รีวิว “iPhone XR” รุ่นเล็กที่ยกสเปคของรุ่นพี่มาไว้เกือบทั้งหมด

รีวิว “iPhone XR” รุ่นเล็กที่ยกสเปคของรุ่นพี่มาไว้เกือบทั้งหมด

รีวิว “iPhone XR” รุ่นเล็กที่ยกสเปคของรุ่นพี่มาไว้เกือบทั้งหมด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนหน้านี้ทีม Sanook! Hitech ได้ทดลองใช้งาน iPhone XS Max กันไปก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นมือถือที่พลังแรงสูงอีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่มาคราวนี้เมื่อ iPhone ในประเทศไทยวางจำหน่ายพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่นเมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีม Sanook! Hitech ขอยก iPhone XR ซึ่งเป็นรุ่นถูกสุดมารีวิวให้ได้ดูกัน ขอบอกว่า อย่าให้ราคา มาลองคุณว่า “มันไม่ดี” เพราะอะไรนั้น มาดูกันเลย

>> เทียบข้อดีและด้อยทั้ง 5 ว่าคุณควรจะเลือกใช้ "iPhone 8 Plus" หรือ "iPhone XR"

iPhone XR

>> รีวิวทดลองใช้ “iPhone XS Max” ในระยะเวลา 1 วัน กับสุดยอดมือถือของ Apple ที่แพงที่สุดและดีที่สุด

รายละเอียดสเปกของคร่าวๆ ของ iPhone XR

  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้วความละเอียด 828 x 1792 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ IPS LCD
  • ขนาด : 150.9 x 75.7 x 8.3 มิลลิเมตร
  • หนัก : 194 กรัม
  • ชิปเซ็ตประมวลผล : Apple A12 Bionic
  • RAM : 3GB
  • ความจุ(ROM) : 64 / 128 / 256GB
  • กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Smart HDR, Quad LED Flash, Auto Focus
  • กล้องหน้า : 7 ล้านพิกเซล
  • ตัวเชื่อมต่อเสียง Lightning Port
  • ซิมแบบนาโน + e SIM
  • ระบบความปลอดภัย Face ID ใช้สแกนหน้าเพียงอย่างเดียว
  • เชื่อมต่อ 4G LTE, Bluetooth 5.0, WiFi 802.11 AC Dual Band, GPS
  • แบตเตอรี่ขนาด 2942 mAh รองรับ Quick Charge และ Wireless Charing
  • สี: ดำ, แดง Product Red, เหลือง, น้ำเงิน, Coral ออกส้ม

เปิดกล่อง iPhone XR ว่ามีอะไรบ้าง

  • ตัวเครื่อง iPhone XR
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
  • คู่มือ / สติ๊กเกอร์ Apple
  • ปลั๊กชาร์จไฟ
  • Lightning Port
  • Earpod แบบช่องเสียบ Lightning Port

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ของ iPhone XR

สำหรับ iPhone ในปีนี้ออกแบบได้คล้ายกับ iPhone X อย่างมาก แต่สำหรับ iPhone XR นั้นจะแตกต่างกับเพื่อน เพราะมันมีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว และมาพร้อมกับความละเอียด 828 x 1792 พิกเซล เพียงแต่ว่าหน้าจอของ iPhone XR ไม่ได้รองรับ 3D Touch และเป็นแบบ IPS LCD ที่นำไปเทียบกับ iPhone XS แล้วสีจะด้อยลงนิดหน่อย แต่ว่า จากภาพที่เห็นอาจจะไม่ได้แตกต่างมากมายอย่างที่คิด ยกเว้นถ้าเอาไปดูหนังความละเอียดสูง

20181028_145724

ส่วนบนของเครื่องนั้นเหมือนกับ iPhone XS Max มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, อินฟราเรด, 3D Depth Sensor และเซนเซอร์ของเครื่อง

20181028_145741

ส่วนล่างของเครื่องไม่มีปุ่มกดอะไรเป็นส่วนของหน้าจอครับ

20181028_145802

ด้านข้างของตัวเครื่องใช้เฟรมโลหะอะลูมิเนียม 7,000 ทำให้ดูออกมาสวยแต่ก็มีความคล้ายกับ iPhone 6, 7, 8 โดยฝั่งซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียงพร้อมกับปุ่มสั่งเปิดปิดระบบเสียง

iPhone XR

ด้านข้างขวามาพร้อมกับปุ่ม Power ที่สามารถสั่งงานกับ Siri ได้ และล่างจะมีช่องใส่ซิมรองรับแบบ Nano SIM ส่วนอีกซิมเป็นแบบ e-Sim

1130440iPhone XR

ด้านบนไม่มีอะไร แต่โชว์สีของเครื่องเช่นสีฟ้าก็จะเป็นฟ้าอ่อน

iPhone XR

ด้านล่างมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่องด้านขวา, กลางเป็นช่องชาร์จมือถือ Lightning Port, และซ้ายเป็นลำโพงตัวเครื่อง

iPhone XR

ด้านหลังเป็นกระจกเหมือนกับ iPhone XS, iPhone XS Max แต่ว่าเน้นสีสันที่มีให้เลือก 6 สีด้วยกัน และมีกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล และ LED Quad Flash ให้เท่านั้น พร้อมรองรับ Wireless Charge ด้วย

iPhone XR

จากการที่ได้จับนั้นถือว่าเป็นเครื่องที่ถนัดมือ ไม่เล็กไม่ใหญ่ไปใช้งานได้สะดวก แม้ว่าต้องยอมรับเรื่องเดียวคือน้ำหนักมันก็หนักกว่า iPhone XS และใกล้เคียงกับ iPhone XS Max ไปบ้างก็ตาม แต่ก็อยู่ในจุดที่ รับได้อยู่

p1010670

เปิดเครื่องใช้งาน iPhone XR พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ

เปิดเครื่องมาด้วยความเร็วเหมือนกัน ซึ่ง iPhone XR ก็ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 12 เหมือนกับ iPhone XS, iPhone XS Max และรุ่นอื่นๆ ที่รองรับ แต่อาจจะมีบางเรื่องที่แตกต่างกันบ้าง และมีระบบความปลอดภัยแบบ Face ID เหมือนกับรุ่นแพง

รวมถึงฟีเจอร์จาก iOS12 ที่มีมากมายและล้วนแต่ออกแบบเพื่อความสะดวกและห่วงใยคุณไม่ว่าจะเป็น

sct

  • Do Not Disturb In Car จับการเคลื่อนไหวของเราและสามารถหยุดไม่ให้คุณใช้มือถือได้
  • ระบบการบอกแบตเตอรี่ที่เรียกได้ว่าละเอียดยิบ

 

  • Memoji สร้างได้ง่ายและสามารถใช้งานได้ง่ายแต่สำหรับการถ่ายภาพแปลงหน้าคุณอาจจะดูซับซ้อนเพราะต้องทำใน Message เท่านั้น และสามารถแสดงผล Animoji ได้ด้วย
  • Measure สามารถวัดพื้นที่และใช้ AR ทำงานร่วมกับกล้องได้ คาดว่านักพัฒนาจะทำโปรแกรมออกมามากขึ้น
  • ปิดท้ายด้วย Gallery สามารถปรับได้มากมายโดยเฉพาะ Portrait Mode ที่เพิ่มการละลายหลังได้ด้วย นอกเหนือจากแสงได้
  • ความสามารถที่เหลือของ iOS12 อ่านต่อได้ที่นี่

เพียงแต่ว่า iPhone XR จะไม่มีระบบ3D Touch ทำให้หน้าจอไม่สามารถทัชด้วยแรงกดได้เท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเสียดายเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องลดความน่าใช้ลง

ด้านการฟังเพลงของ iPhone XR นั้นให้ลำโพง Stereo เหมือนกับพี่น้องของมัน แต่ว่าเสียงกลับดังสุดและน่าสนใจอย่างยิ่งเลย

ส่วนด้านประสิทธิภาพของ iPhone XR นั้นสเปคเครื่องใกล้เคียงกับ iPhone XS และ XS Max เพราะใช้ CPU A12 Bionic เหมือนกัน แต่ว่า RAM ใช้แค่ 3GB จากการใช้งานเล่นเกมนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ถือว่าน่าสนในสำหรับคนที่ไม่ได้สนสเปคเครื่องแต่อย่างใด

batt_xr

ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 2942 mAh เล็กกว่า iPhone XS Max นิดหน่อย แต่จากที่ลองใช้งานมานั้นถือว่าทนทาน ซึ่งการลองใช้นำทางพบว่า สามารถใช้งานได้นานตลอดวันอยู่นะครับ และอึดกว่า iPhone XS

ประสิทธิภาพกล้องของ iPhone XR เป็นอย่างไร

 1130449

หน้าตาการถ่ายภาพ Portrait ใน iPhone XR

สำหรับกล้องหลังของ iPhone XR นั้นมีขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง F1.8 และมีระบบ Smart HDR มาเพียงกล้องเดียว หรือง่ายๆ กล้องหลังตัวเดียวกับ iPhone XS และ XS Max ทำให้คุณได้คุณสมบัติทุกด้านยกเว้นการซูมมา แถมได้ Portrait Mode แบบ Software มีจุดด้อยที่ ไม่สามารถละลายหลังวัตถุได้ แถมยังถ่ายวิดีโอได้ 4K 60FPS และมีระบบกันสั่นที่ดีมาก

ในเรื่องการปรับละลายหลังเพิ่มก็สามารถทำได้

กล้องหน้า iPhone XR

ส่วนกล้องหน้าของ iPhone XR ได้ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล และมีฟีเจอร์ Portrait Mode มาให้ครบเลยจนเรียกได้ว่ากล้องหน้าเสมอกัน

ตัวอย่างภาพถ่าย

img_0009
img_0023
img_0039
img_0077

img_0080ภาพ Portrait จากกล้องหลัง

(กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล)

ภาพปกติ

img_0090ภาพ Portrait

(กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล)

สรุปผลหลังทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้ทดสอบและลองเล่น iPhone XR

 

หลังจากที่ได้ทดลองในหลายๆ ด้านของ iPhone XR มือถือหลากสีของ Apple ที่มีราคาประหยัดที่สุดในบรรดาทั้งหมด ที่เปิดตัวและแน่นอนมาพร้อมกับ iOS 12 ที่เน้นเรื่องความเสถียรของการทำงานตัวเครื่อง กับฟีเจอร์ที่แทบไม่ได้ด้อยกว่ารุ่นแพง แต่ต้องยอมบางสิ่งหายไป ผมว่ามันก็คุ้มค่าอยู่ไม่น้อยเลย เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นใหม่ด้วยกัน

ส่วนราคาของ iPhone XR ที่ขายในประเทศไทยมีดังนี้

  • iPhone XR 64GB = 29,900 บาท
  • iPhone XR 128GB = 31,990 บาท
  • iPhone XR 256GB = 35,990 บาท

ซึ่งราคาถูกกว่า iPhone XS ตัวเริ่มต้น 10,000 บาท ผมพบว่าเมื่อลองดูกับสิ่งที่ให้มา ถือว่าครบเครื่องแล้ว เหลือแค่ว่าถ้าคุณใช้กล้องหลังแบบ Tele Photo ด้วย iPhone XS จะคุ้มกว่า แต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ต่างกันมาก และรุ่นนี้มีหลากหลายสีให้เลือกถึง 6 สีเลยและหลายคนชอบอยู่ไม่น้อย

สุดท้ายแล้ว iPhone XR คุ้มค่าสำหรับใครกันแน่ คำตอบคือ ใครก็ได้ที่มองหา iPhone เน้นสีสัน หรือไม่ก็เน้นเรื่องของความคุ้มค่าเป็นหลักแต่ขอรุ่นใหม่และราคาสมเหตุสมผลนั่นเอง แต่ว่าจุดเด่น และ จุดด้อยมีอะไรที่ควรพิจารณา มาดูกัน

สรุปจุดเด่นของ iPhone XR

  • มีสีสันให้เลือกมากมาย
  • ตัวเครื่องมีขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ไป
  • กล้องเดียวแต่ความสามารถครบเครื่อง
  • ประสิทธิภาพไม่แตกต่างจาก iPhone XS, iPhone XS Max
  • ลูกเล่นของเล่นหลักเหมือนกับรุ่นท็อป
  • ราคาถูกกว่า iPhone XS Max เป็นครึ่ง
  • แบตเตอรี่ทนที่สุดในกลุ่มของ iPhone 2018

สรุปจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมหากต้องการซื้อ iPhone XR

  • ไม่มี 3D Touch
  • กันน้ำ IP67 เท่านั้น
  • หน้าจอความละเอียดน้อยไปหน่อย
  • น้ำหนักเครื่องมากไปนิด

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ รีวิว “iPhone XR” รุ่นเล็กที่ยกสเปคของรุ่นพี่มาไว้เกือบทั้งหมด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook