ร้อน! ร้อนเหลือเกิน! รู้ไหมว่าอากาศร้อนทำให้ “ปวดหัว” ได้

ร้อน! ร้อนเหลือเกิน! รู้ไหมว่าอากาศร้อนทำให้ “ปวดหัว” ได้

ร้อน! ร้อนเหลือเกิน! รู้ไหมว่าอากาศร้อนทำให้ “ปวดหัว” ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยสังเกตกันบ้างหรือเปล่าว่าทำไมเวลาอากาศร้อน ๆ ถึงได้รู้สึกปวดศีรษะหรือปวดหัว อาการเหล่านี้มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Heat Headache หรืออาการปวดศีรษะจากความร้อนนั่นเอง และเหตุใดถึงมีความสัมพันธ์กัน Tonkit360 มีคำตอบมาฝากกัน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ Heat Headache

อาการปวดหัวจากความร้อนอาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งอุณหภูมิจากภายนอกตัวอาคาร หรือจากสภาพแวดล้อมที่ต้องทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือเป็นผลข้างเคียงของอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อน

ทั้งนี้ สภาพอากาศร้อนเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ปวดศีรษะได้ เพราะเมื่ออากาศร้อนขึ้น ความชื้นและความดันบรรยากาศจะเปลี่ยนแปลงไป ทำให้กระบวนการสร้างสารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นได้

นอกจากนี้ อากาศร้อนยังส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณของสาร “เซโรโทนิน” ในสมอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดได้ เมื่อมีความเครียดเพิ่มขึ้น จึงมีความเป็นไปที่จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ แสงจ้าของดวงอาทิตย์, อาการอ่อนเพลียจากความร้อน และโรคลมแดด (Heat Stroke)

อย่าละเลยภาวะขาดน้ำ!

เมื่ออุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น ร่างกายจึงต้องการของเหลวมากขึ้น เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างสมดุล หลังจากขับเหงื่อออกมาเพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง ซึ่งทำให้ร่างกายสูญเสียโซเดียมและน้ำไป

หากดื่มน้ำไม่เพียงพอในสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดในสมองเกิดการหดตัว และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะตามมา ดังนั้น จึงควรหมั่นจิบน้ำตลอดทั้งวัน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด เพราะจะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน ซึ่ง Tonkit360 เคยนำเสนอ 5 เหตุผลที่ไม่ควรดื่มน้ำเย็นในหน้าร้อน ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนโรคลมแดดก็เป็นภาวะอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งสัญญาณเตือนอย่างแรกที่สังเกตได้คือ อาการปวดศีรษะ เวียนหัว อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น รวมถึงอาจเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ อาทิ สับสน พูดไม่ชัด และอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดอาการชักเกร็งได้

354310

ถ้าไม่เกี่ยวกับอากาศร้อน ตำแหน่งที่ปวดหัวอาจบอกโรคได้!

หากอาการปวดศีรษะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตอนที่อากาศร้อน อาจต้องสังเกตตัวเองด้วยว่าตำแหน่งที่ปวดนั้นอยู่บริเวณใด ซึ่ง ผศ.พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุไว้ว่าตำแหน่งต่าง ๆ ที่เกิดอาการปวดศีรษะสามารถบอกโรคคร่าว ๆ ได้ ดังนี้

ปวดบริเวณหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง

ส่วนใหญ่อาการปวดหัวที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง บางครั้งร้าวมาที่ด้านหลังของศีรษะและต้นคอ รวมถึงบ่าไหล่ร่วมด้วย ซึ่งเป็นภาวะที่สัมพันธ์กับความเครียด

ปวดบริเวณขมับด้านใดด้านหนึ่ง

หากมีอาการปวดบริเวณขมับด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ หรือปวดสลับกันระหว่างข้างซ้ายหรือข้างขวา และเวลาปวดบางครั้งอาจจะมีปวดร้าวเข้ามาที่กระบอกตาร่วมด้วย อาจเป็นอาการปวดจากโรคไมเกรน ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ร่วมด้วย และถ้าอยู่ในที่แสงสว่างจ้า เสียงดัง หรือว่ามีกลิ่นฉุนอาการจะแย่ลงได้

ปวดบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง

อีกหนึ่งอาการที่พบบ่อยคือปวดบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้างลงมาจนถึงบริเวณหน้าผากด้วย หรือว่าปวดตรงบริเวณดั้งจมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งของไซนัส ดังนั้น หากเกิดมีการอักเสบของไซนัส ก็จะมีอาการปวดที่ตรงบริเวณนี้ด้วย

ปวดบริเวณหน้าใบหู

เมื่อใดที่มีอาการปวดบริเวณหน้าใบหู โดยเฉพาะในระหว่างที่กำลังเคี้ยวอาหาร อาจจะเป็นอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของกราม ซึ่งบางคนอาจไม่รู้ตัวว่ากัดฟันตอนเวลานอน ทำให้รู้สึกว่าเมื่อตื่นขึ้นมา เวลาขยับปากหรือเวลาเคี้ยวอาหารจะรู้สึกปวดบริเวณดังกล่าว

ปวดรุนแรงแบบทนไม่ได้

หากมีอาการปวดแบบรุนแรงมาก และมีการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด รวมถึงมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย อาจเป็นอาการปวดที่มาจากโรคร้ายแรงได้ อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคเนื้องอกสมอง จึงไม่ควรนิ่งนอนใจเป็นอันขาด ให้รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook