รีวิว Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ

รีวิว Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ

รีวิว Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รีวิว Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ เคาะราคาในไทยแล้ว 8,900 บาท เปิดขายวันแรก ในงาน TME 2013

เปิดตัวย่อมๆ ในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ กับ Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ ที่เคาะราคาแล้วที่ 8,900 บาท

โดยมีให้เลือกหลายสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Jet Black, Rose Gold, Widl Orange และ Mocha Gray สำหรับรายละเอียดการวางจำหน่าย Samsung Galaxy Gear นั้น ติดตามกันได้ที่งาน Thailand Mobile Expo 2013 Showcase ต้นเดือนตุลาคมนี้

และเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ทีมงาน techmoblog ได้มีโอกาสไปร่วมงานที่ซัมซุงได้จัดขึ้นเพื่อให้ได้ เข้าไปร่วมทดสอบ Samsung Galaxy Note 3 เป็นกลุ่มแรก และ นำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันไปแล้วนั้น ล่าสุด ไม่ใช่เพียงแค่ Samsung Galaxy Note 3 เท่านั้น ในวันดังกล่าว ทีมงาน techmoblog ยังได้มีโอกาส นำเอา Samsung Galaxy Gear มารีวิวด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในวันนี้ เราจะมาดูกันครับว่า Samsung Galaxy Gear นาฬิการอัจริยะ ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดจาก Samsung นั้น จะสามารถใช้งานได้ดีแค่ไหน และ จะมีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจบ้าง ลองมาชมกันเลยครับ

สเปค Samsung Galaxy Gear

- ขนาดตัวเครื่อง 36.8x56.6x11.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 73.8 กรัม
- ชิปประมวลผล ความเร็ว 800 MHz
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 512 MB
- หน้าจอขนาด 1.63 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล
- กล้องดิจิตอล ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ โฟกัสภาพอัตโนมัติ
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0
- ระบบ Accelerometer และ Gyroscope
- หน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลขนาด 4 GB
- แบตเตอรี่ขนาด 315 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน

ข้อมูลด้าน ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Gear

สำหรับหน้าจอของ Samsung Galaxy Gear นั้นจะมีขนาดอยู่ที่ 1.63 นิ้ว โดยเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล ซึ่งถือว่าเป็นหน้าจอที่มีความคมชัดพอสมควร

เมื่อเราสวม Samsung Galaxy Gear ไว้ที่ข้อมือ จะพบว่า ลำโพงภายนอก (Speaker) จะอยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง (ดังภาพ) ซึ่งลำโพงบน Samsung Galaxy Gear นั้นถือว่า มีเสียงที่ดัง และ ชัดเจนดี 

ด้านข้างของตัวเรือน นาฬิกา จะมีปุ่ม Sleep/Wake หรือปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ที่ทำงานเหมือนกับ ปุ่มเปิด-ปิด บนสมาร์ทโฟน แต่ในความเป็นจริง เราอาจไม่จำเป็นต้องกดปุ่มนี้บ่อยนัก เนื่องจากตัว Samsung Galaxy Gear มีเซ็นเซอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อคุณ ยกแขนขึ้นมาในระดับสายตา หน้าจอ Samsung Galaxy Gear จะเปิดและพร้อมใช้งานทันที

นอกจากนี้ ด้านข้างของสายนาฬิกา จะมีกล้องดิจิตอล ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto-focus ให้ได้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งด้านล่างของบทความ รีวิว Samsung Galaxy Gear จะมีตัวอย่างภาพถ่าย ที่ได้จาก Samsung Galaxy Gear มาให้ได้ชมกัน

ด้านหลังของตัวเครื่อง จะสังเกตได้ว่า มีจุดกลมๆ ทั้งหมด 5 จุด อยู่บริเวณกลางของตัวเรือน ซึ่งบริเวณดังกล่าวคือ จุดที่จะเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์ สำหรับชาร์จไฟนั่นเอง 

จากภาพด้านบนนั้น เป็นภาพโดยรวมของ สายนาฬิกา ซึ่งสามารถปรับระดับได้หลายระดับ ตามต้องการ 

และ อุปกรณ์ที่เห็นดังภาพด้านบนนั้น ก็คือ อุปกรณ์ สำหรับชาร์จไฟให้กับ Samsung Galaxy Gear นั่นเอง 

โดยเพียงแค่เรา เปิดฝาอุปกรณ์ ชาร์จไฟขึ้นมา (ดังภาพ) แล้วนำตัว Samsung Galaxy Gear สวมเข้าไป ตัวนาฬิกา ก็จะพร้อมสำหรับการชาร์จไฟแล้วครับ

ส่วนด้านหลัง จะเป็นพอร์ต microUSB ซึ่งเราสามารถเสียบสายชาร์จ เพื่อชาร์จไฟให้กับ Samsung Galaxy Gear ของคุณได้เช่นกัน

แอพพลิเคชั่น และ การใช้งาน Samsung Galaxy Gear

สำหรับหน้าจอหลัก ที่จะพบได้ตั้งแต่เปิดเครื่องนั้นก็คือ หน้าจอสำหรับบอกเวลา และ สภาพอากาศ โดยข้อมูลสภาพอากาศ จะแสดงก็ต่อเมื่อ เราทำการเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy Note 3 เรียบร้อยแล้ว

Samsung Galaxy Gear มีฟังก์ชั่นในการแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นบน Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งเมื่อมีการแจ้งเตือน ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ, อีเมล หรือ การแจ้งเตือนบนโลกโซเชียล คุณก็สามารถตรวจสอบได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องยกสมาร์ทโฟนของคุณขึ้นมาบ่อยๆ

Samsung Galaxy Gear มาพร้อมกับฟีเจอร์ S Voice หรือระบบสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งสามารถใช้งานได้แบบเดียวกันกับ S Voice ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนเลยนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่น สำหรับ บันทึกเสียงให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย โดย เสียงที่ได้จากการบันทึกด้วย Samsung Galaxy Gear นั้นถือว่า มีความคมชัดค่อนข้างสูง

แอพพลิเคชั่น Gallery เป็นแอพพลิเคชั่น สำหรับการจัดการภาพถ่าย ที่ถ่ายด้วย Samsung Galaxy Gear คุณยังคงสามารถ แชร์ภาพ ไปเก็บไว้บน Samsung Galaxy Note 3 ได้ จากหน้าจอนี้

สำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลง คุณจะสามารถ ควบคุมเครื่องเล่นเพลง บน Samsung Galaxy Note 3 ผ่าน Samsung Galaxy Gear ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการ เล่นเพลง หรือหยุด รวมถึง การปรับเสียงด้วยเช่นเดียวกัน

Samsung Galaxy Gear ยังคงมีแอพพลิเคชั่น ที่คอยนับจำนวนก้าวที่คุณเดินได้ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับ แอพพลิเคชั่น ด้านสุขภาพต่างๆ มากเลยทีเดียว

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy Gear นั้น มีการรองรับการใช้งาน ภาษาไทย ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ยังคงสามารถเลือกแสดงผลในภาษาอื่นๆ ได้อีกมากมาย

คุณสามารถ ค้นหารายชื่อผู้ติดต่อ ที่อยู่บน Samsung Galaxy Note ผ่าน Samsung Galaxy Gear ได้ตลอดเวลา โดยสามารถ สัมผัสที่รายชื่อนั้นๆ เพื่อทำการโทรออกได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีการแสดง รายการ โทร ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งสายที่รับ และ ไม่ได้รับ รวมถึง การแจ้งเตือน ข้อความต่างๆ

โดยแอพพลิเคชั่นที่เห็นด้านบนทั้งหมด เป็นเพียง แอพพลิเคชั่น เริ่มต้น ที่ถูกติดตั้งมาให้ตั้งแต่แรกเท่านั้น เรายังคงสามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น สำหรับ Samsung Galaxy Gear มาติดตั้งในภายหลังได้อีกด้วย

Samsung Galaxy Gear จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับ สมาร์ทโฟนในรุ่นที่รองรับ เท่านั้น (Samsung Galaxy Note 3 และ อื่นๆ ในอนาคต)

การจะใช้ Samsung Galaxy Gear ได้อย่างสมบูรณ์นั้น จำเป็นจะต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung Galaxy Note 3 หรือแท็บเล็ต Samsung Galaxy Note 10.1 (2014 Edition) เท่านั้น รวมถึง Samsung Galaxy S4 และ Samsung Galaxy Note 2 ในอนาคต เนื่องจาก Samsung Galaxy Gear จะทำงานได้ครบถ้วน ก็ต่อเมื่อ ทำการ Sync ผ่านแอพพลิเคชั่น Gear Manager แล้ว นั่นเอง

ซึ่งแอพพลิเคชั่น Gear Manager นั้นจะช่วยให้เราสามารถตั้งค่าต่างๆ ของ Samsung Galaxy Gear ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ นาฬิกา 

รวมถึงการจัดการแอพพลิเคชั่น และ ดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น ไปติดตั้งบน Samsung Galaxy Gear เพิ่มเติม ซึ่ง คุณจะต้องทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น Gear Manager เท่านั้น

นอกจากนี้ คุณยังคงสั่งให้ Samsung Galaxy Gear ส่งเสียง ในกรณีที่คุณอาจจะลืมว่า วาง Samsung Galaxy Gear เอาไว้ที่ไหน รวมถึง สั่งให้ Samsung Galaxy Note 3 ส่งเสียง โดยสั่งงานผ่าน Samsung Galaxy Gear ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

และแน่นอนว่า ทุกการตั้งค่าของ Samsung Galaxy Gear คุณจำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชั่น Gear Manager ในการจัดการ จึงเป็นสาเหตุหลัก ที่จำเป็นจะต้องใช้งานคู่กับ Samsung Galaxy Note 3 นั่นเอง

กล้องดิจิตอลบน Samsung Galaxy Gear

สำหรับ Samsung Galaxy Gear นั้นมาพร้อมกับ กล้องดิจิตอลความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล โดยภาพด้านบนนั้น เป็นภาพ อินเทอร์เฟสแอพพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูป โดยคุณเพียงแค่แตะลงไปบนหน้าจอ Samsung Galaxy Gear ก็จะทำการโฟกัสภาพ อัตโนมัติ และ ถ่ายภาพในทันที

ซึ่งเรายังคงสามารถตั้งค่า การถ่ายรูป ในแบบต่างๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ขนาดรูปถ่าย โหมดโฟกัส และ ฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย โดยเมื่อเราถ่ายภาพแล้ว เรายังคงสามารถส่งภาพจาก Samsung Galaxy Gear ไปเก็บบน Samsung Galaxy Note 3 ได้ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างภาพถ่าย ที่ได้จากการถ่ายด้วย Samsung Galaxy Gear

คลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดจริง แบบไม่ปรับแต่งใดๆ

คลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดจริง แบบไม่ปรับแต่งใดๆ

คลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดจริง แบบไม่ปรับแต่งใดๆ

คลิ๊กที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดจริง แบบไม่ปรับแต่งใดๆ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy Gear

- สามารถควบคุม Samsung Galaxy Note 3 ได้โดยไม่จำเป็นต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาบ่อยๆ
- มีกล้องดิจิตอลความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล ที่ถือว่าชัดเจนพอสมควร
- กล้องดิจิตอลมาพร้อมกับระบบ ออโต้โฟกัส
- มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Super AMOLED ที่มีความคมชัด
- มีหน่วยความจำในตัวเครื่อง 4 GB ถือว่าเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพ และ ติดตั้งแอพพลิเคชั่น
- สามารถใช้งานโทรศัพท์ผ่าน Samsung Galaxy Gear ได้ โดยตรง แต่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ไว้ด้วย
- รองรับการใช้งาน S Voice สำหรับ การสั่งงานด้วยเสียง
- สามารถควบคุมเครื่องเล่นเพลง ผ่าน Samsung Galaxy Gear ได้
- ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น เพิ่มเติมได้ในภายหลัง

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Gear

- ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ 8,900 บาท
- จำเป็นต้องใช้งานกับร่วมกับสมาร์ทโฟนเท่านั้น
- สมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับในตอนนี้มีเพียง Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Note 10.1 (2014 Edition) โดยในอนาคต จะสามารถรองรับกับ Samsung Galaxy S4 และ Samsung Galaxy Note 2 แต่ ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับ สมาร์ทโฟนระดับล่าง - กลาง

สรุปการทดสอบ Samsung Galaxy Gear

สำหรับ Samsung Galaxy Gear นั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริม ที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Samsung Galaxy Note 3 ได้อย่างสะดวกสบาย ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเครื่องเล่นเพลง การตรวจสอบ การแจ้งเตือนต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่การโทรออกผ่าน Samsung Galaxy Gear นอกจากนี้ Samsung Galaxy Gear เอง ยังมาพร้อมกับ กล้องดิจิตอล ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล ที่สามารถใช้งานได้ ในทุกเวลาที่คุณต้องการ โดยสำหรับใครที่กำลังสนใจ Samsung Galaxy Gear อยู่ในตอนนี้ ก็คงจะต้องรอกันอีกสักนิด เนื่องจาก Samsung Galaxy Gear จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในงาน Thailand Mobile Expo 2013 ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้ นั่นเอง ส่วนในเรื่องของราคานั้น ก็จะอยู่ที่ 8,900 บาท นั่นเองครับ

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ บน Samsung Galaxy Gear

 

สำหรับฟีเจอร์ที่สำคัญ บน Samsung Galaxy Gear ก็คือ Smart Relay ครับ โดยทุกๆ ครั้งที่มีการแจ้งเตือนเข้ามายัง Samsung Galaxy Gear สามารถเปิดดูรายละเอียดดังกล่าว ยังสมาร์ทโฟนได้ โดยผ่านทาง Smart Relay นั่นเอง หรือในทางกลับกัน เมื่อใดก็ตามที่เราใช้งานบน สมาร์ทโฟน ยกตัวอย่างเช่น เลือกรายชื่อผู้ติดต่อ หรือกำลังจะโทรหาเพื่อน ก็จะแสดงผลมายัง Samsung Galaxy Gear ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ Samsung Galaxy Gear ยังมีฟีเจอร์อื่นที่น่าสนใจ ดังนี้

- S Voice สั่งการด้วยเสียง ด้วยการพูดตรงสายนาฬิกา (ที่มีไมโครโฟนบรรจุอยู่) โดยสามารถสร้าง Voice Memo, draft message, สร้างปฏิทินใหม่, ตั้งนาฬิกาปลุก หรือเช็คสภาพอากาศได้อีกด้วย
- เมื่อใดก็ตามที่ Samsung Galaxy Gear ถูกวางห่างจาก สมาร์ทโฟน เกิน 1.5 เมตร ระบบจะล็อคหน้าจอสมาร์ทโฟนให้อัตโนมัติ
- มาพร้อมแอพพลิเคชั่น S Health รองรับการวัดจำนวนก้าวที่เดิน คล้าย pedometer
- Memographer บันทึกภาพ หรือคลิปวิดีโอ ผ่านทางกล้องตรงสายนาฬิกา

โดย Samsung Galaxy Gear จะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายนนี้ (ในต่างประเทศ) พร้อมกับ Samsung Galaxy Note 3 (Note III) มีให้เลือก 6 สี ซึ่ง รองรับเฉพาะบน Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ส่วนบน Samsung Galaxy S4 จะต้องรออัพเดท Android 4.3 เสียก่อน

สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook