากที่สุดครับ ถ้าจะใช้ Nook กับ Mac จริงๆ แนะนำ Calibre แทนดีกว่า แต่ก็ทำให้อดใช้งานการซิงก์โน๊ตต่างๆ ในกลุ่มเมฆนะครับ

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ
บทความโดย: polaromonas

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook