[Hands On] Wiko View 2 Pro / View Max มือถือรุ่นคุ้มหน้าตาดี ราคาไม่ถึง 8,000 บาท

[Hands On] Wiko View 2 Pro / View Max มือถือรุ่นคุ้มหน้าตาดี ราคาไม่ถึง 8,000 บาท

[Hands On] Wiko View 2 Pro / View Max มือถือรุ่นคุ้มหน้าตาดี ราคาไม่ถึง 8,000 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนเข้าสู่งาน Thailand Mobile Expo 2018 Hi End ที่จะเริ่มต้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ยังคงมีมือถือเปิดตัวพร้อมรอจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นคือ Wiko ที่นำมือถือ 2 รุ่นเปิดตัวใหม่เข้ามาขายในงานนี้ได้แก่ Wiko View 2 Pro และ Wiko View Max ที่จัดว่าเป็นมีอถือหน้าตาดี ราคาประหยัด

 รายละเอียดของ Wiko View 2 Pro มีดังนี้

  • ขนาดตัวเครื่อง 153x72.6x8.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 164 กรัม
  • หน้าจอขนาด 6 นิ้วอัตราส่วน 19:9 ความละเอียด 1528x720 พิกเซล
  • CPU Qualcomm Snapdragon 450 Octa Core 1.8GHz
  • ความจำในตัว 64GB + Micro SD รองรับสูงสุด 256GB
  • RAM 4GB
  • รองรับ 4G LTE / 3G ทุกความถี่ในประเทศไทย
  • WiFi 802.11 b/g/n Bluetooth V4.2
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 Super PDAF
  • กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 + 8 ล้านพิกเซล รูปรับแสงต่ำสุด f1.75
  • แบตเตอรี่ 3000 mAh
  • ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo

จากที่ได้สัมผัส Wiko View 2 Pro ระยะเวลาสั้นๆ ต้องบอกว่าหน้าตาของเครื่องนั้นด้วยความที่กระแสของมือถือที่ได้หน้าจอเต็มนั้นเริ่มมา ทำให้ Wiko View 2 Pro ออกแบบให้หน้าจอนั้นเต็ม ด้วยขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด 1528x720 พร้อมกล้องหน้าตรงกลางความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

 

ขอบของเครื่องมีความหนาที่เพิ่มออกมาทำให้เครื่องดูแข็งแกร่ง ฝั่งซ้ายที่เห็นมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM และยังเป็น Hybrid Slot อีกด้วย

 ฝั่งขวาเป็นปุ่มกดปรับระดับเสียง สามารถกดปิดหน้าจอได้ และมีปุ่มปรับระดับเสียงที่เข้าโหมดถ่ายภาพแล้วยังสามารถเป็นปุ่ม Shutter หรือ Zoom แล้วแต่จะตั้งค่า

 ด้านบนออกแบบได้โค้งรับกันดีกับกระจกด้านหน้าและหลัง มีช่องเสียบหูฟังที่ด้านบน

ส่วนล่างจะมีไมโครโฟน, Micro USB และ ลำโพงตัวเครื่องที่สีดอกเดียว

 ด้านหลังออกแบบได้เรียบและเป็นผิวกระจกที่เงากำลังดี มีสีให้เลือกคือสีดำ จะออกเป็นสีเงินสะท้องแสง และทองที่ให้ความหรูหรา

 คุณสมบัติเด่นของเครื่องรุ่นนี้

 นอกจากจะได้ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo พร้อมกับ UI แบบ Pure Android เน้นความลื่นไหลและใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่องระบบความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นการสแกนใบหน้าที่ทำงานได้เร็ว และสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง

 ในส่วนของกล้องนั้นก็มีความละเอียด 16 + 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash ให้รูรับแสง F1.75 ทำให้การถ่ายภาพนั้นทำได้ดี และมีโหมดต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Live Artisic Blur, Auto HDR, Panorama, Portrait, Video Auto Zoom, Slowmotion และถ่ายวิดีโอมีกันสั่นให้ด้วย

ราคาของ Wiko View 2 Pro อยู่ที่ 7,990 บาท ถือว่าไม่ถูกและไม่แพงเกินไป กับการได้บอดี้ที่มีความเงางาม และสเปคถือว่าจัดว่าดีอยู่ไม่น้อยจากรายละเอียดที่เห็นในด้านบนนี้ และยังมีอีกรุ่นคือ Wiko View Max ให้ได้ดูกันอีกรุ่น

รายละเอียด wiko view max

  • ขนาดตัวเครื่อง 157.8x75.8x7.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 158 กรัม
  • หน้าจอขนาด 5.99 นิ้วอัตราส่วน 19:9 ความละเอียด 1440x720 พิกเซล
  •  CPU MediaTEK MT6739WA Quad Core 1.3GHz
  •  ความจำในตัว 16GB + Micro SD รองรับสูงสุด 128GB
  •  RAM 2GB
  •  รองรับ 4G LTE / 3G ทุกความถี่ในประเทศไทย
  •  WiFi 802.11 b/g/n Bluetooth V4.2
  •  กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล + Selfie Flash
  •  กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมี LED Flash
  •  แบตเตอรี่ 4000 mAh
  •  ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo

แรกเห็นรูปร่าง เป็นมือถือที่หน้าตาดี ด้วยขนาดหน้าจอ 5.99 นิ้วความละเอียด HD+ ที่คมชัดและแสงหน้าจอสวยกำลังดี นอกจากนี้กล้องยังติดตั้งไว้ด้านบน ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและมี LED Flash

 ด้านข้างบางกว่า View 2 Pro และมีผิวสัมผัสที่ดี โดยฝั่งซ้ายช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้ง Nano SIM, Micro SD

p1010430

 ฝั่งซ้ายมีปุ่มกดขนาดเล็กกำลังดี นั่นคือปุ่มปรับระด้บเสียงและปุ่ม Power สำหรับเปิดปิด หรือเข้า Sleep Mode

 ด้านบนเงางามวับ พร้อมช่องเสียบหูฟัง

 ด้านล่างทีไมโครโฟน และช่องเสียบ Micro USB ที่วางตำแหน่งอยู่ขวามือ เป็นจุดสังเกตว่าไม่เหมาะกับการใช้นำทางเพราะไม่สามารถชาร์จไฟได้เมื่อวางบนแท่นสำหรับนำทาง

 จุดเด่นของ Wiko View Max

 ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android Oreo แต่เป็นเวอร์ชั่น 8.1 ที่ใหม่กว่า และยังคงได้หน้าจอแบบ Pure Android เหมือนเดิม และยังคงมีระบบสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ แถมทั้งคู่ยังมี NFC ช่วยในการรับส่งข้อมูลได้แบบแตะแล้วส่งทันที

 ส่วนกล้องนั้นแม้ว่าความละเอียดจะน้อย โดยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่ก็สามารถปรับโทนสีผิว, เปิด Flash สำหรับถ่ายด้วยกล้องหน้าได้

 ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash ที่มีลูกเล่นกล้องครบเครื่องครบครัน และได้ Interface แบบเดียวกับ View 2 Pro แค่ไม่มีระบบป้องกัยภาพสั่นไหวเวลาถ่ายวิดีโอเท่านั้น

ส่วนราคารุ่นนี้เปิดที่ 3,890 บาท ถูกมากสำหรับมือถือราคานี้ ทั้งคู่พร้อมขายตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 Hi End พร้อมโปรโมชั่นที่ภายในงานมากมาย ที่สามารถไปดูได้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook