vivo X80 Series 5G สมาร์ทโฟนเรือธงเลนส์ ZEISS กับประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ยากจะอดใจไหว

vivo X80 Series 5G สมาร์ทโฟนเรือธงเลนส์ ZEISS กับประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ยากจะอดใจไหว

vivo X80 Series 5G สมาร์ทโฟนเรือธงเลนส์ ZEISS กับประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ยากจะอดใจไหว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

vivo เปิดตัว vivo X80 5G และ X80 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงล่าสุดจากตระกูล X Series ดีไซน์สวยหรูดูคล้ายกล้องมือโปร มาพร้อมนิยามใหม่ Cinematics Redefined การถ่ายวิดีโอที่ให้อารมณ์ภาพเหมือนกับถ่ายภาพยนตร์ ด้วยเลนส์กล้องคุณภาพระดับโลกที่ยังคงจับมือพัฒนาร่วมกับ ZEISS เหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออัปเกรดสเปกมากขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยมีชิปประมวลผลภาพระดับโปรที่ปรับแต่งเองโดย vivo พร้อมเสริมประสิทธิภาพการใช้งานระดับแฟลกชิปให้ทรงพลังยิ่งขึ้น เล่ามาถึงตรงนี้คันไม้คันมืออยากจะขอลองใช้งานสักหน่อยแล้ว อยากรู้ว่าถ้าได้ลองใช้งานแล้วยากจะอดใจไหวจริงหรือเปล่า...

ยืนหนึ่งเรื่องเลนส์กล้อง ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกร่วมกับ ZEISS

vivo X80 Series 5G ยังคงรักษาการเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในด้านการถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมจัดเต็มสเปกกล้องและเลนส์เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ใครเห็นเป็นต้องทัก โดยกล้องหน้าของ vivo X80 Series 5G ทั้งสองรุ่นมีความละเอียด 32MP ในขณะที่กล้องหลังของรุ่น X80 Pro 5G จะมีกล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียดที่ 50MP มาพร้อม เซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV และ Gimbal Stabilization กล้อง Wide-Angle ความละเอียด 48MP กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP และกล้อง Periscope ความละเอียด 8MP ในขณะที่รุ่น X80 5G จะมีกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลักความละเอียด 50MP ที่มาพร้อม Ultra-Sensing Sensor กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP และกล้อง Portrait 12MP

โดยเลนส์ทั้งหมดใน X80 Series ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานของการเคลือบ ZEISS T* แบบเดียวกับที่ใช้ในเลนส์กล้องระดับโปร ซึ่งช่วยปรับปรุงให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แสดงค่าสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทุกภาพถ่าย มีสีสันสวยสด สมจริง ยกนิ้วให้เลย

สัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพด้วยสมาร์ทโฟน

ตระกูล X Series โดดเด่นเรื่องการถ่ายภาพมาตลอด และครั้งนี้ vivo X80 Series ขอเอาใจสายคอนเทนท์วิดีโอ ภายใต้นิยาม Cinematics Redefined ที่มาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีเลนส์กล้องขั้นสุดยอดในการถ่ายวิดีโอบนสมาร์ทโฟนร่วมกับ ZEISS ในโหมด ZEISS Cinematic Video Bokeh มอบประสบการณ์การถ่ายวิดีโอที่ให้ความรู้สึกและมุมมองเสมือนการถ่ายภาพยนตร์ สร้างเอฟเฟกต์ของเลนส์ภาพยนตร์ได้อย่างแม่นยำ สร้างแสงแฟลร์หรือที่เรียกกันว่าโบเก้ได้เก๋กว่าใคร ในอัตราส่วนภาพมาตรฐาน 2.39:1 จากนี้ไม่ว่าจะเป็นสายสร้างคอนเทนต์หรือแค่อยากเก็บโมเมนต์สุดประทับ ก็จะมีวิดีโอที่สุดยอดถ่ายไว้ในเครื่องอย่างแน่นอน



ส่วนภาพนิ่งในโหมด Portrait ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ ZEISS Cinematic Style Bokeh มาเป็นตัวช่วยสร้างเอฟเฟกต์แสงแฟลร์ไว้เช่นกัน ทำให้ภาพถ่ายออกมาเสมือนภาพจากฟิล์มบนจอภาพยนตร์ที่เราเคยดูเคยเห็นกันบ่อยๆ ได้เลยด้วย ฟินสุดก็ตรงนี้เพราะรูปออกมาสวยมากจริงๆ นอกจากนี้ vivo ยังพัฒนาคุณสมบัติ AI Video Enhancement เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการถ่ายภาพกลางคืน ทำให้ความสามารถของ Super Night Video ที่รองรับโดยชิป vivo V1+ ให้ภาพถ่ายที่ดีมากๆ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มืดมากก็ตาม แถมยังสลับโหมดระหว่างวิดีโอ HDR และโหมดกลางคืนให้อัตโนมัติอีกด้วย พอบวกกับฟีเจอร์ Pure Night View ก็ยิ่งทำให้ vivo X80 Series 5G สามารถถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ สวย คมชัด โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

เพิ่มเสน่ห์ให้ภาพ Portrait ด้วยด้วยโหมดเลนส์ ZEISS ระดับโปร ขอบอกว่า...เลิฟมาก!

อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ vivo X80 Series 5G ทำให้นักถ่ายภาพหลงรัก ก็คือโหมดภาพบุคคล ที่รวมเอาเลนส์ ZEISS Portrait ยอดนิยม ที่ใช้กับกล้องระดับโปรมาเพิ่มเป็นโหมดเลนส์ภาพบุคคลให้เลือกใช้ ถึง 5 เลนส์ ไม่ว่าจะเป็น ZEISS Biotar, ZEISS Sonnar, ZEISS Planar, ZEISS Distagon และ ZEISS Cinematic ซึ่งแต่ละเลนส์ก็มีลักษณะแตกต่างกันไป อย่างใครที่ชอบเล่นกับแสงแฟลร์เป็นดวงๆ ถึงขั้นร้องว้าว ต้องลอง ZEISS Biotar ส่วน ZEISS Sonnar, ZEISS Planar, ZEISS Distagon หลังละลายเพิ่มมิติให้ตัวบุคคลพร้อมแสงแฟลร์นิดๆ กำลังดี แต่ทั้ง 3 เลนส์ก็ยังมีเสน่ห์แตกต่างกันไปอีก แล้วถ้าเป็น ZEISS Cinematic ก็จะได้เป็นเฟรมแบบภาพยนตร์ด้วย เรียกได้ว่า ครีเอทภาพกันเพลินมากจริงๆ

เป็นมือโปรกับ vivo X80 Pro ไม่ต้องกลัวมือสั่นไหว ด้วย Gimbal Portrait Camera

หลายครั้งที่ถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนแล้วจะเกิดการภาพสั่นไหว ภาพไม่คมชัด โดยเฉพาะภาพ Portrait ที่ถ่ายไปเป็นร้อย ใช้ได้ไม่ถึงสิบ แต่ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี gimbal เข้ากับเลนส์ถ่ายภาพ Portrait ระดับมืออาชีพ 50 มิลลิเมตร ในรุ่น X80 Pro ทำให้การถ่ายภาพบุคคลยกระดับเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดายและมีความเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวหรือถ่ายภาพนิ่งก็ตาม ส่วนโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ก็ยังมีการกันสั่นมาตรฐาน รวมถึงการกันสั่นพร้อมปรับระดับให้ตรงเส้นขอบฟ้าก็ทำให้ไม่พลาดในการเก็บภาพความประทับใจแบบสวยๆ ไม่ขาดไม่เกิน

ประสิทธิภาพการใช้งานระดับแฟลกชิป

แน่นอนว่าการถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีสเปกภายในตัวเครื่องที่ทรงพลัง เพื่อตอบสนองการใช้งานได้เต็มที่ โดย X80 Pro มาพร้อมกับชิประดับเรือธง Qualcomm - Snapdragon 8 Gen 1 เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วถึง 20% จากรุ่นก่อน และ Adreno 730 GPU ก็ปรับปรุงพัฒนาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนรุ่น X80 แม้ชื่อจะเป็นรุ่นรองแต่ก็จัดหนักด้วยชิป MTK 9000 ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU ขึ้นถึง 45% และ GPU เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดย X80 Series 5G ทั้งสองรุ่นมี RAM 12 GB และความจุ 256 GB ทำให้การเชื่อมต่อ 5G ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยังช่วยประหยัดพลังงานกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย ส่วนแบตเตอรี่ในรุ่น X80 Pro มีขนาด 4700 mAh รองรับการชาร์จไวแบบมีสาย 80W และไร้สาย 50W และในรุ่น X80 แบตเตอรี่มีขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จไวเฉพาะแบบมีสาย 80W

มาดูหน้าจอกันบ้าง หน้าจอมีความโค้งสวยงามแบบ 3 มิติ ขนาด 6.78 นิ้ว โดย X80 Pro มาพร้อมกับจอแสดงผล AMOLED WQHD+ ความละเอียด 2K ส่วน X80 จะเป็นหน้าจอ AMOLED FHD+ (2400×1080) ทั้ง 2 รุ่นมี Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz รองรับเทคโนโลยี LTPO 3.0 ล่าสุด ช่วยให้จอแสดงผลสามารถปรับอัตราการรีเฟรชระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz เพื่อให้การใช้งานได้อย่างเพลิดเพลิน ลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่วนระบบเสียงของรุ่น Pro จะล้ำกว่ารุ่นธรรมดาด้วยชิปเสียง Hi-Fi CS43131 ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังฟังเพลงมากขึ้นไปอีกระดับ เช่นเดียวกับ เซนเซอร์สแกนนิ้วแบบ 3D Ultrasonic ที่มีใน X80 Pro และฝังเซนเซอร์สแกนนิ้วมือขนาดใหญ่ไว้ข้างใต้ เพิ่มพื้นที่ในการปลดล็อกได้มากกว่าเดิม

ดีไซน์สวยหรู โดดเด่นเหมือนถือกล้องระดับโปร

จากความต้องการที่จะมอบสุดยอดประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอบนสมาร์ทโฟน vivo ดีไซน์ของ X80 Series จึงแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องใหม่แบบ Cloud Window 2.0 ที่ออกแบบพื้นที่จัดวางกล้องหลักเป็นทรงวงกลมใหญ่แบบ Circular อยู่ด้านหลัง วางบนกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้ความรู้สึกเหมือนกล้องถ่ายภาพมือโปรมากยิ่งขึ้น ส่วนวัสดุฝาหลังเป็นกระจกด้าน ให้สัมผัสสุดพรีเมียม ในรุ่น X80 Pro มาในสี Cosmic Black สีดำลุคสุดเท่ ส่วนรุ่น X80 จะมี 2 สี คือ Cosmic Black และ Urban Blue

vivo X80 5G และ X80 Pro 5G เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดย vivo X80 Pro 5G สนนราคาอยู่ที่ 39,999 บาท และ vivo X80 5G ราคา 29,999 บาท ที่ร้าน vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products/x80pro

 

สเปกโดยรวมของ vivo X80 5G

  • หน้าจอ E5 AMOLED ขนาด 78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU: Dimensity 9000
  • RAM (LPDDR5): 12GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    - กล้องหลัก IMX866 ความละเอียด 50MP (f/1.75), กันสั่น OIS
    - กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.0)
    - กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ซูม Optical 2x / Digital 20x
  • กล้องหน้า: 32MP (f/2.45)
  • การเชื่อมต่อ: 5G, Wi-Fi 802. 11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.3
  • เซนเซอร์: Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, Infrared
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • แบตเตอรี่: 4500 mAh รองรับชาร์จไว 80W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย Funtouch OS 12
  • สีที่วางจำหน่าย: สีดำ Cosmic Black, สีฟ้า Urban Blue

สเปกโดยรวมของ vivo X80 Pro 5G

  • หน้าจอ E5 LTPO AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2K รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU: Snapdragon 8 Gen 1
  • RAM (LPDDR5): 12GB
  • ความจุ (UFS 1): 256GB
  • กล้องหลัง 4 ตัว
    - กล้องหลัก GNV 1G ความละเอียด 50MP (f/1.57 ), กันสั่น OIS
    - กล้อง Ultrawide ความละเอียด 48MP (f/2.2)
    - กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.85) ซูม Optical 2x
    - กล้อง Telephoto ความละเอียด 8MP (f/3.4) ซูม Optical 5x / Digital 60x
  • กล้องหน้า : 32MP (f/2.45)
  • การเชื่อมต่อ: 5G, Wi-Fi 802. 11 a/blg/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.3
  • เซนเซอร์: Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, Infrared
  • ระบบเสียง: Hi-Fi, ลำโพงสเตอริโอ
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น: IP68
  • แบตเตอรี่: 4700 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 80W / ไร้สาย 50W
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย Funtouch OS 12
  • สีที่วางจำหน่าย: สีดำ Cosmic Black

[Advertorial]

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook