รีวิว "GoPro Hero 7 Black" กล้องจิ๋วในตำนาน อัดแน่นเทคโนโลยีสุดล้ำ ราคาเท่าเดิม

รีวิว "GoPro Hero 7 Black" กล้องจิ๋วในตำนาน อัดแน่นเทคโนโลยีสุดล้ำ ราคาเท่าเดิม

รีวิว "GoPro Hero 7 Black" กล้องจิ๋วในตำนาน อัดแน่นเทคโนโลยีสุดล้ำ ราคาเท่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ GoPro ได้เปิดตัว Hero 7 ทั้ง 3 รุ่นในระดับโลกไปไม่นาน ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ ที่พระเอกทั้ง 3 รุ่นจะได้ทดลองใช้งานแล้ว ซึ่งคราวนี้ทีม Sanook! Hitech ได้พาคุณมาถึงเกาะสมุย ทดลองกันแบบถึงพริกถึงขิงกันก่อนพบรีวิวจริงเร็วๆ นี้ มาดูกันว่า มันจะดีแค่ไหน

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ของ GoPro Hero 7 Black

หน้าตาของ GoPro Hero 7 ทั้ง 3 รุ่นจะมีขนาดไล่ๆ กันพร้อมกับวัสดุที่จับแล้วละมุนกับมืออย่างมาก พร้อมด้วย จอภาพสำหรับ Hero 7 Black ซึ่งจะบอกสถานะการทำงานของกล้องได้ แต่สำหรับรุ่น Sliver และรุ่น White ที่เป็นรุ่นเล็กจะไม่มีมาให้ เนื่องจาก GoPro ได้เผยผลสำรวจว่า คนใช้กล้องกลุ่มนี้มองจอด้านหน้าน้อยกว่าด้านหลังที่เน้นเรื่องการถ่ายภาพจริงจัง และมีเลนส์ให้ด้านหน้าพร้อมไฟส่องสถานะ

GoPro Hero 5 ฺBlack ซ้าย | GoPro Hero 7 Black ขวา

ด้านข้างของ GoPro Hero 7 เน้นวัสดุที่คงทนและดูดีเหมือนกัน มีความแตกต่างจากรุ่นที่แล้วคือ มันจะไม่มีการตัดลาย ทำให้ดูเรียบง่าย แต่สำหรับรุ่น Black ฝั่งซ้ายมีฝาปิดช่อง HDMI, USB-C

ด้านขวาเป็นปุ่มสำหรับเปิดปิดกล้องและเปลี่ยนโหมดการทำงานของกล้อง

ด้านบนมีปุ่มสั่งถ่ายภาพ และเมื่อกล้องปิด กดแล้วจะเปิดถ่ายภาพอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกอย่างมาก

ด้านใต้มีฝาปิดพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถถอดได้และช่องใส่ Micro SD แต่ว่ารุ่น Sliver และ White จะไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้

GoPro Hero 7 Black

GoPro Hero 7 Black

ส่วนหน้าจอที่อยู่ด้านหลังยังคงให้ขนาด 2 นิ้วสามารถทัชสกรีนได้เหมือนเดิม พร้อมกับ UI ใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม และหน้าจอทัชสกรีนไม่ได้หน่วงอะไรมากนัก

GoPro Hero 7 Black

เปิดเครื่องใช้งาน GoPro Hero 7 Black พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ

นับเป็น Generation ที่ 7 ของ Action Camera ที่พัฒนาให้คุณภาพของกล้องที่ดีขึ้นกับการสร้างสรรค์งานได้มากมายรวมถึงฟีเจอร์ของกล้องทีเกิดจากการสำรวจจากความต้องการของลูกค้า ทั้งหมดนี้เป็นลูกเด่นของ GoPro Hero 7 มีดังนี้

  • กล้องรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS / 1080P 240 FPS เรียกได้ว่าสูงในระดับเดียวกับสำหรับ GoPro Hero 7 Black ส่วน GoPro Hero 7 Sliver จะเป็น 4K 30FPS และ GoPro Hero 7 White อยู่ที่ 1080P 60FPS เท่านั้น
  • ตัวเครื่องทนต่อการตกและสามารถลงน้ำได้ทันที 10 เมตร และทนการตกและฝุ่นได้เหมือมกับรุ่นเดิมทุกประการ
  • Hyper Smooth เป็นที่สุดของกันสั่น GoPro ให้คำว่า Shaky video is dead = หมดยุคของการถ่ายวิดีโอที่สั่น โดยกล้องจะสามารถจับภาพได้นิ่งแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวด้วยจักรยาน ที่จะมีการโย้งไปโยกมา ระบบกันสั่นนี้ดีเทียบเท่ากับ Gimball ข้อดี ทำให้ภาพที่ออกมาราบรื่น (เฉพาะ Hero 7 Black) แต่เทคโนโลยีก็มีข้อจำกัด และแน่นอนว่า Hyper Smooth จะทำงานสูงสุดได้ที่ 4K60FPS กันเลยทีเดียว

  • ระหว่างการถ่ายวิดีโอ นอกจากนี้ Hero 7 Black สามารถตัดคลิปสั้นได้ภายในตัว ในเวลา 15 วินาที
  • TimeWarp Video ยกระดับของ Time Lapse ขึ้นไปอีก เพราะการทำงานที่ราบรื่นและเหมือนกับถ่ายวิดีโอแต่การเลื่อนไหวนั้นเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อระบบกันสั่นดีขึ้น ทำให้ถ่ายวิดีโอ เหมือนกับการ วาร์ฟ เมื่อถ่ายแบบเร่งเวลา สูงสุด 30 เท่า
  • ระบบเสียงแบบใหม่ (Enhanced Audio) มีระบบแยกแยะและจัดการเสียงได้เหมาะสม เดิมที GoPro จะมีเสียงที่ค่อนข้างกล้อง แต่สำหรับ Hero 7 Black จะการระบบเรื่องระบบเสียงได้ดีขึ้น และตัดลมได้

  • Super Photo มีการใช้ 3 -4 เทคนิคในการถ่ายภาพและมีการต่อยอดจาก Hero 6 ด้วยการเพิ่ม HDR, การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีมากขึ้น ลด Noise ลง และปรับสภาพแสงให้เหมาะสม กลางวันไม่สว่างไป กลางคืนไม่มืดไป และยังเพิ่มโหมด Portrait Mode เข้าไปด้วย
  • New Intuitive UI ปรับปรุง UI ของกล้องใหม่ที่ทำให้สามารถควบคุมได้ง่ายมากขึ้น ไม่ยุ่งยากเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ สามารถใช้งานได้ง่ายคล้ายกับมือถือ มีลูกเล่นทั้งปรับรูปแบบของภาพ วิดีโอ สามารถเปลี่ยนรูปแบบเป็น Slo-mo ได้ และรวมถึงการปรับให้วิดีโอเป็นการแสดงผลแบบแนวตั้งได้เช่นเดียวกัน ปุ่มต่างๆ ขยายใหญ่ขึ้น และลดความซับซ้อนลง
  • ทั้งหมดยังสามารถเพิ่มต่อกับ GoPro App ได้เหมือนเดิม และคราวนี้ทำงานกับ Quik ได้แนบเนียน สั่งให้ภาพวิดีโอออก Quik และตัดต่อส่งออก Social Network ได้ทันที องรับคำสั่งเสียงได้เหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่ภาษาไทยยังไม่ได้ติดตั้ง ณ ตอนนี้ แต่หลังจากสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ความว่า มันกำลังจะมาเร็วๆ นี้

GoPro Hero 7 Black สามารถใช้งาน Live บน Social Network บน Facebook ได้ทันทีไม่ต้องเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่น แค่เราเปิด Hotspot จากมือถือ หรือต่อ WiFi จากสถานที่ต่างๆ ได้ทันที ถ่ายได้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหน ขอเพียงมีอินเทอร์เน็ตพอ และคาดว่าอนาคตจะรองรับกับ Social Network อื่นในอนาคตข้างหน้า

หลังจากได้ลองถือว่าเป็นกล้อง Action Camera ที่ใช้งานได้ง่ายปรับเมนูจากกล้องได้ทันที ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าน่าประทับใจกว่ารุ่นก่อน ถึงแม้ว่าตอนที่ทดลองนั้น GoPro Hero 6 Black จะทำได้ดีขึ้นอยู่แล้วก็ตาม แต่สำหรับงานนี้ต้องยอมใจและยกให้ Hero 7 Black ดีกว่าในทุกด้าน

คำถามสำหรับคนที่สงสัยเรื่องของการ Live นั้นตั้งค่ายากหรือไม่ คำตอบคือไม่ยาก เพียงแต่คุณต้องอัปเดต Apps Facebook ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดก่อน แล้วถึงจะสามารถต่อเชื่อมได้ ขั้นตอนมีดังนี้

  • ต่อเชื่อม GoPro จากนั้นเลือกไปที่กล้องของคุณ
  • เลือกไปที่โหมด Live แล้วกด Set Up New Live
  • สำหรับครั้งแรกจะมีการถามและขอ Apps Facebook เพื่อให้ใช้งานได้ง่าย
  • จากนั้นเมื่อกล้องขึ้นเครื่องหมายถูกให้ตั้งชื่อเรื่องที่จะ Live
  • ให้เลือก การเชื่อมต่อทั้ง WiFi แนะนำว่าเปิด Hot Spot จากมือถือดีกว่า
  • จากนั้นให้กดปุ่ม Go Live ด้านล่างได้เลย ถึงจะสามารถ Live ได้

ข้อดีคือมันสะดวก แต่ถ้าต้องปรับปรุงนั้นคือยังไม่สามารถ Live ผ่าน Page Facebook ได้ ณ ตอนนี้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษ ที่เชิญผู้ใช้ Hero 7 Black ส่งวิดีโอหรือ Content ของคุณเข้าประกวดเพื่อชิงรางวัลเงิน 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ สำหรับคนไทยสามารถร่วมแคมเปญนี้ได้เช่นกัน

gopr0028_1537945904912_high
gopr0064_1537952254672_high
gopr0075_1537952254672_high
gopr0176_1538018591945_high

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก GoPro Hero 7 Black

สรุปผลหลังทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้ทดสอบและลองเล่น GoPro Hero 7 Black มาสักระยะ

ถือว่าเป็นกล้อง Action Camera รุ่นเล็กที่มีการพัฒนาอย่างขีดสุด และเน้นเรื่องของการใช้งานจริงที่มากขึ้น และไม่ว่าจะเป็นคนที่ถ่ายภาพแนว Action Camera หรือต้องการกล้องที่มาถ่ายภาพเป็นกล้องที่ 2 ก็สามารถนำไปใช้งานได้เหมือนกัน

คราวนี้ GoPro Hero 7 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นโดยมีราคาดังนี้

  • GoPro Hero 7 White = 7,200 บาท
  • GoPro Hero 7 Sliver = 10,800 บาท
  • GoPro Hero 7 Black = 14,500 บาท

แล้วคำถามคือเลือกรุ่นไหนดี สำหรับคนใช้งานทั่วไปผมแนะนำว่า Hero 7 Sliver ก็เพียงพอเพราะได้ระบบกันสั่น บอกพิกัด GPS และอื่นๆ อย่างครบครันทำให้คุณเลือกใช้งานได้ง่าย ส่วน White ก็น่าคบ แม้ว่าจะถ่ายได้แค่ Full HD แต่ถ้าจัดเต็มสุดต้องเป็น 7 Black เลยเช่นเดียวกัน

GoPro Hero 7 Black

แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอาจจะต้องบอกว่าก็จะมีไม่กี่ยี่ห้อ หนึ่งในนั้นคือ Sony แต่เชื่อว่าคนที่เลือก GoPro ก็มีเหตุผลของตัวเองอยู่ ฉะนั้นแล้ว ทำให้การเลือกซื้ออาจจะไม่ได้จำกัดว่าเป็นใคร แค่คุณพอใจกับกล้อง Action Camera ตัวนี้ก็เพียงพอ

และ GoPro Hero 7 Black มีข้อดี และ ปรับปรุงแบบสรุปอย่างไร มาดูด้านล่างต่อไปนี้

สรุปจุดเด่นของ GoPro Hero 7 Black

  • เมนูไม่ซับซ้อนกว่าแต่ก่อน
  • ระบบกันสั่นที่ทำงานได้ดีมากมายทำให้ดูไม่มึนหัว
  • เมนูครบเครื่องและสามารถใช้งานได้ง่ายมาก
  • รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60FPS
  • สามารถใช้งาน Live ผ่าน Social Network ได้
  • บอดี้สวยงามมากขึ้นและโลโก้ Hero 7 Black ชัดเจน

สรุปจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมหากต้องการซื้อ GoPro Hero 7 Black หามาใช้งาน

  • ด้วยขนาดเล็กทำให้เปิดกล้องนานแล้วร้อนง่าย
  • อุปกรณ์เสริมยังเป็นแบบเฉพาะ
  • ถอดการ์ดความจำยาก
  • ยังไม่รองรับเมนูและคำสั่งเสียงภาษาไทย

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ รีวิว "GoPro Hero 7 Black" กล้องจิ๋วในตำนาน อัดแน่นเทคโนโลยีสุดล้ำ ราคาเท่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook