จริงหรือไม่? “งานราชการ” อาชีพที่มั่นคงแต่ไม่มั่งคั่ง!

จริงหรือไม่? “งานราชการ” อาชีพที่มั่นคงแต่ไม่มั่งคั่ง!

จริงหรือไม่? “งานราชการ” อาชีพที่มั่นคงแต่ไม่มั่งคั่ง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อครั้งเรายังเด็กหลายคนคงถูกตั้งคำถามจาก พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ของเราว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” และเชื่อว่าเด็กหลายคนรวมถึงผู้เขียนด้วยคงตอบว่า อยากเป็นครู เป็นพยาบาล หรือเป็นหมอ ซึ่งเป็นอาชีพที่เราคุ้นชินและเจอในวัยเด็กเป็นประจำทุกวัน แต่หากเราถามคำถามนี้กับผู้เป็นพ่อแม่ ว่าอนาคตอยากให้ลูกทำอาชีพอะไร แน่นอนว่าอาชีพข้าราชการก็คงเป็นตัวเลือกแรกเช่นกัน เป็นเพราะค่านิยมของคนสมัยโบราณในสังคมไทย ที่มักปลูกฝังให้ลูกหลานนั้นได้เข้ารับราชการ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับในสังคมว่ามีเกียรติ มีโอกาสก้าวหน้าและมีความมั่นคง มีสวัสดิการและหลักประกันตลอดชีวิต

เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่มักมองว่า “อาชีพราชการ” นั้นมีความมั่นคง แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่แล้วพวกเขากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะปัจจุบันมีอาชีพที่สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตมากมาย หากเปรียบเทียบกันอย่างตรงไปตรงมาต้องยอมรับว่าเงินเดือนที่ได้รับจากการเป็นพนักงานบริษัทเอกชนได้มากกว่าการรับราชการ แต่ก็ยังมีเด็กรุ่นใหม่อีกจำนวนไม่น้อยที่พยายามสอบแข่งขัน เพื่อเข้าทำงานในหน่วยงานราชการเช่นกัน

ส่วนใหญ่เรามักได้ยินคำพูดจากหลาย ๆ คนในหลายแง่มุมว่า การทำงานราชการ ทำงานเท่าไรก็ไม่มีวันรวย ลองมาดูกันว่างานราชการมั่นคงแต่ไม่รวยจริงไหม? แล้วทำไมหลายคนถึงคิดเช่นนั้น

ทำงานราชการมีข้อดีอย่างไร

เป็นที่รู้กันดีว่าสวัสดิการของอาชีพราชการนั้นดีมาก ๆ เปรียบคือสวัสดิการในการทำงานของบริษัทเอกชนส่วนใหญ่จะครอบคลุมเฉพาะคนทำงานเท่านั้น แต่สวัสดิการของอาชีพราชการนั้นจะครอบคลุมทั้งตัวผู้รับราชการเองรวมไปจนถึงคนในครอบครัวด้วย ทั้งพ่อแม่ คู่สมรส และลูก ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือแม้กระทั่งค่าเล่าเรียนของบุตร รัฐก็ช่วยส่วนหนึ่ง ราชการบางหน่วยงานบางตำแหน่งมีบ้านพักราชการให้ด้วย

และยังได้รับสิทธิพิเศษจากทางธนาคาร โดยข้าราชการสามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ทั่วไป และสามารถผ่อนชำระได้เป็นเวลานาน เหตุผลที่คนรับราชการมีเครดิตที่ดีนั้นเป็นเพราะธนาคารมองว่าอาชีพรับราชการมีรายรับที่มั่นคง และมีความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานที่รับรอง หรือยืนยันตัวตนได้นั่นเอง

ไม่ถูกเลิกจ้าง หรือถูกไล่ออก

เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่แหละคือความมั่นคงของชีวิต เพราะในขณะเดียวกันคนที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้บริษัทเอกชนหลายแห่งประกาศปิดตัว พนักงานถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งในหน่วยงานราชการจะไม่เป็นเช่นนี้เลย การถูกเลิกจ้างหรือการไล่ออกนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก หากไม่กระทำผิดกฎร้ายแรงซึ่งแน่นอนว่าอาชีพราชการจะมั่นคงกว่าการเป็นพนักงานเอกชนในส่วนนี้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าในอนาคตการทำงานราชการจะยังมั่นคงอยู่ไหม

เงินเดือน และตำแหน่งหน้าที่

การทำงานราชการนั้นเงินเดือนมักมีความสอดคล้องกับตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ และมีความก้าวหน้าในอาชีพเป็นขั้นบันได การทำงานราชการมักมีโอกาสได้รับเงินส่วนอื่น ๆ เพิ่มอีกตามตำแหน่งและหน้าที่ เช่น ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยง เงินพิเศษในกรณีต่าง ๆ นอกจากนี้ข้าราชการก็จะได้รับเงินเดือนในอัตราสูงขึ้นในแต่ละปี มีการปรับเงินเดือนเหมือนบริษัทเอกชนเช่นกัน แต่ในส่วนของการปรับเลื่อนตำแหน่งนั้นข้าราชการต้องมีผลการประเมิน ผลการปฏิบัติราชการไม่ต่ำกว่าระดับพอใช้ หรือร้อยละ 60 จึงจะได้รับการพิจารณาในการปรับเลื่อนตำแหน่ง

หลายคนรู้ดีว่าทำงานบริษัทเอกชนมีโอกาสได้เงินเดือนสูงกว่าราชการอยู่แล้ว ถ้าเทียบในระดับวุฒิการศึกษาที่เท่ากันถ้าคุณเป็นพนักงานราชการทั่วไปที่มีเงินเดือนไม่สูงมาก แต่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องงานเยอะมาก ๆ ยิ่งทำนานเท่าไรยิ่งได้รับหน้าที่หลายอย่างมากขึ้น หากคุณอยู่ในหน่วยงาน หรือมีตำแหน่งที่ไม่โดดเด่น การปรับเลื่อนตำแหน่งคงเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปตามกฎของหน่วยงานที่วางไว้ และด้วยเหตุนี้หลายคนจึงมองว่าการทำงานราชการคือการย่ำอยู่กับที่ ดั่งคำพูดที่ว่า “ทำเท่าไรก็ไม่รวยสักที” นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พนักงานชั้นผู้น้อยลาออกจากงานราชการ

ในทางกลับกันพนักงานราชการที่ประสบความสำเร็จในอาชีพก็มีให้เห็นจำนวนมาก หากแต่ต้องขยันสร้างผลงาน ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้าน ก็มีโอกาสได้รับตำแหน่งแบบก้าวกระโดดหากคุณเป็นผู้ถูกเลือกในการเลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนของคุณก็จะถูกปรับขึ้นสูงตามไปด้วยเช่นกัน สรุปคือไม่ว่าจะทำงานประเภทไหนสิ่งสำคัญคือต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ฉีกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อนำตัวเองสู่เป้าหมายที่วางไว้

ทำงานราชการมีเงินใช้ไปจนแก่

การมีเงินใช้ในบั้นปลายชีวิตแม้จะไม่ได้ทำงานแล้ว คงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนอยากทำงานราชการ หากมีการเข้ารับราชการมาเป็นเวลามากกว่า 25 ปี ก็สามารถรับบำนาญทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิตหรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เงินบำนาญ” หรือสามารถเลือกว่าจะรับบำเหน็จก็ได้ โดยบำเหน็จก็คือการได้เงินเป็นก้อนเดียวแต่มีจำนวนมาก

ราชการมั่นคงแต่ไม่รวยจริงไหม

ความมั่นคงทางการเงินนั้นสามารถเกิดได้กับอาชีพราชการ และพนักงานบริษัทเอกชนทั้งสิ้น แต่สิ่งสำคัญของความมั่นคงอาจมองลึกลงไปในส่วนของ “เป้าหมายทางการเงิน” เป้าหมายที่เป็นตัวเงิน นั่นคือการวางแผนทางการเงิน ต้องเป็นเป้าหมายที่สามารถกำหนดเป็นตัวเงินที่ชัดเจน ต้องมีความเป็นไปได้ วัดได้ และเป็นไปได้จริงตามเวลาที่เรากำหนด ซึ่งไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม หากขาดเป้าหมายเรื่องการเงิน และระเบียบวินัยเรื่องการใช้เงินแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหนก็เห็นจะเหนื่อยฟรี แบบทำเท่าไรก็คงไม่รวยสักที

สรุปได้ว่าไม่ว่าคุณจะทำงานราชการหรือเอกชน ไม่ว่าคุณจะได้รับเงินเดือนมากขึ้นก็มักใช้มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากคุณไม่วางแผนการใช้เงิน ไม่ต่อยอดหรือลงทุน การขาดสภาพคล่องทางการเงินก็เกิดขึ้นได้กับทุกอาชีพ ส่วนความมั่นคงของอาชีพนั้น คงไม่มีใครสามารถการันตีเรื่องนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะทุกอาชีพสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สิ่งที่สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตของเราที่สุด นั่นคือเรื่องของความรู้ ความสามารถ ส่วนจะมีเงินมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะสามารถต่อยอดเงินที่มีอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook