เซนเซอร์บนสมาร์ตวอตช์จะทำงานได้แย่ลง หากผู้ใส่เป็นคนผิวดำหรือคนอ้วน

เซนเซอร์บนสมาร์ตวอตช์จะทำงานได้แย่ลง หากผู้ใส่เป็นคนผิวดำหรือคนอ้วน

เซนเซอร์บนสมาร์ตวอตช์จะทำงานได้แย่ลง หากผู้ใส่เป็นคนผิวดำหรือคนอ้วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การศึกษาใหม่ค้นพบว่า Light sensor หรือเซ็นเซอร์ที่ใช้แสงในการวัดอัตราการเต้นหัวใจบนสมาร์ตวอตช์ เช่น Apple Watch Series 5 และ Fitbit Versa 2 ทำงานได้แย่ลงหากผู้ใส่เป็นคนผิวดำหรือคนอ้วน

เจสสิกา ราเมลลา-โรมัน (Jessica Ramella-Roman) รองศาสตราจารย์ผู้ศึกษาเกี่ยวกับเซนเซอร์ไบโอเมตริกจากมหาวิทยาลัยนานาชาติฟลอริดา (Florida Internation University) เผยว่า นี่เป็นปัญหาจากฟีเจอร์ที่ถูกใช้บนอุปกรณ์ในปัจจุบัน และเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับการใช้ Light sensor สำหรับฟีเจอร์ต่าง ๆ บนสมาร์ตวอตช์ เช่น การวัดความดัน สถาปัตยกรรมบนอุปกรณ์เหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข

การศึกษาชิ้นนี้เป็นการศึกษาสัญญาณ Photoplethysmography (PPG) หรือการใช้แสงเพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเลือดในร่างกายคน ด้วยเซนเซอร์ที่อยู่บนอุปกรณ์ Apple Watch Series 5, Fitbit Versa 2 และ Polar M600 โดยทีมวิจัยได้สร้างโมเดลจำลองการเคลื่อนที่ของแสงผ่านเนื้อเยื่อและศึกษาพฤติกรรมของแสงที่วิ่งผ่านเนื้อเยื่อที่มีลักษณะแตกต่างกัน

สิ่งที่นักวิจัยค้นพบคือ ผู้ที่มีผิวดำจะมีเมลานินจำนวนมากกว่าและดูดกลืนแสงได้มาก ในขณะที่คนที่เป็นโรคอ้วนจะมีผิวหนังหนากว่า มีน้ำน้อย และมีอัตราการไหลเวียนของเลือดน้อยกว่าคนทั่วไป ซึ่งงานวิจัยอื่น ๆ มักระบุเพียงแค่คนที่มีผิวดำเท่านั้นที่ส่งผลให้อุปกรณ์มีความแม่นยำน้อยลง แต่ไม่ได้ระบุว่าคนอ้วนก็มีปัญหาเช่นกัน

ในขณะที่สัญญาณ PPG เปลี่ยนแปลงไม่ถึง 10% ในคนผิวดำ แต่โมเดลการศึกษาคนอ้วนนั้นพบว่า ความแปรปรวนของสัญญาณอาจสูงถึง 60% เลยทีเดียว

เมื่อเราเพิ่มค่า BMI และเพิ่มโทนสีผิว สัญญาณก็ลดลง และฟีเจอร์ต่าง ๆ เริ่มหายไป Fitbit มีเซนเซอร์น้อยกว่า ทำให้พบสัญญาณหายไปมากกว่า Apple Watch

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook