ไขข้อสงสัย ก่อผนังชั้นสุดท้ายทำไมต้องวางอิฐแนวเฉียง ไม่วางตรง ๆ ซะเลยล่ะ?

เคยสังเกตไหมว่าเวลาเดินผ่านไซต์ก่อสร้าง หรือดูคลิปรีโนเวทบ้านใน TikTok แล้วเห็นช่างก่อผนังไปจนสุดกำแพง แต่พอถึงชั้นบนสุดกลับวางอิฐเฉียง ๆ แทนที่จะวางตรง ๆ เหมือนที่ทำมาตลอด จนหลายคนแอบงงว่า “ทำไมไม่วางให้มันเรียงสวยเหมือนเดิม?” จริง ๆ แล้วมันมีเหตุผลที่ช่างเขาทำแบบนั้นนะ ไม่ใช่ว่างานขี้เกียจหรือมั่ว ๆ ไปงั้น

วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันแบบเข้าใจง่าย ๆ อ่านแล้วเก็ตทีเดียวไปเลยว่า “แนวเฉียงนั้นคืออะไร แล้วทำไมต้องทำ” ใครที่กำลังสงสัยกันอยู่ เราก็ได้ไปหาคำตอบมาให้เพื่อนๆ กันแล้ว

วางอิฐแนวเฉียง

ไขข้อสงสัย ก่อผนังชั้นสุดท้ายทำไมต้องวางอิฐแนวเฉียง ไม่วางตรง ๆ ซะเลยล่ะ?

คำตอบสั้น ๆ คือ: เพื่อความแข็งแรง การก่ออิฐต้องมีพื้นที่เหลือใต้ท้องคานอยู่ที่ 10 เซนติเมตร แล้วรอให้ผนักอิฐยุบตัว ทิ้งไว้ 1-2 วัน หลังจากนั้นค่อยก่ออิฐแนวเฉียง 45 องศา หรือ ยัดหัวปลาสร้อย ซึ่งการก่ออิฐแบบนี้จะช่วยลดการกดทับ หากคานตกท้องช้างลงมา ผนังจะไม่แตกร้าว

แต่ถ้าจะอธิบายให้เคลียร์ ๆ เข้าใจง่าย มันต้องดูที่ภาพรวมของผนังเลยว่าเวลาผนังมันสูงถึงแนวคานแล้ว (ซึ่งคานก็คือโครงสร้างบนสุดที่รับน้ำหนักอีกที) ถ้าช่างวางอิฐตรง ๆ ให้สุดชนกับคานเป๊ะ ๆ แบบเป๊ะมาก มันจะเกิดแรงดันขึ้นจากผนังไปดันคานโดยตรง และคานก็ดันกลับมาที่ผนังแรง ๆ เหมือนตีปิงปอง ซึ่งสุดท้ายแล้วพอผนังขยับนิดเดียวก็มีสิทธิ์ แตกร้าวได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณขอบบน

การวางอิฐเฉียงจึงช่วยให้เกิด "ช่องว่าง" ที่ทำให้ช่างสามารถอัดปูนเข้าไปแบบค่อย ๆ เติม ไม่ให้แน่นหรือดันคานเกินไป เป็นเทคนิคที่เรียกว่า “บ่าเฉียง” หรือ “ปิดหัวผนัง” นั่นแหละ

แล้วแค่เฉียงเฉย ๆ มันแข็งแรงเหรอ?

ก็ไม่ถึงขั้นแค่เฉียงแล้วจบเลยนะ ปกติหลังจากวางอิฐเฉียงแล้ว ช่างจะใช้ปูนอัดเข้าไปให้เต็มช่อง แล้วตบด้วย ปูนทรายผสมปูนซีเมนต์แบบแน่น ๆ เพื่อให้ผนังยึดติดกับคานได้ดี แต่ไม่ไปดันแรงจนเกินไป ซึ่งถ้าอัดดี ๆ ก็แข็งแรงพอ ๆ กับผนังทั่วไป แถมลดโอกาสแตกร้าวในระยะยาวด้วย

ทำไมไม่ใช้วัสดุอื่นวางปิดแทนล่ะ?

บางคนอาจจะคิดว่าใช้โฟม ปูนเบา หรืออะไรก็ได้มาอุดช่องแทนจะเร็วกว่ามั้ย? ก็จริง แต่ มันไม่แข็งแรงเท่าการวางอิฐเฉียงกับอัดปูนแน่น ๆ แบบที่ช่างนิยมทำกัน และถ้าเลือกวัสดุไม่ดี อนาคตอาจเกิดปัญหาจากการยุบตัวของวัสดุ พอผนังทรุดก็ตามมาด้วยรอยร้าวนั่นแหละ