กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ในรอบนี้ทีมจะมาทดลอง Smart Watch รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung อย่าง Galaxy Watch 5 ใหม่ล่าสุด ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นคือ Galaxy Watch 5 และ Galaxy Watch 5 Pro เห็นแบบนี้แล้วกับรุ่นจะเป็นอย่างไร มารับชมกัน
สเปกของ Samsung Galaxy Watch5
สเปกของ Samsung Galaxy Watch5 Pro
สิ่งที่มีมาให้ในกล่อง
ภาพรวมของการ Design การออกแบบ Samsung Galaxy Watch5
สำหรับ Samsung Galaxy Watch 5 ที่ทีม ได้มาทดลองคือรุ่นรุ่นปกติขนาดหน้าจอ 44 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นรุ่นหน้าจอที่อยู่ตรงกลางรองจาก Samsung Galaxy Watch 5 Pro ที่จัดว่าใหญ่ที่สุด สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือหน้าจอแข็งแกร่งกว่าเดิมกับกระจกด้านนอก Sapphire Crystal Glass ภายในหน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED สว่างและคมชัด
รอบตัวเรือนสำหรับรุ่น Galaxy Watch 5 ปกติจะเป็นบอดี้แบบอะลูมิเนียม แต่ถ้าเป็น Galaxy Watch 5 Pro จะเป็นแบบไทเทเนียม ที่แข็งแรงกว่าและหนากว่าเดิม องค์ประกอบเริ่มจากข้างซ้ายแม้จะไม่มีปุ่มอะไร แต่ด้านล่างมีลำโพงที่เสียงค่อนข้างดัง
ฝั่งขวามีปุ่มกดโดยปุ่มบนจะเป็นปุ่ม Back หรือย้อนกลับ อีกปุ่มจะเป็น Quick Menu และปุ่มเปิดคำสั่งเสียงที่ตอนนี้สามารถสั่งงานได้แค่ Bixby เท่านั้น และมีไมโครโฟนในตัวไว้สำหรับพูดคุยได้ ทั้งนี้ 2 ปุ่มนี้มีเซนเซอร์วัดมวลร่างกายได้ด้วย
ส่วนสายนั้นสามารถถอดเปลี่ยนด้านล่างได้โดยสายเป็นมีขนาด 20 มิลลิเมตรหาของทั่วไปใส่ได้เลย หรือจะใช้สายโลหะของ Galaxy Watch 5 Pro ก็ได้
พลิกมาข้างล่างจะมีเซนเซอร์วัดชีพจรภายใน หรือ Samsung BioActive sensor แบบทรีอินวันที่ควบคุมเซ็นเซอร์สุขภาพสามตัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ เซ็นเซอร์การวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย, เซ็นเซอร์คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และเซ็นเซอร์อัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล และเป็นจุดรับไฟด้วยกัน แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างจาก Galaxy Watch 4 รุ่นที่แล้วคือ ส่วนวัดชีพจรจะหนาขึ้นกว่าเดิม เพราะแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นทำให้จะต้องมีการขยายส่วนของเซนเซอร์แต่ก็ทำให้การจับแม่นยำขึ้น
มาตรฐานกันน้ำ
สำหรับ Samsung Galaxy Watch 5 จะออกแบบให้กันน้ำยังคงได้มาตรฐานเดิมคือ 5ATM เท่ากับลงน้ำได้ 50 เมตร ภายใต้มาตรฐาน ISO 22810:2010 แต่ถ้าลงน้ำแนะนำให้เปิดโหมดป้องกันน้ำก่อน เพื่อไม่ให้หน้าจอนั้นทำงานระหว่างลงน้ำ และเมื่อขึ้นมาระบบจะเปิดเสียงจากลำโพงให้ไล่น้ำออกจากระบบได้สมบูรณ์ แต่ไม่เหมาะสมสำหรับการดำน้ำหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำแรงดันสูง
ความรู้สึกเมื่อสวมใส่
จากที่ทดลองใช้งานมา น้ำหนักของ Smart Watch รุ่นนี้ไม่ได้หนักแต่อย่างใด ทำให้เวลาสวมใส่แล้วถือว่าคล่องตัวอยู่ รอบนี้ยังได้กระจกที่แข็งแรงทำให้สามารถออกกำลังกายได้และใส่วัดการนอนแทบไม่รู้สึกว่าคุณกำลังใส่นาฬิกา โดยเฉพาะขนาด 40 มิลลิเมตร ที่ได้พาชมสัมผัสแรกก่อนหน้านี้
ลองสวมใส่และเล่นฟีเจอร์ใน Samsung Galaxy Watch 5
ทางด้านระบบปฏิบัติการ นี่ก็ถือว่าเป็น Smart Watch รุ่นแรกเลยก็ว่าได้ที่ติดตั้ง WearOS 3.5 รุ่นใหม่กับ One UI Watch เวอร์ชั่น 4.5 ใหม่ล่าสุดที่เน้นเรื่องการใช้งานที่ราบรื่นมีประสิทธิดีขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญคือ ประหยัดไฟมากขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลด Apps ผ่านทาง Google Play Store รอบนี้ยังสามารถใช้งาน GBoard และสั่งงานพิมพ์ข้อความภาษาไทยได้ การสั่งงานมีดังนี้ ส่วนการใช้งานง่ายโดยการแตะไม่ว่าจะเป็น
แถมยังคงความสามารถที่จัดว่าเป็นข้อดีของ Galaxy Watch 4 มาครบเช่น สามารถติดตั้งโปรแกรมจากมือถือในอัตโนมัติ และ Sync เวลาผ่านมือถือได้ รองรับการสั่งงานทั้ง Bixby Voice / Google Assistant, หมุน, วงแหวน และ Gesture Control มีท่าทางทั้งหมด 3 ท่าทางง่ายๆ เช่น
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานมือถือและ Tablet ได้ลงตัวเช่นฟีเจอร์ Auto Switch ที่สามารถทำงานคล่องไปยังมือถือ Tablet, ควบคุมกับ หูฟัง หรือ Smart Watch หรือจะตั้งค่าหูฟังผ่านทางนาฬิกาได้เลย
ขุมพลังของ Samsung Galaxy Watch 5
ยังคงเลือกใช้ขุมพลังตัวเดิมได้แก่ Exynos W920X ขนาด 5 นาโนเมตร , หน้าจอความละเอียดสูง และความจำเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 16GB ทำให้ประสิทธิภาพของ CPU แรงขึ้น 20% และมี RAM เยอะกว่าเดิม 50% หรือประมาณ 1.5GHz และการที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นทำให้ใส่เพลงเข้าไปได้
การเชื่อมต่อ / ควบคุมจากมือถือ
หัวใจหลักในการควบคุมของ Samsung Galaxy Watch 5 หนีไม่พ้นกับ Apps ที่ชื่อว่า Samsung Galaxy Wearable นั่นที่ทำได้ตั้งแต่ ปรับแต่งนาฬิกา, Update Firmware, ติดตั้ง Apps, ตั้งค่าต่างๆ และ Update Firmware ของ Smart Watch ได้ และถ้าอยากดาวน์โหลด Apps เพิ่มสามารถกดได้ที่ Google Play Store และรวมไปถึงการติดตั้ง eSIM ของผู้ให้บริการอีกด้วย
ฟีเจอร์การดูแลสุขภาพ
ในตัวของ Samsung Galaxy Watch 5 ก็มีฟีเจอร์การดูแลสุขภาพแบบจัดเต็มเริ่มจากโหมดการออกกำลังกาย, วัดการกิน ดื่มน้ำ เตือนให้คุณลุกเดิน และฟีเจอร์ต่างๆ ที่เราจะเล่าให้คุณได้ดูดังนี้
การวัดการออกกำลังกาย
เริ่มต้นกับการเดินโดยมีโหมดวัดการเดินระยะไกลแบบอัตโนมัติ ซึ่งในโหมดนี้จะมีจุดเด่นคือ ค่อยดูว่าคุณเดินได้ไกลแค่ไหนและสามารถวัดเรื่องการออกกำลังกายอัตโนมัติที่มีโหมดต่างๆ ให้เลือกกดใช้งานได้อย่างสะดวกมากๆ แต่โหมดนี้จะไม่มีระบบการบอกพิกัดมาให้นะ แต่ถ้าเป็นโหมดการออกกำลังกายมาตรฐานก็มีทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งเมื่อทดลองใช้งานถ้าเป็นแบบวิ่งจะมีการวัดว่าคุณก้าวไปเท่าไหร่และมีการใช้โหมดออกกำลังกายร่วมกับเพื่อน ส่วนโหมดการเดิน หรือจะเป็นโหมดออกกำลังในร่มก็จะมีการวัดชีพจร และ และการเผาผลานมาด้วย แต่ที่สังเกตและรู้สึกดีกว่าคือการบอกชีพจรที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าเดิมพอสมควร
การวัดสุขภาพทั่วไป
ไม่ได้มีดีแต่แค่เรื่องการออกกำลังกาย แต่ Samsung Galaxy Watch 5 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ดูแลสุขภาพแบบจัดเต็ม เช่น
เซนเซอร์ Samsung BioActive Sensor จะรวมทั้งหมด 3 เซนเซอร์ ได้แก่ Optical Head Rate Sensor (PPG) Electrical Heart Rate Sensor (ECG) ที่จะเปิดใช้งานได้เร็วๆ นี้ และ Bioelectrical Impedance Analysis Sensor (BIA) ทั้งหมดอยู่ใต้นาฬิกาทั้งหมด
ยังมีการใส่ระบบวัดมวลร่างกายหรือ Body Composition Analysis ที่สามารถบอกค่าได้มากไม่ว่าจะเป็น
ทั้งหมดนี้ไว้ให้คุณได้พิจารณาว่าการออกกำลังกายของคุณจะไปในรูปแบบไหน และวางแผนได้ง่าย โดยการทำงานง่ายมาก แค่นิ้วไปวางที่ปุ่มทั้ง 2 ปุ่มระบบจะวัดข้อมูลโดยอัตโนมัติเพียง 15 วินาที
นอกจากนี้ในโหมดของการออกกำลังกายก็จะมีตัวช่วยทำให้ออกกำลังกายกับเพื่อนได้สนุกเช่นการทำ Group Challenge และ Fitness Routines แถมยังมีฟีเจอร์การออกกำลังกายผ่าน Smart TV โดยแสดงผลเวลาและการออกกำลังกายผ่านทีวี
รอบนี้มีการทำงานร่วมกับFat Controller และสามารถตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก, เพิ่มมวลกล้ามเนื้อเท่าไหร่ โดยการวัดทำได้เหมือนเดิม
และสำหรับรุ่น Pro ก็จะมีฟีเจอร์ Routing Target เส้นทางการวิ่งหรือปั่นจักรยาน พร้อมกับ Track Back ช่วยให้กลับที่หมายตั้งแต่ต้นได้อย่างปลอดภัย ถ้าเปิดฟีเจอร์นี้ สามารถดูว่าเราวิ่งจากที่ไหนได้
การวัดการนอน
นอกจากนี้หากคนที่กำลังมอง สำหรับการทดสอบหรือดูแลยามหลับ Galaxy Watch5 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน เข้าใจการนอนหลับได้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยี sleep tracking รุ่นใหม่ ที่ช่วยวางแผนเวลาการนอนหลับ, ตรวจจับการกรน, เข้าใจและบันทึกขั้นตอนการนอนหลับ (ตื่นนอน, หลับตื้น, หลับลึก, REM) ผ่านสัญลักษณ์การนอนหลับรูปสัตว์ 8 แบบที่นำเสนอรูปแบบการนอนหลับ ยิ่งนอนเต็มอิ่มเท่าไร ก็ยิ่งมีพลังและสมองที่สดชื่นขึ้น ให้คุณพร้อมทำกิจกรรมในวันถัดไปได้ดีกว่าเดิม
แต่การแสดงผลนั้นจากที่ทีมได้ทดลองใส่นอนแล้วพบว่าจะต้องใช้การวัดให้ครบ 1 สัปดาห์และการวัดจะแสดงผลผ่านทาง Apps Samsung Health และที่สำคัญคือ การแสดงผลวัดการนอนนี้ใช้ได้กับ Galaxy Watch 4 รุ่นเดิมได้ด้วยครับ
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Watch 5 มีขนาดที่ 410 mAh ถือว่าใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 35% เมื่อเทียบกับการใช้งานแล้วจากการลองชาร์จและใช้วัดสุขภาพแบบต่อเนื่องก็พบว่า Samsung Galaxy Watch 5 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 3 วันด้วยกัน แต่ถ้าเปิดเซนเซอร์วัดทุกอย่าง จะใช้งานได้นานสุด 2 วันด้วยกัน ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมที่ใช้งานเฉลี่ยได้ประมาณ 1 วันครึ่ง
เมื่อแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ระบบชาร์จไฟก็เปลี่ยนเป็นที่ชาร์จกำลัง 18W ทำให้สามารถชาร์จไฟจาก 0-45% ได้ในเวลา 30 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าจะชาร์จไฟเต็มจากที่ใช้ต่ำสุด 18% ให้เต็ม 100% ก็ใช้เวลาราวๆ เกือบชั่วโมง แต่ถือว่าเร็วกว่าเดิมที่ได้กำลังแค่ 10W เท่านั้น
ในที่สุดก็ได้ของจริงมาเล่นและใช้งานกันจริงๆ สำหรับ Samsung Galaxy Watch5 สมาร์ทวอทช์ใหม่ของซัมซุงที่แน่นอนว่าในรุ่นใหม่นี้มันได้แก้ปัญหาต่างๆ และพัฒนาให้สมบูรณ์แบบกว่ารุ่นพี่อย่าง Galaxy Watch4 เกือบทุกด้าน แต่ถ้าใครใข้รุ่นเดิมอยู่ ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะรุ่นเดิมก็ถือว่าจัดเต็มมากพอสมควรอยู่นะ
อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าหากอยากมีสมาร์ทวอทช์ดีๆ ไว้ใช้งานสักเครื่องหากเป็นสาวกแอปเปิลก็คงหนีไม่พ้น Apple Watch ที่เข้ามาเป็นที่หนึ่งในใจ แต่หากเป็นแอนดรอยด์ (Android) เราว่าหลายๆ คงยอมเสียเงินสำหรับซื้อหา Samsung Galaxy Watch มาไว้ใช้งานแน่นอน (แน่นอนว่าในตลาดตอนนี้มีสมาร์ทวอทช์ของหลายๆ ค่ายให้เลือกมากมายเช่นกัน) แต่สำหรับเราแล้วหากต้องเลือกใช้งานก็คงหนีไม่พ้น Galaxy Watch และ Apple Watch แน่นอน
ราคาและการวางจำหน่าย Galaxy Watch5 และ Galaxy Watch5 Pro
จุดเด่น
ข้อสังเกต
อัลบั้มภาพ 50 ภาพ