ศักยภาพที่โดดเด่นของเด็กไทย

ต้องหมั่นสร้างประสบการณ์เพื่อประเทศของเราจะได้ถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ บ้าง และประเทศของเราจะได้เจริญก้าวหน้า

ตอนนี้ขอให้น้อง ๆ ตั้งใจและเตรียมใจสำหรับการสอบครั้งสำคัญหลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลแห่งการจัดงานแข่งขันกีฬาสี (ปลายปี) เทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ที่ได้ผ่านพ้นไป ก็คือการเตรียมตัวสอบครั้งสำคัญของน้อง ๆ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็คือการสอบ O-NET รายปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อต้นเดือนมีนาคมและการสอบครั้งสำคัญของน้อง ๆ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อีกครั้งก็คือการสอบ GAT /PAT ครั้งที่ 1/2554 สอบเดือนมีนาคม

ข่าวสำคัญอีกอย่างหนึ่งของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสทศ. ก็คือการได้ผู้อำนวยการสทศ.คนใหม่ ท่านเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งหลังจากนี้ไปอาจจะมีอะไรที่ปรับเปลี่ยนค่าน้ำหนักคะแนน สำหรับการแอดมิชชั่นส์ของกลุ่มสาขาวิชาที่อยู่ในประเด็นและข้อเรียกร้อง เช่นกลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ ที่ที่ประชุมคณบดีแต่ละมหาวิทยาลัยเคยร้องขอไว้ และยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของข้อเรียกร้องนั้น ครั้งนี้อาจจะมีการหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อใหญ่ของการแอดมิชชั่นส์กลางในปีการศึกษา 2554 ก็เป็นได้ น้อง ๆ ที่กำลังแอดมิชชั่นส์ก็คือคอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดด้วย

สำหรับประเด็นที่ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน อดีตผู้อำนวยการสทศ.ได้กล่าวไว้ในหนังสือปกขาว วิกฤติการศึกษาไทย ว่า จากการจัดลำดับความสามารถด้านการศึกษาของไทยกับประเทศต่างๆ จะพบว่าประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับหลังๆ และมีแนวโน้มจะอยู่ท้ายไปเรื่อยๆ ทาไมจึงเป็นเช่นนั้น ใครคือผู้รับผิดชอบ และจะแก้ไขได้อย่างไร

หนังสือนี้เป็นการสรุปผลสอบ O-NET, I-NET และ V-NET ในช่วง 2 ตุลาคม 2549 - 1 ตุลาคม 2553 ระหว่างที่ท่านได้ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังจัดทำขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไทยตระหนักว่า ความสามารถนักเรียนไทยอยู่ที่ไหน และถ้าประเทศต้องการนักเรียนที่มีความสามารถ ควรแก้ไขอย่างไร ที่ใคร

หนังสือเล่มนี้ต้องการกระตุ้นความร่วมรับผิดชอบของคนไทย และให้หันมาทาโรงเรียนให้เข้มแข็ง เพื่อชุมชนที่เข้มแข็ง และประเทศที่เข้มแข็ง มาช่วยกันทาให้นักเรียน นักศึกษา ของเรามีความรู้ มีคุณธรรมและจริยธรรมมากๆ เพื่อประเทศของเราจะได้ถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ บ้าง และประเทศของเราจะได้เจริญก้าวหน้า ....

หนังสือปกขาว วิกฤติการศึกษา กำลังสะท้อนอะไรบ้างอย่างในวงการศึกษาไทยที่คล้ายกับการให้ความสำคัญกับการสอบทำคะแนนต่าง ๆ และการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐ มากกว่าการสร้างเด็กไทยให้คิดเป็น วิเคราะห์ แก้ปัญหาให้เป็น เพื่อที่จะก่อเกิดประชากรที่มีความสามารถในการแข่งขันทุกด้านบนเวทีโลก ให้สมกับที่สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมแห่งโลกาภิวัตร เป็นสังคมที่มีความเป็น Global Network ซึ่งทุกคนยังมองว่าการเรียนหนังสือในภาคปกติยังไม่สามารถสร้างคนบัณฑิตให้ทำงานเป็นในทันที หลังจบการศึกษาและเข้าทำงานจะต้องเสียเวลาในการฝึกฝนอีกสักระยะ

หากมองในมุมของการศึกษาในรูปแบบของ International Program ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ได้รับความนิยมจากผู้ปกครองไทยเรา จะเห็นว่าเป็นภาวะที่สังคมกำลังจับตามองอยู่ว่า หากระบบการศึกษาภาคปกติแบบภาษาไทยเรายังเป็นอยู่อย่างในทุกระดับ จะเป็นภาวะที่สูญสลายอย่างสิ้นเชิงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นคงยากเกินเยียวยา

อันที่จริงการที่น้อง ๆ ให้ความสำคัญกับการเรียนในห้อง การสอบก็เป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ดี แต่หากน้อง ๆ สามารถที่จะเรียนและฝึกฝนเรื่องอาชีพการงานไปด้วยก็จะเป็นกำไรสำหรับชีวิต ตัวอย่างที่ได้เห็นเป็นรูปธรรมและทำได้จริงสำหรับการเรียนและการทำงานให้เป็นกำไรของชีวิต คือการเรียนทางสายอาชีวศึกษา

การสอนให้รู้จักการประกอบอาชีพในระหว่างศึกษาในสายอาชีวศึกษา ทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดงานโชว์ศักยภาพและพลังของอาชีวศึกษาไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม ชื่องาน "แผ่นดินของเรา อาชีวะสร้างอาชีพเป็นราชพลี"

"แผ่นดินของเรา อาชีวะสร้างอาชีพเป็นราชพลี" ทำให้ประชาชนมีความสุข สุขที่ได้เห็น พลังของเยาวชนที่สามารถแสดงศักยภาพของความคิด งานฝีกมือ สร้างงานสร้างรายได้ระหว่างเรียน เป็นแล้วต้องยอมคาระวะ สำหรับน้อง ๆ สายสามัญก็ยากที่จะมีเวลาในการโชว์เรื่องการงานอาชีพ จึงอยากจะบอกว่าให้หมั่นอ่านทบทวน เตรียมสอบ สำคัญคืออย่างลืมทำกิจกรรมไปด้วย

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : ภรณ์