iPad Air M3 vs iPad (11th Gen) เลือกรุ่นไหนคุ้มค่าที่จะจ่ายแพงกว่าจริงหรือ?

Apple เพิ่งเปิดตัว iPad Air รุ่นล่าสุด ซึ่งมีราคาเริ่มต้นสูงกว่า iPad รุ่นพื้นฐานพอสมควร งานนี้เหล่าสาวกและผู้ที่กำลังมองหาแท็บเล็ตคู่ใจต่างสงสัยว่า การอัพเกรดไป iPad Air นั้นคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายเพิ่มหรือไม่? หรือจะประหยัดงบแล้วสอย iPad Gen 11 มาใช้งานทั่วไปก็เพียงพอ? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกความแตกต่างระหว่างสองรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดว่ารุ่นไหนตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด

iPad (Gen 11) แท็บเล็ตเริ่มต้นสำหรับใช้งานทั่วไป
iPad Gen 11 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นแท็บเล็ตระดับเริ่มต้นที่มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากกิจกรรมหลักของคุณคือการท่องเว็บ (Safari), ดูวิดีโอ (YouTube, Netflix), อ่านบทความ, แชทกับเพื่อน หรืออาจจะมีงานเอกสารเบื้องต้นและการเล่นเกมเบาๆ บ้าง iPad Gen 11 ก็มีประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่เพียงพอต่อความต้องการของคุณอย่างแน่นอน
ชิป A16 ที่ขับเคลื่อน iPad Gen 11 ยังคงทรงพลังและสามารถทำงานต่างๆ ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังรองรับ Apple Pencil สำหรับการจดบันทึกหรือวาดภาพแบบทั่วไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างคือหน้าจอของ iPad Gen 11 ไม่ได้เป็นแบบ Fully Laminated ทำให้เกิดช่องว่างเล็กน้อยระหว่างกระจกและเนื้อหาบนหน้าจอ ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างนี้ เว้นแต่จะใช้งาน Apple Pencil ในการวาดหรือเขียนที่ต้องการความแม่นยำสูง นอกจากนี้ iPad Gen 11 ยังไม่มีการเคลือบสารกันแสงสะท้อน ทำให้หน้าจออาจสะท้อนแสงในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า และไม่รองรับขอบเขตสีแบบ Wide color (P3)
iPad Gen 11 จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการฟีเจอร์มัลติทาสก์ขั้นสูง หรือแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ $349 ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัว เด็ก หรือผู้ที่ต้องการอัพเกรดจาก iPad รุ่นเก่า สำหรับผู้ใช้งานจำนวนมาก เงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกหน่อยเพื่อแลกกับ iPad Air อาจจะไม่คุ้มค่า

iPad Air (Gen 7) แท็บเล็ตทรงพลัง อัดแน่นฟีเจอร์ล้ำอนาคต
ในทางกลับกัน iPad Air ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพและความสามารถที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ชิป M3 ที่ทรงพลังกว่า A16 อย่างมาก รองรับเทคโนโลยีที่ A16 ไม่มี เช่น Hardware-accelerated ray tracing และการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอ ProRes ทำให้ iPad Air เหมาะสำหรับการตัดต่อวิดีโอ, เล่นเกมกราฟิกสูง, ทำงานกับเอกสารขนาดใหญ่, รันแอปพลิเคชันสร้างสรรค์อย่าง Affinity Photo หรือ Logic Pro หรือแม้แต่การเขียนโค้ด นอกจากนี้ iPad Air ยังรองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นฟีเจอร์ AI ล่าสุด เช่น เครื่องมือช่วยเขียน หรือ Genmoji หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ AI ใหม่ๆ ที่ Apple จะนำเสนอในอนาคต iPad Air คือตัวเลือกที่เหนือกว่าอย่างแน่นอน
หน้าจอของ iPad Air เป็นแบบ Fully Laminated ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่าง Apple Pencil กับหน้าจอ ทำให้การเขียนและวาดรู้สึกเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับ Apple Pencil Pro ที่มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น Barrel Roll และ Haptic Feedback นอกจากนี้ รุ่น 13 นิ้วยังมีพื้นที่หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอย่างมาก เหมาะสำหรับการทำงานมัลติทาสก์, การใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกัน หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ และยังรองรับ Stage Manager ทำให้สามารถใช้งานมัลติวินโดว์แบบปรับขนาดได้ และรองรับการเชื่อมต่อจอภาพภายนอก
หากคุณวางแผนที่จะใช้งาน iPad เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือต้องการแท็บเล็ตที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นทางเลือกแทนแล็ปท็อป iPad Air น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน แม้ว่าราคาเริ่มต้นที่ $599 (หรือ $799 สำหรับรุ่น 13 นิ้ว) จะเป็นการลงทุนที่สูงกว่า แต่ก็คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งานที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถที่เหนือกว่าของมันอย่างเต็มที่
ตารางเปรียบเทียบสเปคสำคัญ:
| คุณสมบัติ | iPad (Gen 11) | iPad Air (Gen 7) |
|---|---|---|
| ขนาดจอภาพ | 11 นิ้ว | 11 นิ้ว / 13 นิ้ว |
| ความสว่างสูงสุด (SDR) | 500 nits | 11 นิ้ว: 500 nits / 13 นิ้ว: 600 nits |
| ขอบเขตสี | sRGB | Wide color (P3) |
| การเคลือบหน้าจอ | ไม่เคลือบเต็ม | เคลือบเต็ม |
| สารเคลือบกันแสงสะท้อน | ไม่มี | มี |
| รองรับ Apple Intelligence | - | รองรับ |
| รองรับ Stage Manager | รองรับ | รองรับ |
| ชิปประมวลผล | A16 | M3 |
| ทรานซิสเตอร์ | 16 พันล้าน | 25 พันล้าน |
| CPU | 5-core (2P + 3E) | 8-core (4P + 4E) |
| GPU | 4-core | 9-core |
| Ray Tracing | - | Hardware-accelerated |
| การเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอ | HEVC, H.264 | HEVC, H.264, ProRes, ProRes RAW, AV1 |
| Neural Engine | 16-core (17 TOPs) | 16-core (18 TOPs) |
| หน่วยความจำ (RAM) | 6GB | 8GB |
| แบนด์วิดท์หน่วยความจำ | 51.2GB/s | 100GB/s |
| Wi-Fi | Wi-Fi 6 | Wi-Fi 6E |
| กล้องหน้า (Center Stage) | 12MP (ƒ/2.4) | 12MP (ƒ/2.0) |
| น้ำหนัก | 477 กรัม | 11 นิ้ว: 460 กรัม / 13 นิ้ว: 616 กรัม |
| ความหนา | 7 มม | 6.1 มม |
| Smart Connector | ด้านข้าง | ด้านหลัง |
| รองรับ Magic Keyboard | Magic Keyboard Folio | Magic Keyboard for iPad Air |
| รองรับ Apple Pencil | USB-C, Gen 1 | USB-C, Pro |
| Apple Pencil Hover | - | รองรับ |
| ความจุเริ่มต้น | 128GB | 128GB |
| ตัวเลือกความจุ | 128GB, 256GB, 512GB | 128GB, 256GB, 512GB, 1TB |
| สีสัน | ฟ้า, ชมพู, เงิน, เหลือง | ฟ้า, ม่วง, สตาร์ไลท์, เทาสเปซ |
| ราคาเริ่มต้น | 12,900 บาท | 11 นิ้ว: 21,900 บาท / 13 นิ้ว: 28,900 บาท |
สรุปแล้วเราจะเลือก iPad รุ่นไหนให้ตอบโจทย์ที่สุด ?
- เลือก iPad (Gen 11) หาก คุณต้องการแท็บเล็ตสำหรับใช้งานพื้นฐานในชีวิตประจำวัน, งบประมาณจำกัด, ไม่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง หรือเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ซีเรียสเรื่องความแตกต่างของหน้าจอมากนัก
- เลือก iPad Air (Gen 7) หาก คุณต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, ต้องการใช้งานแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพ, ต้องการสัมผัสประสบการณ์ Apple Intelligence, ให้ความสำคัญกับคุณภาพของหน้าจอและ Apple Pencil, ต้องการใช้งานมัลติทาสก์ขั้นสูง หรือต้องการแท็บเล็ตที่พร้อมสำหรับเทคโนโลยีในอนาคต
การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ พิจารณาว่าคุณจะใช้งานแท็บเล็ตไปในทิศทางใด และฟีเจอร์ใดบ้างที่มีความสำคัญต่อการใช้งานของคุณ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและความแตกต่างของ iPad ทั้งสองรุ่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างตรงใจครับ
ดาวน์โหลดสนุกแอปฟรี



