"Nokia 8210 4G" การกลับมาของตำนานมือถือ เล็กจิ๋วที่กลับมาเกิดใหม่ ในราคาจับต้องได้
ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ ที่ผ่านเข้ามา ตามเวลาที่เปลี่ยนไป และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลก ทำให้ผมเชื่อว่า Gen Z ที่มีอายุ 8-23 ปีในวันนี้ คงโตมาพร้อมกับความว้าวที่สมาร์ทโฟนสามามารถทำอะไรได้หลายอย่าง...แต่หากย้อนกลับย้อนกลับไปในช่วง 20 ปีก่อนบ้านเราจะมีเพียงแค่มือถือโนเกียเท่านั้นที่อยู่ในความทรงจำ
หากยังจำกันได้ในปี 2542 หรือปี ค.ศ 1999 โนเกียได้เปิดตัว 8210 ที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และหรูหราในคราวเดียวคือถ้าในยุคนั้นใครมีโนเกียใช้คือบอกเลยว่าคือที่สุด ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และหรูหราในคราวเดียว
...แต่พอวันเวลาผ่านไป 8210 และคำว่าโนเกียก็เริ่มเลือนลางหายไปจากความทรงจำ จนกระทั่งในปีนี้ฟีเจอร์โฟนทายาทรุ่นดังในอดีตก็กลับมาให้เราเห็นและหายคิดถึงกันอีกครั้ง กับเวอร์ชั่นใหม่พร้อมแล้วมาดูรีวิวกันกับ Nokia 8210 4G ใหม่ล่าสุดที่พวกเราเขียนมันอีกครั้ง
วันนี้ผมจะพาหลายๆ คนย้อนกลับไปอดีตกับโนเกียรุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์คลาสสิคที่ชวนย้อนอดีตไปสู่ยุคที่เคยรุ่งเรืองสุดขีด โดยปรับเปลี่ยนสเปกใหม่เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันจนกลายมาเป็น Nokia 8210 ฟีเจอร์โฟนที่ยังคงมีดีไซน์และกลิ่นอายของอดีต
Nokia 8210 กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่น 4G วางจำหน่ายราคาเท่ากันราว 2,290 บาท
รายละเอียดสเปกของ Nokia 8210 4G
- สัดส่วนตัวเครื่อง 131.3 x 56.2 x 13.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 107 กรัม
- หน้าจอ TFT LCD ขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 240x320 พิกเซล
- ขุมพลัง Unisoc T107 1.0GHz
- รองรับ 4G / Bluetooth 5.0
- RAM 48MB / พื้นที่ความจุในตัว 128MB
- เพิ่มความจำภายนอก MicroSD
- ช่องเสียบ : ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, Micro USB
- กล้องหลัง 1 ตัว
- ความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล
- LED Flash เป็นไฟฉาย
- กล้องหน้า : ไม่มี
- แบตเตอรี่ขนาด 1450 mAh
- ระบบชาร์จไฟแบบ Micro USB กำลัง 10W
- ระบบปฏิบัติการ : ฟีเจอร์โฟน
ภายในกล้อง Nokia 8210 4G
- ตัวเครื่อง Nokia 8210
- ปลั๊กชาร์จไฟ
- สายหูฟัง 5 มิลลิเมตร
- คู่มือ
- แบตเตอรี่
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Nokia 8210 4G
เริ่มต้นกับด้านหน้าต้องบอกก่อนว่ารุ่นนี้เน้นเรื่องของความ Classic ย้อนยุคชัดเจนเพราะดีไซน์หน้าจะออกแบบลวดลายและการวางกรอบกระจกเหมือนกับ Nokia 8210 ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2542 ( ค.ศ. 1999) นั่นเอง รายละเอียดของปุ่มจะเป็นแบบ Nokia ฟีเจอร์โฟนยุคใหม่ ส่วนบนมีหน้าจอขนาด 2.8 นิ้วใหญ่กว่า Nokia 5710 Xpress Audio ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับลำโพงฟังเสียงสนทนา
ส่วนล่างมีโลโก้ Nokia, ปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆ และปุ่มตัวเลข ตำแหน่งของไมโครโฟนจะอยู่ที่เครื่องหมายดอกจัน
รอบตัวเครื่องออกแบบเรียบง่ายไม่มีปุ่มอะไรทั้งสิ้น
ส่วนบนจะมีช่องเสียบหูฟัง, ไฟฉาย ส่วนล่างมีช่องเสียบ Micro USB
พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล และมีลำโพงเฉพาะด้านบนเท่านั้น
และยังสามารถเปิดฝาหลังได้ด้วยพร้อมกับสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งคุณจะสามารถใส่ซิมการ์ด Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง และ Micro SD ได้จากด้านล่างเท่านั้น
น้ำหนัก / การถือสัมผัส
ภาพรวมของการสัมผัสตัวเครื่องถือว่าเบามากเพราะมีเพียงแค่ 107 กรัม เท่านั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่มีการออกแบบย้อนยุคพกพาง่ายและทนทานแม้ว่าความรู้สึกในการจับอาจจะไม่ได้เหมือนกับต้นฉบับสักเท่าไหร่
ฟีเจอร์ภายในที่โดดเด่น
Nokia 8210 4G ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Nokia OS ฟีเจอร์โฟนแม้จะดูธรรมดาแต่ก็มีสิ่งต่างๆ ที่ผมว่ามันพาคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ได้เช่น
- วิทยุ FM Radio ที่กดฟังได้เลยไม่ต้องเสียบหู และสามารถฟังผ่านหูฟังไร้สายได้
- เครื่องเล่นเพลงสามารถใส่เพลงเข้าไปได้
- กล้องรองรับการถ่ายภาพ และ วิดีโอในแบบ .3gp เท่านั้น แต่ถ่ายออกมาเสียงจะยังไม่มีนะ
- เกมต่างที่ติดมาทั้งเกมงู, Tetris, Racing Action, Black Jack
- เครื่องมือครบทั้ง เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, ไฟฉาย และอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมือถือรุ่นนี้ไม่ได้รองรับ Wi-Fi ทำให้ไม่สามารถใช้งานเกี่ยวกับการปล่อย Hot Spot ได้เหมือนกับ Nokia 8110 4G ได้
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ด้วยแบตเตอรี่ของมือถือรุ่นนี้ที่มีขนาด 1450 mAh ที่มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องด้วยลูกเล่นที่มีแบบพอให้หายคิดถึงทำให้ไม่ต้องชาร์จไฟได้ 3- 4 วันได้สบายๆ และชาร์จไฟผ่าน Micro USB แต่ถ้าใครรีบก็หาแบตเตอรี่มาอีกก้อนแล้วใช้ได้เลยครับ
สรุปความประทับใจหลังสัมผัส Nokia 8210 4G มาสักพักหนึ่ง
Nokia 8210 ถือว่าเป็นมือถือที่สร้างตำนานเล็กพริกขี้หนู พกพาได้ในยุคฟีเจอร์โฟนครองเมืองและเปลี่ยนหน้ากากได้มากมาย แต่ราคานั้นแพงหลุดโลกยิ่งกว่า iPhone แล้วมาถึงในปี 2022 ในรุ่น Nokia 8210 4G ยังมาพร้อมกับลูกเล่นทั้งเกมงู ปุ่มกดที่แม่นยำ และฟีเจอร์ครบพร้อมใช้งานอาจจะไม่สามารถปล่อย Hot Spot ให้อุปกรณ์อื่นได้ แต่เท่านี้กับราคาแค่ 2,290 บาท
ดังนั้นผู้ใหญ่ที่คิดถึงมือถือรุ่นนี้ หรือ จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากรู้ว่าคนในอดีตเขาใช้มือถืออะไรกันการเลือกรุ่นนี้ผมให้คำตอบว่า ซื้อได้เลยในราคาถูกกว่าแต่ก่อนมากครับ
อัลบั้มภาพ 43 ภาพ