WashBox24 บริการล็อกเกอร์ซักรีด ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง
หลังจากประสบปัญหาร้านซักรีดไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตลอด อีกทั้งคุณภาพและบริการไม่ดีพอ ทำให้ "นิธิพนธ์ ไทยานุรักษ์ เจ้าของธุรกิจ WashBox24" มองเห็นถึงช่องทางการทำธุรกิจโดยนำตู้ล็อกเกอร์มาผูกเข้ากับธุรกิจซักรีดด้วยระบบการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมการันตีรับของภายในวันถัดไป ช่วยตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ จนปัจจุบันสามารถต่อยอดเป็นบริการรับ-ส่งพัสดุไปรษณีย์ ซื้อสินค้าออนไลน์ รวมไปถึงบริการรับจ่ายบิลและรับฝากสิ่งของที่กำลังจะเปิดตัวตามมาในเร็วๆ นี้
ล็อกเกอร์ซักผ้าหนึ่งเดียวในไทย
นิธิพนธ์ เล่าถึงที่มาของธุรกิจ WashBox24 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขามองเห็นถึงปัญหาของความไม่สะดวกในการส่งเสื้อผ้าสู่ร้านซักรีด ประกอบกับมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และพบว่ามีตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากของตามสถานีรถไฟฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะนำตู้ล็อกเกอร์ที่มีอยู่ทั่วไปมาพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้งานกับบริการซักรีดได้ จากนั้นในช่วงปี 2011 เขาและเพื่อนได้ร่วมกันพัฒนาระบบขึ้นจนสำเร็จ และสามารถเปิดบริการได้ในเดือนพฤษภาคมปี 2013 ซึ่งปัจจุบันธุรกิจดำเนินมากว่า 2 ปีแล้ว
"เราต้องการสร้างบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่ปัจจุบันมักอาศัยอยู่คอนโดฯ ซึ่งพวกเขาต้องการความสะดวกสบาย เนื่องจากมีชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการใช้โซเชียลมีเดีย ดังนั้น ธุรกิจของเราจึงใช้แนวคิดเดียวกับอูเบอร์ คือเราไม่ได้เป็นเจ้าของโรงซักรีดเอง แต่เรานำผ้าไปส่งซักต่อที่โรงแรมหรือโรงซักรีดที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ในการติดตั้งตู้ล็อกเกอร์ ยังใช้พื้นที่น้อยกว่าการเปิดร้านซักรีดทั่วไป ช่วยลดการใช้พื้นที่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย" นิธิพนธ์ กล่าว
ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย-โปร่งใส
ทั้งนี้ ตู้ล็อกเกอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายใต้คอนโดฯ ต่างๆ จะมีโปรแกรมป้อนรหัสการเปิด-ปิดตู้ผ่านแอพพลิเคชั่น ที่สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน 4 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนการสมัคร/ลงทะเบียน นำผ้าใส่ล็อกเกอร์ ระบบแจ้งเตือนผ่าน SMS/แอพพลิเคชั่น และขั้นตอนสุดท้ายคือ การรับผ้า โดยผู้ใช้สามารถส่งผ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถรับผ้าได้หลังจากส่งซักแล้ว 3 วัน หรือหากต้องการผ้าด่วนก็สามารถเลือกบริการพิเศษเพื่อรับผ้าในวันถัดไปได้
สำหรับสินค้าที่รับซักรีดมีตั้งแต่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สูท เดรส ไปจนถึงชุดเครื่องนอน โดยจะมีการคิดราคาตั้งแต่ชิ้นละ 30 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกชำระเงินได้ทั้งทางบัตรเครดิต และเคาน์เตอร์เซอร์วิส นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อกับร้านด้วยช่องทางติดต่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ อีเมล เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และยูทูป
"ผมมองว่า WashBox24 แตกต่างจากร้านซักรีดที่มีอยู่ทั่วไปตรงที่ความสะดวกสบาย และความโปร่งใส เนื่องจากเราสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งในการส่งผ้าซัก ระบบจะให้ผู้ใช้ถ่ายรูปเสื้อผ้าไว้เพื่อเป็นการป้องกันปัญหากรณีผ้าชำรุด ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เกิดความสบายใจและมั่นใจในมาตรฐานการซักรีดจากร้าน" นิธิพนธ์ กล่าว
สร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
นิธิพนธ์ เล่าต่อว่า เนื่องจากธุรกิจตู้ล็อกเกอร์ซักรีดเป็นธุรกิจใหม่ ทำให้การดำเนินธุรกิจในช่วงแรกต้องใช้การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้กับผู้บริโภค ทั้งการจัดงานอีเวนต์ การส่งโบรชัวร์ รวมไปถึงการใช้ช่องทางออนไลน์และแอพพลิเคชั่น เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อสร้างฐานผู้ใช้งานอีกด้วย
"ความยากของธุรกิจอยู่ที่การสื่อสารกับผู้คนให้เข้าใจว่าเป็นล็อกเกอร์อะไร ซึ่งในช่วงแรกเราอาศัยการสร้างหน้าร้านใต้คอนโดฯ และมีพนักงานคอยอธิบายวิธีการใช้งานเพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคด้วย ขณะที่ปัจจุบัน WashBox24 มีจำนวนทั้งหมด 43 สาขาในกรุงเทพฯ มีโซนที่ให้บริการใกล้แนวรถไฟฟ้า BTS และ MRT อาทิ สุขุมวิท สีลม สาทร รัชดาภิเษก พหลโยธิน อารีย์ พญาไท เป็นต้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาธุรกิจได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี มีการเพิ่มจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีจำนวนผู้ใช้ในระบบจำนวนกว่า 2,500 ราย อย่างไรก็ตามมองว่า ธุรกิจซักรีดเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจยังสามารถเติบโตไปได้อีกมาก" นิธิพนธ์ กล่าว
ขยายไลน์ธุรกิจ-เจาะตลาดต่างประเทศ
นอกจาก WashBox24 แล้ว ปัจจุบันนิธิพนธ์ ยังได้ขยายธุรกิจออกเป็นบริการรับ-ส่งพัสดุไปรษณีย์ MoveBox ที่จับมือร่วมกับ Kerry Express ให้บริการส่งสินค้าทั่วไทย หรือส่งไปที่ตู้ MoveBox สาขาอื่นที่มีอยู่ และบริการซื้อของออนไลน์ ShopBox ที่ได้ร่วมมือกับ Cdiscount ในรูปแบบบริการลักษณะเดียวกัน อีกทั้งยังได้เปิดขายแฟรนด์ไชส์ให้กับผู้ที่สนใจซื้อล็อกเกอร์ไปติดตั้งที่คอนโดฯ โดยจะมีการแบ่งรายได้กันที่ 30 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้เตรียมขยายธุรกิจในส่วนของบริการรับฝากพัสดุ Dropbox และบริการจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ PayBox ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2016 นี้
"นอกจากการขยายธุรกิจในไทยแล้ว ในปีหน้ามีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากพบว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมสูงในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนคอนโดฯ รายได้ของประชากร รวมไปถึงความพร้อมด้านอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 โดยจะเน้นที่บริการ WashBox ก่อนจะขยายไปยังบริการอื่นๆ ที่มีต่อไป" นิธิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย
Website : www.WashBox24.com
Facebook : WashBox24
Instagram : WashBox24
YouTube : WashBox24
สามารถติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร digital Age ฉบับที่ 205 หรือทาง http://www.digitalagemag.com
บทความประชาสัมพันธ์นิตยสาร digital Age ฉบับที่ 205 เดือนมกราคม 2559
ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
สนับสนุนเนื้อหา: