Review รีวิว Mi Mix 3 กล้องสไลด์แบบใหม่กับการใช้งานแบบใหม่ แต่หลายอย่างยังไม่เข้าที่

Review รีวิว Mi Mix 3 กล้องสไลด์แบบใหม่กับการใช้งานแบบใหม่ แต่หลายอย่างยังไม่เข้าที่

Review รีวิว Mi Mix 3 กล้องสไลด์แบบใหม่กับการใช้งานแบบใหม่ แต่หลายอย่างยังไม่เข้าที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มือถือตระกูล Mi Mix จาก Xiaomi นั้นถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่นำเทรนด์การปูพื้นที่หน้าจอให้เต็มด้านหน้าของมือถือเป็นรายแรกๆ ของโลกเลยนะครับ

ซึ่งเมื่อโลกเข้าสู่ยุคมือถือกล้องสไลด์ Mi Mix 3 ก็ปรับมาใช้ดีไซน์กล้องสไลด์บ้าง และเป็นดีไซน์สไลด์แบบแม่เหล็กที่ไม่เหมือนใครด้วย เพราะต้องใช้มือออกแรงสไลด์เองซึ่งแตกต่างจากมือถือกล้องสไลด์แบบอื่นๆ ที่ใช้มอเตอร์เลื่อนกล้องขึ้นลง ซึ่งหลังจากที่ทีมงานเว็บแบไต๋ได้ใช้ Mi Mix 3 เป็นเวลานับเดือน (และดองรีวิวอีกเป็นเดือน) เราจะรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ให้เต็มที่ครับ

ดีไซน์ของ Mi Mix 3

Mi Mix 3 นั้นจัดเป็นมือถือกลุ่มตัวท็อปของ Xiaomi นะครับ ดีไซน์และสัมผัสของ Mi Mix 3 นั้นจึงจัดอยู่ในเกรดพรีเมี่ยมเลย ทั้งฝาหลังแวววาวสะดุดตา อย่างเครื่องสีดำนิลที่เราได้มารีวิวนั้นก็ดูหรูหรามาก ซึ่งข้อมูลบอกว่าฝาหลังของ Mi Mix 3 นั้นเป็นเซรามิกด้วย แต่เราก็คิดว่าฝาหลังมันเป็นแก้วมาตลอดนะเพราะสัมผัสมันวาวและลื่นเหมือนกันเลย ฝาหลังนี้ก็เป็นที่อยู่ของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานเร็วใช้ได้ กล้องคู่พร้อมแฟลช และตัวอักษร MIX ที่ทองสะดุดตาครับ

ส่วนด้านหน้านั้นมีหน้าจอกับลำโพงแนบหู แค่นั้นเลยจริงๆ เพราะกล้องไปซ่อนอยู่ในตัวเครื่องแล้ว หน้าจอ AMOLED ความละเอียด Full HD+ ตัวนี้ก็ให้สีสันได้สว่างสดใสสมความเป็นจอ AMOLED นะครับ ซึ่งก็รองรับวิดีโอ Youtube HDR ด้วย แต่สำหรับ Netflix กลับไม่รองรับ HDR และให้ความละเอียดวิดีโอใน Netflix ได้สูงสุดแค่ 960 x 540 px ก็น้อยกว่า Android ทั่วไปที่จะเล่นวิดีโอใน Netflix ได้ที่ความละเอียด 720p ครับ และเรื่องที่รู้สึกแปลกๆ เมื่อใช้จอนี้ครั้งแรกคือแม้ว่า Xiaomi จะพยายามดีไซน์ให้จอนี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในด้านหน้าแล้ว แต่ก็จอก็กินพื้นที่ 93.4% ของพื้นที่ด้านหน้าเท่านั้น เพราะขอบด้านล่างค่อนข้างหนา และขอบด้านบนก็ต้องเว้นพื้นที่สำหรับลำโพงแนบหูพอสมควร ทำให้ขอบบนของจอนั้นหนากว่าขอบข้างหน้าจออีก

ที่นี้มาว่าด้วยเรื่องกล้องหน้าสไลด์แบบแม่เหล็กกันบ้าง ดีไซน์ของ Mi Mix 3 นั้นแปลกกว่าชาวบ้านตรงที่สไลด์แผ่นหลังของเครื่องขึ้นมาทั้งแผ่น แถมใช้มือออกแรงสไลด์เอง ไม่ใช่ใช้มอเตอร์ดันขึ้นลงเหมือนแบรนด์อื่นๆ ซึ่ง Xiaomi การันตีว่ามีความทนทานดันขึ้น-ลงได้กว่า 300,000 ครั้ง การออกแบบแบบนี้มีข้อดีคือให้พื้นที่วางกล้องเยอะกว่าการสไลด์ขึ้นมาแต่ตัวกล้องตัวเดียว ทำให้ Mi Mix 3 สามารถวางกล้องหน้าได้ 2 ตัวพร้อมไฟแฟลชอีก 1 ตัว แต่ข้อเสียของมันจากการทดลองใช้จริงมายาวนานนั้นมี 2 เรื่องใหญ่ๆ ครับ

เพราะตัวเครื่องนั้นค่อนข้างลื่น ทำให้ในบางสถานการณ์เปิดกล้องหน้ายาก เช่นเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่อากาศหนาวๆ ใส่ถุงมือ หรือมือแห้งเพราะอากาศเย็น มือจะลื่นจนเปิดกล้องหน้าได้ยาก หรือใครที่มือแห้งอยู่แล้วก็น่าจะมีปัญหาตั้งแต่ในไทยเลย เพราะดีไซน์นี้ทำให้เครื่องเป็นแซนด์วิช 2 ชั้นประกบกัน เวลาพิมพ์ข้อความบนหน้าจอเลยรู้สึกเหมือนเครื่องไม่แน่น มันจะได้ยินเสียง แป๊ะๆ ตอนที่ส่วนหน้ากับส่วนหลังของมือถือกระแทกเข้าหากันตามแรงพิมพ์ ซึ่งถ้าไม่ซีเรียสเรื่องความรู้สึกในการจับถือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจ้า

ส่วนขอบเครื่องทางซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิม 2 ซิมที่ใส่ MicroSD เพิ่มไม่ได้ และปุ่มเรียก Google Assistant ส่วนด้านขวาก็เป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่มล็อกจอ ด้านล่างเป็นไมโครโฟนและลำโพง ซึ่งเป็นลำโพงโมโน ไม่สามารถใช้ลำโพงแนบหูเป็นลำโพงสเตอริโอได้ และพอร์ต USB-C ซึ่งรุ่นนี้ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

ประสิทธิภาพเครื่องอยู่ในกลุ่มท็อป

Mi Mix 3 น่าจะเป็นมือถือเรือธงรุ่นท้ายๆ แล้วที่ใช้ Snapdragon 845 ก่อนที่จะปรับเป็น Snapdragon 855 สำหรับสมาร์ตโฟนที่ออกในปี 2019 ครับ ซึ่งมาพร้อมกับแรม 6 GB และหน่วยความจำในเครื่อง 128 GB ที่เพิ่มด้วย MicroSD ไม่ได้นะครับ

พอเป็นมือถือเรือธง การใช้งานต่างๆ ก็ลื่นไหลทั้งหมดครับ ไม่มีอะไรติดขัดเลยทั้งการใช้โซเซียลหรือการเล่นเกม ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปต่างๆ ก็ได้คะแนนออกมาดีครับ

Antutu 7 – 287,405 3Dmark SlingShot Extreme – 3,692 Geekbench 4 Multicore – 4,670

เอาเป็นว่าเรื่องประสิทธิภาพเครื่องเราไม่มีข้อติอะไรนะครับ แต่จุดสังเกตใหญ่ๆ เลยของ Mi Mix 3 นั้นอยู่ที่อายุแบตเตอรี่ครับ อาจเพราะว่า Mi Mix 3 ใช้แบตเตอรี่ความจุแค่ 3,200 mAh ซึ่งน้อยผิดคาด เมื่อเทียบกับน้ำหนักเครื่องที่มากถึง 218 กรัม ทำให้อายุแบตเตอรี่ของเครื่องอยู่ในระดับที่มีปัญหากับชีวิตประจำวันได้ ซึ่งถ้าใช้งานธรรมดาแบบไม่ได้หยิบมือถือมาเล่นเป็นชั่วโมงๆ Mi Mix 3 ก็ทำงานได้จนจบวันครับ แต่มันก็เสี่ยงมากที่แบตจะหมดระหว่างวัน ก็กลายเป็นมือถือ Android เครื่องเดียวในรอบปีที่เราเทสต์มาที่ต้องพก Power Bank ระหว่างการใช้งานครับ

ในกล่องมีแท่นชาร์จไร้สายมาด้วย

เรื่องระบบการชาร์จของ Mi Mix 3 เป็นแบบนี้ครับ ตัวสมาร์ตโฟนรองรับมาตรฐาน Quick Charge 4+ แต่ให้หัวชาร์จที่จ่ายไฟได้สูงสุด 12V 1.5A มา หรือชาร์จได้สูงสุด 18W (หาหัวชาร์จที่รองรับ Quick Charge 4+ มาชาร์จก็จะชาร์จได้เร็วกว่านี้) ซึ่งเราวัดกระแสตอนที่ชาร์จจริงได้ 5.5v 2.6a หรือประมาณ 14W เทสต์เวลาชาร์จ 11 นาทีได้แบตกลับมา 18% ก็ถือว่าความเร็วใช้ได้อยู่

แต่ที่น่าสนใจคือในกล่องของ Mi Mix 3 นั้นแถมแท่นชาร์จไร้สายแบบ 10 Watt มาด้วย ก็สามารถเอาไปชาร์จกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับการชาร์จไร้สายได้ ก็ถือว่าคุ้มตรงนี้แหละ

กล้องถ่ายภาพของ Mi Mix 3 ถือเป็นจุดเด่น

เริ่มกันที่กล้องหลังของ Mi Mix 3 นะครับ เป็นแบบ 12+12 MP ที่ประกอบด้วย

เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.8 พร้อม OIS เลนส์รอง 12 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ซูม 2 เท่า f/2.4 แต่ไม่มี OIS

สรุปสั้นๆ ว่าการทำงานของ AI กับ HDR ในกล้องนั้นทำงานได้ดีมากครับ แค่เปิด 2 อย่างนี้ทิ้งเอาไว้ แล้วถ่ายเลย ไม่ต้องปรับแต่งกล้องอะไรอีก ก็จัดเป็นกล้องมือถือที่ถ่ายแล้วได้ภาพสวยเลย และเป็นภาพสวยอิ่มแบบสมจริง ไม่ได้โอเวอร์เกินจริงเหมือนสมาร์ตโฟนบางตัวครับ

ภาพจาก Mi Mix 3

ส่วนกล้องหน้าคู่ที่ซ่อนอยู่ในเครื่องนั้นมีความละเอียดของเลนส์หลักที่ 24 ล้านพิกเซล ส่วนเลนส์รองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เอาไว้วัดระยะ เพื่อให้ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ ซึ่งกล้องหน้าของ Mi Mix 3 นั้นแฟลชด้วยนะ

และการถ่ายวิดีโอนั้นสามารถทำได้ถึงระดับ 4K 60 fps ครับ ซึ่งวิดีโอที่ออกมาก็สวยเลยแหละ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่ถ่ายวิดีโอได้สวย แต่จะมีจังหวะซูมภาพที่อาจจะสั่นไหวมากหน่อย เราก็แนะนำให้ถ่ายซูม 1x เป็นหลักดีกว่าครับ

ประสบการณ์การใช้งาน Mi Mix 3

หลังจากที่เราใช้งาน Mi Mix 3 กันมาอย่างยาวนาน ก็สรุปประสบการณ์การใช้งานได้ดังนี้ครับ

Mi Mix 3 มี GPS ที่ดี ใช้นำทางรถยนต์ได้ดี นำทางตลอดการเดินทางก็ไม่พบอาการล็อกพิกัดผิด ระบบ MIUI 10 ที่ครอบทับ Android 9 มีความสามารถหลากหลาย เช่นสามารถรับสัญญาณ WiFi มาปล่อยต่อเป็น WiFi ได้, ทำหน้าจอ Always on Display ได้ หรือปรับลูกเล่นเวลาเลื่อนกล้องหน้าขึ้นว่าจะให้ทำอะไรได้ เคสแถมไม่คู่ควรกับความพรีเมี่ยมของเครื่องจริงๆ เคสเป็นพลาสติกบางที่ไม่กระชับกับตัวเครื่อง หลุดง่าย ใส่แล้วลดความหรูหราของฝาหลังไปเยอะมาก ถ้าใช้คุยโทรศัพท์ปกติ เสียงลำโพงแนบหูจะไม่ค่อยดัง เพราะตัวลำโพงอยู่ที่ตัวเครื่องชิ้นหลัง รูลำโพงในตัวเครื่องชิ้นหน้า (ส่วนที่เป็นหน้าจอ) เหมือนเป็นแค่ช่องให้เสียงจากข้างหลังลอดออกมาเท่านั้น ถ้าจะคุยให้ชัดเจน ต้องสไลด์กล้องขึ้น แล้วเอาหูแนบกับลำโพงชิ้นหลังแทน ไม่รองรับเครือข่าย VoWiFi แต่รองรับ VoLTE สรุป Mi Mix 3 สมาร์ตโฟนเรือธงที่ราคาโอเค แต่ยังต้องปรับปรุง

Mi Mix 3 นั้นเปิดตัวที่ราคา 18,990 บาทนะครับ (ตอนที่รีวิวนี้ออก ราคาน่าจะลดลงแล้วด้วย) สำหรับรุ่นแรม 6 GB และหน่วยความจำ 128 GB ซึ่งก็ถือเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความพรีเมี่ยมของเครื่อง คุณภาพกล้อง และดีไซน์หน้าจอแบบสไลด์ แต่ดีไซน์ที่แปลกกว่าชาวบ้านนี้ก็ยังมีปัญหาหลายจุดที่ Xiaomi น่าจะปรับปรุงใน Mi Mix รุ่นถัดไปครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook