[Review] realme 7 Pro มือถือเพรียวบางสุดสวย งบหมื่นต้นที่ได้เทคโนโลยีชาร์จไฟเร็ว 65W
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้งนี้ สำหรับครั้งนี้ทีมได้รับมือถือรุ่นกลางที่อยู่ในราคาหมื่นต้นที่มีความโดดเด่นมากมายทั้งกล้องและระบบชาร์จไฟที่พูดถึงมากมายอย่าง realme 7 Pro มาดูกันว่ารุ่นนี้จะมีความน่าสนใจแค่ไหน และคุ้มค่าไหมถ้าจะเลือกซื้อ
แกะกล่อง realme 7 Pro
ภายในกล่องของ realme 7 Pro มีอุปกรณ์ภายในเรียกได้ว่าครบครัน ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง realme 7 Pro
- เคสใส
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor Super Dart Charge 65W
- คู่มือ / ใบรับประกัน
การออกแบบของ realme 7 Pro
เริ่มต้นกับหน้าจอขนาด 6.4 นิ้วแบบ SuperAMOLED เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วจะพบว่า เนื่องจากการออกแบบกล้องหน้ามีแบบเจาะรู้และมีขนาดเล็กที่ไม่ได้บนบังเท่าไหร่ จึงทำให้พื้นที่หน้าจอเหลือเยอะพอสมควร
ส่วนบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้าที่เล็กแต่ชัดเจน ยังมี การแสดงทั้งเวลา และสถานะต่างๆ ครบครัน และยังมีลำโพงทำหน้าทั้งลำโพงสำหรับการสนทนา และ ลำโพงสำหรับคุยสายได้
ส่วนล่างของเครื่องจะมาพร้อมกับปุ่มควบคุมที่สามารถเปลี่ยนได้ 2 แบบได้แก่
- ปุ่มกดธรรมดา
- แบบแตะสัมผัสเลื่อนขึ้น 1 ครั้งเป็นการเรียก Apps เปิดก่อนหน้า (Recent Apps)
รอบตัวเครื่องใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงทำให้จับเครื่องได้เพราะเป็นโลหะอย่างดี ทั้ง 2 ฝั่งมีปุ่มทั้ง 2 ด้านเริ่มจากฝั่งซ้ายจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ช่องใส่ซิมการ์ดรองรับทั้ง Nano SIM, MicroSD
ฝั่งขวามีปุ่มสำหรับ เปิด / ปิด ตัวเครื่อง หากกดค้างสามสามารถเลือกได้ระหว่างให้เข้าเมนูปิดเครื่อง หรือ จะเป็นการสั่งเปิด Google Assistant
ส่วนบนมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับลดเสียงรบกวน
ส่วนล่างมาครบทั้งช่องเสียบหูฟัง, USB-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และลำโพงตัวหลัก
เมื่อพลิกมาด้านหลังจะพบกับกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวเรียกอยู่ด้านบนที่จัดวางได้สวยงามแบ่งลวดลายของเส้นที่ให้ดูแตกต่างและมีโลโก้ realme ที่อยู่ด้านล่าง
ภาพรวมการออกแบบ
ในภาพรวมการออกแบบของเครื่องถือว่าเป็นการออกแบบที่เรียกได้ว่าสวยและเหมาะมือ น้ำหนักเครื่องไม่หนักมากเกินไปแต่ว่าด้วยการออกแบบลักษณะแบบนี้ทำให้เครื่องจับแล้วลื่นไปหน่อยครับ อย่างไรก็ตาม หากใส่เคสก็ช่วยแก้ปัญหาลื่นได้ดี และเคสก็มีให้ในกล่องแล้วด้วย
สำหรับสีสันของ realme 7 Pro จะมีให้เลือก 2 สีคือ Mirror Blue, Mirror Silver
เปิดเครื่องทดลองใช้งาน realme 7 Pro
รายละเอียดสเปกเครื่อง realme 7 Pro
- ขนาด: 160.9 x 74.3 x 8.7 มิลลิเมตร
- หนัก: 180 กรัม
- หน้าจอแสดงผล : Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 20:9 (2400x1080พิกเซล) ขนาดประมาณ 6.4 นิ้ว
- ชิปเซ็ต : Qualcom Snapdragon 720G | GPU Adreno 618
- RAM : 8 GB
- ROM : 128 GB
- ความจำเสริม : Micro SD รองรับความจุสูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบบน realme UI
- WiFi 802.11 B/G/N/AC (Dual Band)
- Bluetooth 5.0
- เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G
- กล้องหลัง 4 ตัว:
ตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล F1.7
ตัวที่สองเป็นเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ตัวที่ สาม เป็นเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ตัวที่สี่เป็นเลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, - กล้องหน้าเซลฟี่ : ความละเอียดกล้องหลัก: 32 ล้านพิกเซล
- รองรับ: สแกนใบหน้าแบบ 2D + ระบบสแกนนิ้วมือสนหน้าจอ
- รองรับ : nano SIM Dual SIM + Micro SD
- ช่องเสียบ : หูฟัง 3.5 mm. และ USB-C
- แบตเตอรี่ : Li-Po 4500 mAh + Super Dart Charge กำลัง 65W
- สี : Mirror Blue, Mirror Silver
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ / ทดลองใช้เล่นเกมบนมือถือ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ โดย AnTuTu = 287,067 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ โดย Geekbench 5 = 572 คะแนน (Single Core) | 1,699 คะแนน (Multi Core)
สำหรับการเล่นเกมบนมือถือรุ่นนี้ถือว่าตอบสนองได้รวดเร็วเพราะหน้าจอนั้นมีค่า Refresh Rate ที่ไวทำให้ระบบสแกนสัมผัสหน้าจอลื่นไหวกดไม่พลาดเท่าไหร่ และยังมีฟีเจอร์ทำให้ลดการรบกวนระหว่างการเล่นเกม หรือ Game Space เป็นต้น
การเชื่อมต่อ / ลองใช้นำทาง
นอกจากการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย USB-C แบบสายแล้วยังรองรับการเชื่อมต่อ 4G ในแบบ 3CA ได้และยังรองรับ WiFi 802.11 AC Dual Band, Bluetooth 5.0 และ GPS รองรับการจับทั้ง GPS, A-GPS ทำให้การนำทางค่อนข้างแม่นยำอยู่ครับ
การแสดงผล / ระบบเสียง
การแสดงผลหน้าของ realme 7 pro ใช้ Panel แบบ Super AMOLED ให้สีสันที่สวย แม้ว่าหน้าจอไม่ได้บอกว่ารองรับค่า refresh rate เท่าไหร่ แต่ว่าการสัมผัสถือว่าสวยงามอย่างมากเลยครับแถมยังสามารถปรับโหมดการอ่านหนังสือและ ถนอมสายตาได้
และระบบเสียงของเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่ Stereo ทั้งบนและล่าง ทำให้เสียงที่ดังออกมามากพอสมควรเลยครับ และนอกจากนี้ยังต่อเชื่อมกับ Bluetooth และเสียบหูฟังได้อยู่ไม่มีการตัดออกแต่อย่างใด
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ในส่วนนี้ไม่ได้ต่างจากมือถือ realme รุ่นก่อนหน้านี้นั่นคือ Android 10 ครอบบน realme UI จุดเด่นคือเป็น Interface ที่สามารถปรับแต่งตามใจคุณ ตั้งแต่รูปแบบ icon ที่มีหลากหลาย และรวมถึง Notification ที่ยังคงเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ แบ่งเป็นหน้าจอเป็นได้พร้อมกัน 2 โปรแกรม ที่ไม่ใช่เกม (Split Screen)
ส่วนฟีเจอร์มีทั้งเครื่องมือครบทั้งเครื่องคิดเลข, FM Radio, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่น่าสนใจคือ มือถือรุ่นนี้สามารถอัดบันทึกหน้าจอของเครื่องได้ถือว่าเป็นมือถือราคาถูกที่ให้ฟีเจอร์ขั้นสูงมาด้วยครับ
ส่วนระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลของมือถือรุ่นนี้ เลือกใช้ 2 ระบบหลักๆ คือ การสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอ ที่สแกนได้ค่อนข้างรวดเร็ว
และระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D ที่สามารถเลือกปรับความสว่างอัตโนมัติได้ เมื่อเราเข้าอยู่ในที่แสงน้อยเครื่องจะเพิ่มความสว่างหน้าจอให้เอง
เปิดกล้องลองถ่ายภาพด้วย realme 7 Pro
ตั้งแต่ realme 2 Pro ก็ยังมีการโชว์เรื่องกล้องมาตลอด และรุ่นนี้ก็เช่นเดียวกันกับการใส่กล้องหลังมาทั้งหมด 4 ตัวประกอบไปด้วย
- ตัวแรกเป็นของความละเอียด 64 ล้านพิกเซล F1.7
- ตัวที่สองเป็นเลนส์Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- ตัวที่สาม เป็นเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- ตัวที่สี่เป็นเลนส์Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- LED Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
หากเทียบกับสเปกของ realme 6 Pro อย่างละเอียดจะพบความแตกต่างอยู่บ้างแต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมา
ฟีเจอร์ของกล้อง realme 7 Pro
ในส่วน มีหน้าตาของเมนูควบคุมกล้องยังใช้งานง่าย ฝั่งซ้ายสุดจะเป็นโหมดกลางคืนให้เลือกใช้อยู่, สำหรับการปรับ Pro Mode ทำได้ง่ายและรวดเร็วเลยครับ และรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Movie, ระบบสแกนข้อความ การขยายพิกเซล 64 ล้านพิกเซล และ ฟิลเตอร์มากมาย โดยเฉพาะการทำให้ข้างหลังเป็นขาวดำ แต่โฟกัสที่คนให้เป็นสีก็มีแล้วในตัวนี้
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme 7 Pro
ในส่วนของภาพที่ถ่ายในสภาพแสงปกติ ให้รายละเอียดที่คมชัด การซูมรองรับสูงสุดที่ 10 เท่า
ภาพแสงน้อยหรือ กลางคืน แบ่งออกเป็นถ้าใช้เลนส์ปกติ จะเกิด Noise พอสมควร แต่ถ้าเป็นเลนส์ปกติ หากใช้ Night Mode เนื่องจากมี Software ปรับเรื่องความสว่างทำให้ภาพที่ออกมานั้นมากขึ้นในสภาพแสงน้อย
ส่วนรูปแบบภาพอื่น ๆ นั้นการที่มี 2 เลนส์แยกทั้ง Macro และ Depth ทำให้มีลูกเล่นเช่นการถ่ายภาพของระยะใกล้, การถ่ายบุคคล ทำให้เกิดการละลายหลังได้ดีมากขึ้น และยังมีฟิลเตอร์ปรับรูปแบบการถ่ายภาพได้มากมาย
ลองถ่ายวิดีโอด้วย realme 7 Pro เป็นอย่างไร
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย realme 7 Pro สามารถรองรับความละเอียดสูงสุด 4K 30FPS แต่ถ้าต้องการถ่ายวิดีโอด้วยเลนส์ Wide ต้องเลือกเป็น 720P หรือ 1080P เท่านั้น ทั้งนี้มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวมาให้ด้วย แต่ลูกเล่นไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ยังรองรับ Timelapse, Slo-mo ในแบบ 240 FPS และรวมไปถึงโหมด Movie ให้คุณควบคุมการถ่ายภาพทั้งการละลายหลัง, ISO, ความเร็วชัตเตอร์ และรวมถึงรูปแบบของภาพ ออกมาตามใจคุณ
ลองถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า realme 7 Pro ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
อีกเรื่องที่ realme 7 Pro ไม่ทิ้งคือกล้องหน้าที่นอกจากความละเอียดสูงแล้ว ยังมาพร้อมกับ Effect ถอดจากกล้องหลังมาหมดเลย แต่ที่พิเศษคือ Beauty Mode มันสามารถเพิ่มความสวยงามผ่านการปัดแก้ม กระชับใบหน้าและอื่นๆ เรียกได้ว่าครบถ้วนเลยครับ
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
มาถึงเรื่องในการใช้พลังงานแล้ว realme 7 Pro ให้แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh ถือว่าขนาดกำลังดีเมื่อเทียบกับเครื่องความโดดเด่นของมือถือรุ่นนี้อยู่ที่ การใช้งานที่ยาวนานมาก ถ้าไม่ได้ใช้งานอะไรหนัก สามารถอยู่ได้นานเป็นวันๆ ส่วนผลการทดสอบจาก PCMark ทำได้อยู่ที่ 15:39 ชั่วโมง (100 – 19%)
แต่สำหรับ realme 7 Pro จะมีจุดที่น่าสนใจกว่าคือ ระบบชาร์จไฟครับ เพราะนี่คือมือถือหมื่นต้นที่ให้ที่ชาร์จไฟแบบ Super Dart Charge กำลัง 65W และแบ่งแบตเตอรี่เป็นแบบ 2 ก้อนทำให้สามารถกระจายไฟเข้าไปได้ค่อนข้างรวดเร็วมาก โดยสามารถให้ไฟเต็มจาก 0-100% ในเวลาเลยจากครึ่งชั่วโมงเล็กน้อย และเกิดความร้อนต่ำ แถมยังใช้กับที่ชาร์จของ OPPO ได้ด้วย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน realme 7 Pro มาสักระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากผ่านพ้นไป 2 สัปดาห์ในการสัมผัสมือถือรุ่นนี้ นับว่าเป็นอีกมือถือหมื่นต้นๆ ที่แม้ว่าจะไม่มี 5G แต่ว่าสิ่งที่แลกกับสิ่งต่างๆ แล้ว realme 7 Pro ก็มีดีหลายจุดทั้งหน้าจอยังคงได้แบบ 90Hz ที่ยังตอบสนองได้ไว และยังมีกล้องหลังครบทุกตัวและยังได้ความละเอียดที่สูงอยู่ทำให้เลือกใช้ถ่ายภาพได้ และยังมีโหมดต่างๆ ครบเครื่องเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือระบบชาร์จไฟเร็ว การใช้งานทั่วไปของแบตเตอร์ ถือว่าหายห่วงถ้าจะยังติดอะไรกับรุ่นนี้ คงจะเป็น CPU ที่น่าจะใช้ Snapdragon 735G ก็น่าจะดีกว่านี้
แต่เมื่อเทียบกับราคาของเครื่องที่เปิดตัวที่ 10,990 บาท ถือว่าไม่สูงมากครับ และยังได้เครื่องที่ออกแบบสวยเป็นของแถมด้วย ดังนั้นถ้าต้องการมือถือที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป ไม่คิดมากกับเรื่อง 5G ก็สามารถจัดรุ่นนี้ได้เลยครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องบางและสวยงามเกินราคา
- สเปกเครื่องมาครบเครื่องและแรงกำลังดี
- กล้องหน้าและหลังให้ความสามารถครบ และถ่ายภาพสวยงามอยู่
- ออฟชั่นในเครื่องถือว่าให้เยอะ รวมถึงระบบสแกนนิ้ว
- ชาร์จไฟเร็วมาก
ข้อสังเกต
- การซูมของกล้องหลังยังทำได้น้อยไปหน่อย
- ที่ชาร์จ 65W จะทำงานเฉพาะที่ชาร์จที่ออกแบบเพื่อให้รองรับเท่านั้น เช่นของ OPPO หรือ realme เท่านั้น
- CPU น่าจะได้ตัวใหม่กว่านี้เช่น Snapdragon 735G เป็นต้น
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ