พาสัมผัส Huawei Mate 40 Pro มือถือเรือธงที่อัดนวัตกรรมแน่นๆ ในราคา 34,990 บาท เท่านั้น

พาสัมผัส Huawei Mate 40 Pro มือถือเรือธงที่อัดนวัตกรรมแน่นๆ ในราคา 34,990 บาท เท่านั้น

พาสัมผัส Huawei Mate 40 Pro มือถือเรือธงที่อัดนวัตกรรมแน่นๆ ในราคา 34,990 บาท เท่านั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในที่สุด Huawei Mate 40 Pro ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย สิ้นสุดการรอคอยหลายๆ คน โดยมือถือรุ่นนี้ถือว่ามีเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตัวมันเองเยอะตั้งแต่หน้าจอขนาดใหญ่, กล้องหลัง รองรับการซูมที่ดีกว่าเดิม พร้อมกับสีสันมีให้เลือก 2 สีสันทั้งนี้ทีได้ลองสัมผัสเครื่องสั้นๆ พร้อมนำมาเล่าให้คุณได้ฟัง ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

แรกเห็นรูปร่างหน้าตา

เริ่มต้นกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่โตถึงนิ้ว หรือเมื่อเทียบกับ Huawei P40 Pro ถือว่าใหญ่กว่ากันพอสมควร เมื่อเทียบกับความโค้งมนของเครื่องที่มีขอบรับถึง 88 องศา ก็ทำให้ตัวเครื่องมีหน้าจอที่เรียกได้ว่าเกือบจะไร้ขอบเต็มๆ แถมยังให้การแสดงผลสีที่ตรง และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีทั้ง sRGB และค่า Refresh Rate 90Hz เท่านั้น

batch_20201203_155629

รอบตัวเครื่องอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าขอบหน้าจอบางมากจนเกือบทำให้ปุ่มกดไม่มีที่อยู่เลยครับ ประกอบด้วยฝั่งซ้ายไม่ไม่มีปุ่ม แต่สามารถแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปรับระดับเสียงได้ ส่วนฝั่งขวามีปุ่ม Power, ปุ่มเพิ่ม / ลดระดับเสียงได้

batch_20201203_155602
batch_20201203_155623

ส่วนบนมาพร้อมกับลำโพงตัวที่ 2, ไมโครโฟน, อินฟราเรด สำหรับใช้สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้

batch_20201203_155557

batch_20201203_155555

ส่วนล่างมีลำโพงตัวหลัก, ถาดใส่ซิมการ์ด, USB-C เสียบอุปกรณ์รวมถึงระบบชาร์จไฟ

batch_20201203_160927

batch_20201203_160817

ด้านหลังมีการออกแบบใหม่ที่สวยงาม สำหรับประเทศไทยมีสี Mystic Sliver สีเงินที่ดูดีไม่เบา อีกสีคือสีดำ ที่จะเป็นแบบเงาและเป็นกระจกที่ดูดีไม่น้อย เรียกได้ว่าการออกแบบของมือถือรุ่นนี้กระชับมือและจับถนัดมากกว่าเดิมจนเรียกได้ว่า นี่เป็นอีกรุ่นที่ถ้าใครมองหามือถือที่ไม่เหมือนใคร ก็น่าจะลองคบไว้

สเปก และฟีเจอร์ของ Huawei Mate 40 Pro

รายละเอียดของ Huawei Mate 40 Pro

  • หน้าจอ OLED ความละเอียด 1200 x 2640 พิกเซล ขนาด 6.76 นิ้ว ค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz Touch Sampling Rate 240Hz     
  • ขนาดตัวเครื่อง:  162.9 x 75.5 x 9.1 มม.      
  • น้ำหนัก:  212 กรัม      
  • ชิปเซ็ตประมวลผล:  Kirin 9000 5G | Mali G78MP24   
  • หน่วยความจำ:  RAM ขนาด 8GB    
  • หน่วยความจำภายในความจุ:  256GB    
  • หน่วยความจำภายนอก Nano Memory   
  • การเชื่อมต่อ: 5G (Dual Mode), WiFi 802.11 AX (WiFi 6), Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + -3D ToF Sensor 
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น   
  • กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F1.8 RYYB, OIS, Omnidirectional PDAF
  • เลนส์ Telephoto แบบ Periscope ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Optical 5X ซูมได้สูงสุด 50 เท่า   
  • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล      
  • เลนส์ 3D ToF Sensor   
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Opical   
  • แบตเตอรี่ความจุ: 4400mAh      
  • รองรับ Fast Charge 66W (แบบสาย) Wireless Charge 50W พร้อมระบบ Reverse Wireless Charging   
  • ระบบเสียง : ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่าง มีไมโครโฟนทั้งหมด 3 จุดตัวเครื่อง
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 11 ไม่มี Google Mobile Service   
  • สี:  Mystic Silver, Black

batch_20201203_154948

เห็นสเปกแบบนี้ถือว่าแรงและมาเหนือมากเพราะขุมพลังก็มีสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร ถือว่าเล็กมาและยังมีการออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นข้อสังเกตของมือถือรุ่นนี้ที่ต้องปรับตัวคือระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่มาพร้อมกับ EMUI 11 ฟีเจอร์มาแบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็น

batch_20201203_153644

  • Smart Multi Windows สามารถแบ่งหน้าจอและเพิ่มอีกหน้าจอเป็นแบบ Popup เพื่อนสั่งงานได้เช่นเดียวกัน
  • การใช้งานแบบ Gesture Control ที่ทำได้มากกว่ารุ่นเดิม รวมถึงการมองเพื่อลดระดับเสียงลงอัตโนมัติ
  • หน้า Always On Display ที่ให้สีสันที่สดใสมากขึ้น
  • ระบบความปลอดภัยรวมถึงการให้ความเป็นส่วนตัวเช่น ถ้าส่งภาพออกจากเครื่อง สามารถปิดข้อมูลของกล้อง หรือ location รวมถึงการเข้าเว็บไซต์ปิดไม่ให้ข้อมูลของเราหลุดออกมาไปได้
  • เมื่อต่อเชื่อมกับ Huawei Share ใน คอมพิวเตอร์สามารถแบ่งหน้า้เป็นทั้งหมด 3 หน้าจอบนมือถ

แต่ทั้งหมดนี้ต้องแลกกับการที่ยังไม่มี Google Mobile Service อยู่ดี

batch_20201203_155519

batch_20201203_162341

ด้านกล้องนั้นก็มีสเปกที่สามารถดูได้จากด้านบน แต่ที่จะพูดต่อคือฟีเจอร์ของมันที่ล้ำมากไม่ว่าจะเป็น

batch_20201203_151045

  • Selfie สามารถยืดออกอัตโนมัติ เมื่อเครื่องพบว่ามีคนถ่ายมากกว่า 1 คน
  • AI Smart Object จับคนหรือวัตถุที่มีการเคลื่อนที่และสามารถซูมหรือเข้าใกล้อัตโนมัติ
  • Dual Camera รองรับการถ่ายทั้ง Slowmotion, การแบ่งเป็นกรอบเล็กหรือกรอบใหญ่
  • AI Scene ระบบปรับเปลี่ยน Profile ของภาพอัตโนมัติ

และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงการรองรับ 5G ที่เหนือชั้นนอกจากคลื่นจะรองรับได้ครบแล้วยังมาพร้อมกับความเร็วที่จะทำได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้มือถือรุ่นนี้จะรองรับกำลังชาร์จไฟ สูงสุด 66W แบบสายและ 50W ในแบบไร้สาย

สรุปสั้นๆ หลังสัมผัส Huawei Mate 40 Pro ภายในงานเปิดตัว

batch_20201203_161725

batch_20201203_162028

ถือว่าเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่มีดีไซน์ที่สวยงามพร้อมกับ เทคโนโลยีสุดล้ำและยังคงใช้งานง่าย อาจจะยังต้องปรับตัวในการใช้แต่ถ้ามองถึงว่าเป็นเรือธงที่น่าสนใจ ไม่เบาเลยครับ

batch_20201203_154339

สำหรับราคาของ Huawei Mate 40 Pro เปิดราคาอยู่ที่ 34,990 บาท โดยมีของแถมดังนี้

batch_20201203_155034_1

  • Huawei M-Pen 2
  • Huawei Ring Light Case
  • Huawei SuperCharge Wireless Charger Stand

พร้อมจำหน่ายในวันที่ 3 ธันวาคม โดยได้รับของแถมดังกล่าวจนถึง 31 ธันวาคมนี้ และซื้อกับผู้ให้บริการสามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้น 14,990 บาทก็ถือว่าถูกมากเลยครับ

ทั้งนี้บทความนี้ยังเป็นแค่การพรีวิวมือถือรุ่นนี้แต่ถ้าอยากเจาะลึกรายละเอียดให้มากขึ้นรออ่านรีวิวที่ Sanook Hitech เร็วๆ นี้ครับ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ

อัลบั้มภาพ 21 ภาพ ของ พาสัมผัส Huawei Mate 40 Pro มือถือเรือธงที่อัดนวัตกรรมแน่นๆ ในราคา 34,990 บาท เท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook